แม่สาวขาโหด Vs พ่อหนุ่มโรคจิต (100%)
“ทีนี้จะบอกได้หรือยัง ว่าใครเป็นคนส่งเธอมา” บีบปลายคางมนแรงๆ จนใบหน้างามที่มีเหงื่อโซมบิดเบ้ แล้วเค้นเสียงแข็งคาดคั้น ดวงตาสีทองอร่ามจ้องใบหน้างามไม่ลดละ
ทวิชาเคยแต่สอบสวนผู้ร้ายในคดี แต่มาวันนี้เมื่อตกเป็นจำเลยเสียเองถึงกับพูดไม่ออก แต่ยังไงเธอก็ต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์เขย่าประสาทนี้ให้จงได้
“ไปตายซะไป๊!” ตะเบ็งเสียงไล่ตะเพิดอย่างไม่กริ่งเกรง กำลังจะถ่มน้ำลายรดใบหน้าถมึงทึง แต่ฟรานเชเซียสมีไหวพริบพอที่จะรู้ว่าแม่สาวปากกล้าคิดจะหมิ่นเกียรติเขาด้วยการกระทำอันสุดแสนสามหาว จึงคว้าหมับเข้าที่กรามน้อยทั้งสองข้างแล้วบีบแรงๆ เป็นการลงโทษ
“อย่าคิดจะลองดีกับฉัน ถ้าไม่อยากเป็นผีไม่มีศาล” น้ำเสียงเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวและชวนให้ขนหัวลุกข่มขู่ชิดปากอิ่ม
“เลว!” หลังจากที่เขาสะบัดมือออกจากกรามน้อยจนเธอหน้าหัน ทวิชาก็เบนกลับมามองเขาด้วยสายตาคั่งแค้น แล้วเชิดหน้าด่าทออย่างไม่หวั่นเกรงต่อแรงอารมณ์ของคนที่กำลังเลือดขึ้นหน้า
“หุบปาก!” เสียงกระด้างตวาดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
จากนั้นเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ยืนเท้าสะเอวมองเชลยสาวที่กำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เชือกที่พันธนาการข้อเท้าและข้อมือกลมกลึงทั้งสองข้างคลายปม
ทวิชาถูกมัดติดกับเสาของประตูฟุตบอลกลางสนามหญ้าที่แสงแดดกำลังแผดเผาในเวลาเที่ยงวัน หญิงสาวปาดเหงื่อออกจากวงหน้าแดงก่ำเพราะโดนพิษแดดลามเลีย ลำคอแห้งผาก ส่วนท้องก็ร้องโครกครากร่ำหาอาหารมาช่วยต่อพลังและลมหายใจ ตั้งแต่เช้าข้าวและน้ำยังไม่ตกถึงท้องเธอเลย ฟรานเชเซียส โบลาโกนี ช่างใจร้าย ใจดำ และโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษมนายิ่งนัก
ครืนๆๆๆ…
เปรี้ยง!!!
เสียงฟ้าคำรามลั่นประหนึ่งว่ามันจะถล่มทลายลงมาตรงหน้า ประกอบกับเสียงลมกระโชกอื้ออึง ทำให้สารวัตรสาวหวีดร้องสุดเสียง ตัวสั่นงันงกไม่ต่างอะไรจากลูกนกตกน้ำ พายุตั้งเค้าโหมกระหน่ำในช่วงเที่ยงวัน ดูเหมือนว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้งและลงโทษคนกลัวฝนอย่างทวิชาเข้าเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคนที่กล้าหาญไม่เคยเกรงกลัวอะไรจะกลัวเสียงฟ้าร้องจับใจ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอมีความหลังฝังใจในวัยเด็ก โดนพี่เลี้ยงใจร้ายทำโทษโดยการให้ยืนตากฝนนานนับชั่วโมง
เปรี้ยง!
