บทที่ 4
“ทำไมฉันจะต้องทำ”
เสียงแหลมๆ นั่นดังขึ้นจากเด็กหญิงที่กำลังนั่งหน้าบึ้งใส่เธอ แล้วก็แลบลิ้นหลอกเธอราวกับเธอเป็นเพื่อนเล่น อลิเซียยังคงยิ้มเย็นส่งให้ แล้วเอามือไพล่หลังไว้ เธอกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง บางสิ่งที่เตรียมเอามารับมือลูกสาวของเควิน เธอทำตามที่เขาอนุญาต นั่นก็คือไม่ตี...
“เพราะคุณจะต้องเรียนอย่างไรเล่าคะ พ่อของคุณให้คุณเรียนศึกษาแบบโฮมสคูล คุณเลยไม่ต้องออกบ้านไปไหน มีครูมาสอนทุกอย่างให้ที่นี่ ฉันเป็นแค่ครูคั่นเวลา รอครูคนใหม่มาสอนคุณก็เท่านั้น ทำไมคุณถึงชอบเรียนแบบนี้ ไม่อยากมีเพื่อนหรือคะคุณหนู”
“มันเรื่องของฉัน นังหมูสกปรกอย่างเธอไม่ต้องรู้หรอก”
เด็กน้อยทำหน้าเชิด อลิเซียคิดว่าถึงเวลาต้องสั่งสอนอะไรบ้างเสียแล้ว เริ่มแรกก็เรื่องมารยาท
“กรุณาเรียกฉันว่าอลิเซีย อ้อ เรียกว่าแอลก็ได้ค่ะ อย่าใช้คำสบถแบบนั้น มันไม่งาม”
“ฉันจะเรียกแกว่านังหมูสกปรกแกจะทำไม”
เด็กหญิงท้าทายยิ้มเย้ย อลิเซียแบมือออก ให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือ เล่นเอาคาเรนถึงกับมองแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“แกเอาเชือกมาทำไม”
“มัดคุณอย่างไรเล่าคะ มัดแล้วก็เอาตากแดดไว้ตรงสนามนี่สัก...สองสามชั่วโมง จนกว่าคุณจะขอโทษ แล้วก็ไม่เรียกฉันแบบนั้นอีก”
“หะ...” คาเรนเงยหน้าหัวเราะ แล้วกอดอก
“แกไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ไม่...ไม่นะ นังบ้า”
ร่างเล็กวิ่งหนี แล้วร้องกรี๊ด เมื่ออลิเซียตรงมาคว้าจับแขนไว้ แล้วกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหญิงที่ทั้งดิ้นทั้งเตะถีบ แต่แรงของอลิเซียก็เยอะกว่ามาก ในที่สุด เธอก็ลากเอาคาเรนไปมัดไว้ที่กลางสนามจนได้ เด็กหญิงร้องกรี๊ดจนเหนื่อย แต่ก็ไม่มีน้ำตาสักแหมะ มีแต่เพียงแววตาแดงก่ำ ที่มองหน้าอลิเซียอย่างอาฆาตโกรธขึ้ง
“แก...นังคนร้ายกาจฉันจะฟ้องพ่อ”
“พ่อของคุณอนุญาตให้ฉันทำอะไรก็ได้ ยกเว้นตีคุณ”
อลิเซียว่า พร้อมกับยิ้มร้ายกาจส่งให้ เธอหรี่ตาลง พลางเอ่ยต่อเสียงเรียบ
“แก...แกจะทำอะไรฉัน”
เด็กก็คือเด็ก แม้จะร้ายกาจแค่ไหน ก็เป็นเด็กวันยังค่ำ อลิเซียคิดในใจ เธออยากจะลองดัดไม้อ่อนตรงหน้าให้อ่อนน้อมลงบ้าง ถือเสียว่าเอาบุญก็แล้วกัน ที่จะทำให้เด็กร้ายกาจคนนี้พอจะคิดได้บ้าง
“ทำอะไรดีน้า เอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณกลัวอะไรมากที่สุด”
“ฉะ..ฉันไม่กลัว แกอย่าได้คิดจะเอาแมงมุมมาแกล้งฉันนะ ฉันไม่กลัว”
“โอ...แมงมุมอย่างนั้นหรือ ได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปหาในสวนมานะ เอามาไต่เล่นบนตัวคุณ ก็คุณไม่กลัวอย่างไรเล่า”
ว่าแล้วก็ทำท่าจะผละไป เด็กน้อยร้องกรี๊ดๆ อีกหน และหนนี้เธอก็ได้เห็นน้ำตาจากความหวาดกลัวของคาเรน
“ไม่นะ นังบ้า ไม่เอา ไม่เอาแมงมุม”
“ถ้าอย่างนั้นเลิกพูดคำหยาบ และเรียนหนังสือกับฉันแต่โดยดี โอเคไหม คุณคาเรน”
“ฉัน..มะ...”
