ผู้หญิงของเพื่อน
“ อันนี้แสร้งว่านะคะ ทานเป็นออเดิร์ฟ ส่วนกับข้าวมีมัสมั่นไก่ นี่หมูโสร่ง ยำถั่วพูกุ้งสด ของหวานมีกล้วยไข่บวชชีกะทิอบควันเทียนค่ะ ” รามมองตามอาหารที่หญิงสาวเปิดให้ดูและสาธยายไปพร้อม จากนั้นต้องเงยหน้ามองเธออย่างทึ่ง ๆ
“ นี่น้องน้ำหนึ่งทำเองหมดทุกอย่างเลยเหรอครับ ”
“ ใช่ น้องน้ำหนึ่งชอบทำอาหารมากโดยเฉพาะอาหารไทย ก็เลยไปเทคคอร์สทางด้านนี้โดยตรง มึงลองชิมสิราม ไม่ใช่หน้าตาดีอย่างเดียวนะ อร่อยมากด้วย ” นฤบดินทร์ตอบแทน น้ำหนึ่งยิ้มพร้อมตักข้าวและอาหารใส่จานให้กับชายหนุ่มทั้งคู่ เธอเชิญชวนให้รามลองชิม
“ พี่รามลองทานดูสิคะ ”
รามมองอาหารหน้าตาน่ากินที่อยู่ตรงหน้าอย่างทึ่ง ๆ บางอย่างเขาไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ
เมื่อตักอาหารใส่ปากก็รู้ว่าที่นฤบดินทร์พูดนั้นไม่ผิดเลย อาหารรสชาติอร่อยมาก น้ำหนึ่งจ้องมองเขาตาโตเหมือนเด็กเพื่อรอฟังคำตอบว่าเขาพอใจในรสชาติอาหารนั้นหรือไม่ จนรามอดที่จะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เขารีบเคี้ยวและกลืนอาหารลงคอก่อนจะรีบเอ่ยชม
“ อร่อยมากเลยครับ ” หญิงสาวยิ้มตาหยีแก้มป่องอย่างดีใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอหยิบขึ้นมาดูแล้วหันมาบอกทั้งคู่
“ น้ำหนึ่งขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ คุณแม่โทรมาค่ะ ”
เมื่อเธอเดินออกไปลับตา นฤบดินทร์ก็ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับเบื่อหน่ายเต็มทน รามจ้องหน้าเพื่อนแล้วถามตรง ๆ
“ น้องเขาก็เป็นกุลสตรีดี หน้าตาก็น่ารัก มึงหนักใจอะไรวะ เหมาะที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือน เป็นแม่ของลูกจะตาย ”
อีกฝ่ายจ้องเพื่อนกลับอย่างเบื่อ ๆ
“ ก็นั่นแหละ เหมาะที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือน แต่กูไม่ชอบ มันจืดชืดเกินไป ไม่ตื่นเต้น ไม่เร้าใจ ไม่มีเหี้ยอะไรเลยอีกอย่างนะ กูไม่พร้อมที่จะมีโซ่คล้องคอว่ะ ”
“ แล้วทำไมไม่บอกที่บ้านไปตรง ๆ ”
“ บอกยังไงล่ะ ถ้าถอนหมั้นทางบ้านน้ำหนึ่งก็จะเสียหน้า แถมมีผลกับธุรกิจของพ่อกูอีก เพราะพ่อน้ำหนึ่งมีหุ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของธุรกิจบ้านกูเลยนะ ”
“ แล้วมึงจะทำยังไง ”
นฤบดินทร์หยิบช้อนตักแสร้งว่าที่ประกอบด้วยสับปะรดกับน้ำยำพร้อมเครื่องเคียงทั้งหลายเข้าปากแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ กูก็ว่าจะแต่งไปตามหน้าที่แล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เชื่อง ๆ แบบนี้โง่จะตาย ให้อยู่เฝ้าบ้านทำกับข้าวรอผัวแสนดีอย่างกูกลับไปกินแต่ละวันก็พอ แค่นี้กูก็เป็นเสือล่าเหยื่อได้เหมือนเดิมแล้ว ”
รามวางช้อนลงกับจาน
“ มึงไม่สงสารน้องเหรอวะ ” อีกฝ่ายไม่ตอบ จ้องหน้าเพื่อนอยู่พักหนึ่งแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ
“ กูคิดออกแล้ว ไอ้ราม ถ้ามึงสงสารน้ำหนึ่งนะ มึงรีบมาทำงานให้กูเลย ที่นี่ พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี จะเรียกเงินเท่าไร ห้องทำงานสไตล์ไหนกูสู้ไม่อั้น แต่มีข้อแม้ว่ามึงต้องคอยรับหน้าน้ำหนึ่งให้เวลาที่กูจะหายแว้บไปหาเศษหาเลย แค่นี้น้ำหนึ่งก็ไม่สงสัยกูแล้ว ไม่ต้องเสียใจอะไรทั้งนั้น สบายใจกันทุกฝ่าย ตกลงตามนี้นะ ”
“ เดี๋ยว ๆๆ อะไรของมึงเนี่ย นี่กูแค่จะออกแบบโรงแรมให้มึงนะ ไม่ได้เป็นแม่บ้านขึงผ้าปูที่นอนตามห้องพักแขกจะได้ต้องมานั่งทำงานประจำทุกวัน ”
“ เออน่า ตามนี้แหละ ถือว่าช่วยเพื่อนให้รอดพ้นจากการกักขังหน่วงเหนี่ยว นะเพื่อนนะ ”
ยังไม่ทันตอบตกลง น้ำหนึ่งก็เดินกลับมา
“ คุณแม่สั่งให้ซื้อผลไม้กลับไปให้ด้วยค่ะ ตอนเย็นพี่บดินทร์มีธุระหรือเปล่าคะ คุณแม่ฝากเชิญไปทานมื้อเย็น ”
“ พี่มีประชุมเย็นน่ะค่ะน้ำหนึ่ง เสียดายจังเลย ไว้วันหลังนะ ฝากกราบขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ ”
หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ
“ น้ำหนึ่งเข้าใจค่ะ ทานข้าวกันต่อเถอะค่ะ ”
ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารต่อ ยังไม่เท่าไรโทรศัพท์มือถือของนฤบดินทร์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบมาดู
“ ลูกค้าโทรมา พี่ขอตัวสักครู่นะ ” จากนั้นก็รีบลุกเดินออกไปทันที น้ำหนึ่งชะงักแล้วมองตามเขาไปด้วยแววตาน้อยอกน้อยใจ รามจึงชวนเธอคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เธอคิดมาก
“ อาหารอร่อยทุกอย่างเลยนะครับ น้ำหนึ่งทานต่อเถอะ ไม่ต้องรอบดินทร์ มาครับ พี่ตักให้ ”
เขาว่าพลางตักอาหารใส่จานให้เธอที่ยิ้มรับและกล่าวขอบคุณ แววตาละห้อยเหมือนลูกแมวน้อยเศร้ากลับกลายเป็นสดชื่นดังเดิม รับประทานไปคุยไป สักพักโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเช่นกัน เมื่อหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นนฤบดินทร์โทรเข้ามา ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าอยู่แค่นี้ทำไมต้องโทรมา ต้องทำเรื่องไม่ชอบมาพากลอีกแน่ ๆ เขากดรับ