“กรี๊ด!!!” ทวิชาหวีดร้องสุดเสียงทำหน้าแตกตื่น หดคอลงพร้อมกับห่อตัว
“พ่อขา ช่วยลูกด้วย” ปากสั่นสะท้านเพราะหนาวเหน็บจากสายฝนพึมพำอ้อนวอนไปถึงบิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว เพราะไม่รู้จะทำยังไงดีกับความหวาดกลัวที่กำลังวิ่งเข้าจู่โจมกายและใจอยู่ในเวลานี้
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องร่างบางก็จะสะดุ้งโหยง ดวงหน้าเปียกปอนซีดเผือด ห่อตัวเข้ากันเหมือนจะปลุกปลอบขวัญ สุดท้ายก็ปล่อยโฮลั่นอย่างไม่อาจอดกลั้น ทวิชาเกลียดความอ่อนแอ ไม่ว่าความอ่อนแอนั้นจะมาจากสาเหตุใด แต่ในกรณีนี้เธอไม่มีปัญญาจัดการกับมันจริงๆ
เสียงร้องไห้ระงมทำให้คนที่สาวเท้าก้าวเอื่อยๆ มาหาเชลยสาวถึงกับกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างสมใจ ทีนี้นางนกต่อก็รู้แล้วสินะว่าควรจะทำยังไง
“หึ…หึ” ร่างทะมึนยืนจังก้าท้าลมและพายุประกอบกับมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้างลงมา แต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน เสียงกลั้วหัวเราะเยาะหยันทำเอาคนตัวเล็กผงกหัวขึ้นมอง แล้วก็ต้องเบิกตาโพลง เจ้าของใบหน้าถมึงทึงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะกัมปนาท สภาพของฟรานเชเซียสในเวลานี้มันเหมือนพญามัจจุราชที่หลุดออกมาจากขุมอเวจีไม่มีผิด
“เป็นไงคนสวย จะบอกได้หรือยังว่าใครส่งเธอมา” คนกางร่มท้าสายฝนโหมกระหน่ำทอดเสียงห้าวกระด้างเค้นคอเชลยสาวอย่างไม่แยแสต่อสภาพสะบักสะบอมของเธอ หญิงสาวเม้มปากสั่นระริกไว้แน่นสนิท อยากจะบอกเขาเหลือเกินหากว่ามันไม่ใช่ความลับสำคัญ
“อ้อ…ฉันลืมไป ว่านางนกต่ออย่างเธอ มันต้องบังคับให้คายความลับกันบนเตียง” ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับพ่นวาจาร้ายกาจออกมาจากปากหยักเพื่อเยาะหยันเธอโดยเฉพาะ
ฟรานเชเซียสลงมือแก้เชือกที่ผูกร่างบางติดกับเสาออก ก่อนที่เจ้าของเรือนกายทรงพลังจะจับเธอกดลงไปกับพื้นหญ้าชื้นแฉะแล้วขึ้นไปนั่งคร่อม คล้ายจะทำตามคำพูดที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทวิชาหวีดร้องเสียงหลง ส่ายหน้าทั้งน้ำตา พลางดิ้นขลุกขลักให้หลุดพ้นจากร่างทะมึนที่ชะโงกง้ำอยู่เหนือร่าง
“ไอ้สารเลว!” แผดเสียงด่าทอลั่น แล้วถอยกรูดหนีไปข้างหลังด้วยความทุลักทุเลเพราะมือและเท้าถูกพันธนาการไว้มั่น ฟรานเชเซียสขบกรามแกร่งกระแทกเข้าหากันเสียงดังกึกกัก ใบหน้าถมึงทึง ก่อนจะปล่อยร่มในมือให้ปลิดปลิวไปกับสายลมอย่างไม่แยแส
“สามหาว!” น้ำเสียงดุกร้าวตะคอกลั่น นัยน์ตาสีทองอร่ามเข้มขึ้นด้วยพิษโทสะ ก่อนจะออกแรงขยุ้มแขนเรียวดึงร่างเปียกปอนเข้าไปปะทะแผงอกแกร่ง แล้วกระแทกริมฝีปากร้อนจัดตะโบมจุมพิตดุดันจนกลีบปากอิ่มเต็มร้าวระบมแทบเลือดไหลซิบ ปากบวมเจ่อเผยอรับอย่างไม่เต็มใจ หากแต่ความชำนาญขั้นเทพของพ่อหนุ่มนักรักก็ทำให้คนถูกจูบมึนงง และยอมให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้ายกาจเข้ามาชิมรสหวานจากกระพุ้งแก้มอิ่มอุ่นจนถ้วนทั่ว
ทวิชาเบิกตาโพลง ตัวแข็งทื่อ เมื่อโดนเจ้าพ่อจอมอหังการปล้นจูบแรกไปอย่างป่าเถื่อนและกักขฬะ ครั้นริมฝีปากเจ่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก็ไม่รอช้าที่จะโต้ตอบอย่างถึงพริกถึงขิง
ถุย!!!
