เสียงสมสู่
“ แล้วลูกจะอยู่ที่นี่ถึงวันไหนหรือ ” ท่านเศรษฐีชวนบุตรชายคุย แม้ว่าพวกเขาจะทำราวกับว่าบิดามิได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
อย่างที่ท่านเคยทำให้พวกเขารู้สึกมาก่อน...
“ ทำไมหรือ อยากไล่ให้พวกข้ากลับไว ๆ หรือไร ” บุตรชายคนโตว่า
“ จางเอ๋อร์ เหตุใดเราจึงพูดจาดี ๆ ฉันท์บิดาและบุตรมิได้ พ่อเพียงเป็นห่วงเจ้า อยากถามไถ่ นี่มันเป็นบ้านของเจ้าทั้งคู่ พ่อจะอยากไล่เจ้าไปเพื่อเหตุใด ”
“ ถ้าเป็นจริงอย่างที่พูด ท่านพ่อก็ควรจะดีใจ ” บุตรคนเล็กว่า นั่นทำให้ผู้เป็นบิดาสงสัย
“ มีเรื่องอันใดน่ายินดีเช่นนั้นรึ ”
ทั้งคู่แย้มยิ้มที่มุมปาก ทว่าไม่เลยไปถึงดวงตา
ดวงตาที่มีประกายเข้มข้นยากเกินจะหยั่งถึง แต่มันมิใช่สิ่งดีแน่ ๆ
“ เพราะพวกเราทั้งคู่ ตกลงใจจะอยู่ที่นี่ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีกำหนด ! ”
ยามห้าย (เวลา 21.00 น. – 22.59 น.)
จวนของท่านเศรษฐีหง ที่ปกติแล้วเวลานี้จะสงบเงียบเพราะผู้คนในจวนเข้านอนแล้ว แต่เวลานี้หาเป็นเช่นนั้นไม่เพราะศาลากลางสวนริมน้ำ มีเสียงเฮฮาจากบุรุษสตรีวัยหนุ่มสาวร่วมยี่สิบคนที่กำลังดื่มกิน ทั้งยังมีเสียงบรรเลงเพลงพิณขับกล่อมให้ความเพลิดเพลิน
ในห้องนอนของท่านเศรษฐี ผู้เป็นประมุขของบ้าน สามีภรรยาที่นอนอยู่บนเตียงก็มิอาจข่มตาลงให้หลับได้ ท่ามกลางเสียงเอะอะนั้น
“ พี่ขอโทษนะ ฟางเอ๋อร์ ” ท่านเอ่ยเสียงสั่น ทำให้ฮูหยินวัยคราวลูกแปลกใจเป็นยิ่งนัก
“ ขอโทษอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่มิได้ทำอันใดผิดต่อข้าเลยแม้แต่นิด ”
“ ก็ขอโทษที่บุตรชายของพี่ทั้งคู่ทำให้เรือนวุ่นวาย ” นางฝืนยิ้ม
“ หาได้วุ่นวายไม่เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี เป็นธรรมชาติของคนวัยหนุ่มสาวมิใช่หรือเจ้าคะ ที่นิยมชมชอบความสนุกสนานบันเทิงใจ ดีเสียอีก คุณชายทั้งคู่จะได้อารมณ์ดีขึ้น ” ท่านถอนหายใจเฮือกเสียยาว
“ เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียจริง คิดไม่ผิดเลยที่พี่เลือกเจ้า ”
“ ข้าเองก็โชคดีเป็นที่สุดที่ท่านให้ความเมตตาข้าเจ้าค่ะ ”
ท่านแย้มยิ้ม แต่พลันก็ต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอกและไอโขลก นั่นทำให้ฮุ่ยฟางรีบเข้าไปกุมมือทับมือของท่านอย่างเป็นห่วง
“ ท่านพี่ ท่านเป็นอย่างไรเจ้าคะ ตามหมอดีไหม ” ท่านส่ายศีรษะเบา ๆ
“ พี่เพียงรู้สึกแน่นหน้าอกเท่านั้น ”
“ ถ้าเช่นนั้น ข้าออกไปชงชาร้อน ๆ มาให้นะเจ้าคะ แล้วเติมสมุนไพรสมานกาย ที่ท่านหมอจิ้งให้ไว้คราวก่อน ท่านว่าหากมีอาการป่วยหรือผิดปกติอันใด ให้เติมลงไปในชาสักหนึ่งยอดแล้วจิบ จะช่วยให้อาการดีขึ้นเป็นปลิดทิ้งเลยเจ้าค่ะ ”
“ เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปทำเอง เรียกบ่าวไพร่ให้มาทำเถิด ฟางเอ๋อร์ ” นางส่ายศีรษะแล้วแย้มยิ้ม
“ บ่าวไพร่ทำงานกันมาทั้งวัน เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อน ข้ามิอยากรบกวนพวกเขาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะ ”
“ พี่ไม่อยากให้เจ้าเหนื่อย ”
“ ข้ามิเคยเหน็ดเหนื่อยใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ข้าทำล้วนเต็มใจ ข้าเป็นภรรยาย่อมต้องทำหน้าที่ปรนนิบัติสามี และดูแลบ้านให้สงบสุข ท่านพี่รอข้าสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ามา ” นางว่าพลางลงจากเตียงแล้วเร่งรีบไปจัดการชงชาให้ผู้เป็นสามีทันที
สองเท้าสาวไปตามทางเดินที่มีโคมจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ กระทั่งถึงห้องชงชาที่ภายในที่เป็นห้องเก็บเครื่องดื่มและสุรารสดี
ทว่านางก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงของบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ
ตั่บ ๆๆๆๆ !!!
มันคือเสียงของบางสิ่งบางอย่างกระทบกันอยู่ด้านหลังฉากห้องชงชา แต่เหมือนจะมิได้มีเพียงจังหวะเดียว มันเหมือนมีอะไรประสานขึ้นพร้อม ๆ กัน
“ อ่า ข้าไม่ไหวแล้วคุณชายทั้งคู่ เสียวเหลือเกิน ” เสียงคร่ำครวญของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับเสียงจังหวะนั้นกระชั้นถี่ขึ้น
หัวใจของฮุ่ยฟางกระชั้นถี่ รู้ดีอยู่แก่ใจว่านั้นคือเสียงสมสู่ แต่ผู้ใดเล่าจะกล้าแอบมาทำสิ่งนี้ในเรือน สองเท้าสาวเข้าใกล้ฉากไม้ แนบสายตาลงบนช่องว่าง เล็ก ๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
เบื้องหลังฉากมีร่างเปลือยเปล่าสามร่าง บนและล่างเป็นเรือนกายสูงใหญ่กำยำของบุรุษรูปงาม
“ คุณชาย ! ” นางเผลออุทานออกมาเบา ๆ แล้วรีบยกมืออุดปากตัวเองเอาไว้
ใช่แล้ว ลูกเลี้ยงของนางนั่นเอง !