“เอ..ตรงต้นไม้รกๆ นั่นจะมีไหมหนอ”
“ฉันยอมแล้ว ยอมแล้ว แก เอ๊ย คุณปล่อยฉันเถอะ”
“โอเค”
อลิเซียยิ้มหวานส่งให้เด็กน้อย ที่ตอนนี้มองเธอด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา ก่อนจะค่อยๆ ไปแกะเชือกที่มัดมือและเท้าให้ คาเรนคลำข้อมือ ตาแดงก่ำขณะที่มองเขม็งจ้องเธอ อลิเซียยังคงยิ้มให้ แล้วบางมือบนบ่าของเด็กหญิง พลางกดมือลงน้ำหนักเบาๆ พอให้รู้สึก
“จำไว้นะคะ ว่าอย่าดื้อ ฉันไม่ตีคุณ แต่ฉันทำอย่างอื่นได้มากกว่าตี”
คาเรนเม้มริมฝีปากแน่น เธอจำใจเดินตามครูจำเป็นของตนไปยังห้องเรียนหนังสือ ดูเหมือนคนรับใช้จะตกใจเมื่อเห็นสภาพคุณหนูของบ้านที่เป็นแบบนั้น
และก็ต้องประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อคุณหนูแห่งแอนเดอร์สัน ตั้งอกตั้งใจเรียน และไม่แกล้งป่วนครูผู้สอนเลยแม้แต่น้อย ถึงจะมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดชั่วโมงเรียนก็ตามที
..........................................................................................................................................
“วันนี้เรียบร้อยดีไหม เรื่องคาเรน”
คำถามจากเจ้าของคฤหาสน์ ทำให้อลิเซียถึงกับสำลักขนมที่กำลังรับประทาน มื้อชามื้อบ่ายที่เจ้านายชวนเธอจิบชาเพื่อผ่อนคลายก่อนจะไปลุยงานกันต่อ
“เรียบร้อยดีค่ะ”
“เธอไม่ได้ตีลูกฉันจริงๆ สินะ”
รอยยิ้มนั้นผุดขึ้นมาบนใบหน้าคมสัน พร้อมกับนัยน์ตาคมกริบที่มองมายังใบหน้าหวานแบบจ้องเขม็ง อลิเซียหลบตาเขา เสยกแก้วชาขึ้นจิบ แล้วอมยิ้มน้อยๆ เธอหยิบขนมมัลฟินขึ้นมาบิชิม ทุกอย่างที่นี่อร่อยไปหมด เมื่อครู่ก็เค้กเนยก้อนเล็ก นี่ต่อด้วยมัลฟินบูลเบอรี่ เธอคงไม่อ้วนหรอกนะ ก็คุ้มกับพลังงานที่เสียไปเยอะกับงานนี่นา ต้องรับมือกับลูกสาวของเควิน มันใช่งานเบาๆ ที่ไหนกัน
“ค่ะ”
“อืม...จัดการได้ดีเยี่ยมมาก ฉันอาจจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ เพราะจะต้องให้เธอสอนพิเศษคาเรนไปเรื่อยๆ เธอเคยทำงานด้านครูมาก่อนไหม”
“ไม่ดีมั้งคะ อีกอย่างหนึ่ง ฉันคิดว่าคุณหนูน่าจะมีเพื่อนบ้าง ไม่น่าจะมาเรียนแต่ในบ้านแบบนี้ คุณควรจะให้เธอมีสังคมบ้าง เอ่อ...เธอดูเป็นเด็ก...ค่อนข้าง”
“แปลกประหลาด เก็บกด อารมณ์ร้าย” เขาเอ่ย อลิเซียอ้าปากค้าง เควินถอนใจ
“อื้อ...ฉันก็อยากให้คาเรนเข้าโรงเรียนตามปรกติ แต่ว่า หลังจากที่แม่แกเสีย สองปีนั้นเราสองพ่อลูกผ่านอะไรมาเยอะมาก ฉันเลยต้องตามใจลูกในเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้แกต้องเข้าบำบัดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ”
“เอ่อ…”
สีหน้าของอลิเซียทำให้เขารู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป เควินเม้มปาก แล้วเมินมองไปทางอื่น บทสนทนายุติเพียงชั่วคราว มีแต่ความเงียบเข้าปกคลุมแทนที่ หญิงสาวลอบมองใบหน้าคมสันนั้น ที่ตอนนี้มันเย็นชาขรึมนิ่งอีกหน หรือว่านี่จะเป็นเหตุผล ที่ทำให้เจ้านายของเธอดูลึกลับแฝงเร้นอยากประหลาดกันนะ
เมื่อเขาไม่พูด เธอก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรให้รกใจอีกต่อไป ทั้งสองรับประทานของว่างกันเงียบๆ เควินเอ่ยบอกเธอเมื่อเห็นว่าเธอวางแก้วชาที่หมดเกลี้ยงลงกับจานรอง ว่าให้ไปเริ่มงานช่วงบ่ายด้วยกัน นั่นเหมือนจะเป็นประโยคเดียวที่เขาพูดกับเธอหลังจากนั้นทั้งวัน
ไม้อ่อนน่าดัดให้ดีได้แล้ว แต่ไม้แก่อย่างคนพ่อนี่ เธอจะทำอย่างไรดีนะ ถึงจะเข้ากับเขาได้ เพราะจะต้องทำงานกันไปอีกนานพอสมควรทีเดียว อลิเซียคิดในใจ เธอนึกสงสารสองพ่อลูกนี่ขึ้นมาทันที เรื่องที่ภรรยาของเขาตายด้วยการฆาตกรรมสร้างแผลลึกให้กับทั้งเขาและบุตรสาวมากมาย
เธอหวังอยากจะช่วยเยียวยาหัวใจของคนทั้งคู่ได้บ้าง ตัวเธอเองมีปมเรื่องพ่อ จึงค่อนข้างอ่อนไหวนักกับเรื่องพ่อๆ ลูกๆ แบบนี้ และสิ่งที่เธอต้องการอยากจะทำ คือทำให้เจ้านายและลูกสาวมีความสุข