เจ้าของดวงตาวาวโรจน์เชิดหน้าขึ้นถ่มน้ำลายกระเซ็นเฉียดโหนกแก้มสูงของคนที่นั่งยองๆ ไปเพียงนิดเดียว ในเมื่อไม่มีมือไว้สู้เธอก็จะใช้ปากนี่แหละตอบโต้เขา ฟรานเชเซียสสบถลั่นด้วยความหัวเสียสุดๆ กัดฟันกำหมัดแน่น เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อให้มันช่วยบรรเทาอารมณ์โกรธกรุ่น ด้วยเกรงว่าตนจะพลั้งเผลอกระโจนเข้าไปขย้ำคอของแม่สาวปากกล้า
“หน้าตัวเมีย รังแกได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้” หญิงสาวตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองใบหน้าที่กำลังแดงก่ำของเจ้าพ่อหนุ่ม แล้วตวาดด่าทอดังสนั่นแข่งกับเสียงห่าฝน
ทั้งที่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มที่หญิงสาวบังอาจสาดถ้อยคำประณามรุนแรงที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายอกสามศอก แต่เขาก็พยายามข่มกลั้นแรงอารมณ์ ปาดหยาดฝนออกจากใบหน้าคร้ามคมอย่างลวกๆ ก่อนจะผุดลุกยืนขึ้นเต็มความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตร ล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วลอยหน้าพูดยั่วอีกฝ่ายกลางสายฝนกระหน่ำอย่างหน้าตาเฉย
“นั่นแหละคือสิ่งที่คนอย่างฉันเป็น ก็คนไม่มีทางสู้อย่างเธอมันอยากปากดีทำไมล่ะ”
“แน่จริงก็มาสู้กันตัวต่อตัวสิ จะมัวแต่เห่าหอนอยู่ทำไม” ถึงแม้ตอนนี้ทวิชาจะมีสภาพไม่ต่างจากสุนัขจนตรอก แต่เธอก็จะไม่ยอมให้เขาทำอะไรได้อย่างย่ามใจ ไม่สามารถสู้รบปรบมือได้เพราะโดนพันธนาการแน่นติ๊กไปทั้งตัวก็ท้าทายเขาด้วยวาจาห้าวหาญ
ท้ายประโยคทำเอาฟรานเชเซียสคำรามลั่นด้วยความเดือดดาล ย่อตัวลงแล้วบีบกรามน้อยเข้าบดกระแทกกันจนแทบแหลกละเอียดคามือใหญ่
“สู้กันตัวต่อตัวเสื้อผ้าไม่เกี่ยวก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสู้กันด้วยมือเปล่า ขอบอกว่าเธอแพ้ราบคาบร้อยเปอร์เซ็น” ฟรานเชเซียสประกาศกร้าวด้วยท่าทางทระนงตน พร้อมสลัดมือออกจากกรามบอบบางแรงๆ
“เฮอะ…อย่ามั่นใจในความสามารถของตัวเองนักเลย” หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความหมั่นไส้ปนกรุ่นโกรธกับถ้อยคำหยาบโลนที่เขาพ่นออกมาจากปากหยัก
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกคนสวย เธอได้สู้กับฉันแบบ ‘ตัวต่อตัวเสื้อผ้าไม่เกี่ยว’ แน่ ถ้าเธอยังทำอวดดีและปากแข็งโป๊กอยู่อย่างนี้” คำข่มขู่เสียงเย็นยะเยือกทำเอาร่างงามสั่นสะท้านด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างมิอาจระงับ หากแต่ความโมโหก็มีมากพอกัน
“ชาติชั่ว!” เพียงสองวลีสั้นๆ แต่ก็ทำเอาเจ้าของใบหน้าถมึงทึงโกรธจนควันแทบออกหู
ชั่วพริบตาเดียวร่างระหงก็ลอยละลิ่วเข้าไปปะทะแผงอกกว้าง ฟรานเชเซียสไม่พูดพร่ำทำเพลง กระแทกปากอุ่นจัดลงบดขยี้กลีบปากสวยอย่างรุนแรง ทวิชาดิ้นรนขัดขืนเท่าที่สภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย พร้อมกันนั้นก็ทำเสียงประท้วงอู้อี้ในลำคอน้อย แต่นั่นก็ไม่นำพาให้เจ้าพ่อจอมอหังการผ่อนปรนความป่าเถื่อนลงได้ ยิ่งเธอออกแรงต่อต้านเขาก็ยิ่งไร้ซึ่งความปรานี หากแต่ทุกสัมผัสกลับแฝงไปด้วยความกระหายอยากอย่างแสนประหลาดล้ำ ฟรานเชเซียสเองก็ได้แต่สงสัยว่าไฉนเลยตัวเองถึงปรารถนาริมฝีปากช่างด่าและเถียงฉอดๆๆ นี้นัก มันเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างกันที่มองไม่เห็น
“กรี๊ด อย่านะ!” ความหวาดกลัวกับเสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างและความโหดร้ายดิบเถื่อนของผู้คุมโรคจิต ทำให้ร่างไร้เรี่ยวแรงของทวิชาไม่อาจยืนหยัดต่อกรกับจอมอหังการได้อีกต่อไป เธอกรีดร้องออกมาอย่างคนขวัญเสีย ก่อนจะร่วงผล็อยลงไปราวไร้ศูนย์ถ่วง เดชะบุญที่เจ้าของเรือนกายสูงใหญ่เคลื่อนเข้ามารับร่างบางไว้ได้ทันเสียก่อน ไม่งั้นเธอคงหัวกระแทกพื้นไปแล้ว
“นี่…ฟื้นสินางนกต่อ ฉันบอกให้เธอลืมตาเดี๋ยวนี้” ทั้งตบแก้มและเขย่าร่างอ่อนปวกเปียก ขนาดเธอสลบเหมือดไปแล้วพ่อคนเอาแต่ใจยังไม่วายออกคำสั่งด้วยท่าทางเผด็จการ
ฟรานเชเซียสจัดการแก้เชือกที่ผูกมือและเท้าของเธอออก ก่อนจะตวัดร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนแกร่ง แล้วพาเดินลิ่วเข้าบ้าน วางทวิชาลงบนพื้นแข็งๆ ในห้องสอบสวน น้ำเสียงดุดันออกคำสั่งให้ลูกน้องเฝ้าเชลยสาวเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ก่อนที่ร่างทรงพลังจะก้าวจากไปด้วยมาดทระนงองอาจ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟรานเชเซียสก็กลับมาที่ห้องสอบสวนอีกครั้ง เจ้าพ่อจอมอหังการมองร่างกระปลกกระเปลี้ยที่นอนหายใจรวยรินในสภาพไร้สติอยู่กับพื้นด้วยสายตาเฉยชา เสียงครางผะแผ่วที่หลุดออกมาจากริมฝีปากซีดเผือดของทวิชาไม่ทำให้เขานึกเวทนาเลยสักนิด
“หึ…ใจเสาะซะเหลือเกินนะแม่คุณ ถ้าเธอมาตายในบ้านของฉัน สาบานได้เลยว่าฉันจะเอาเธอไปทิ้งข้างถนนไม่ต่างจากหมาจรจัดตัวหนึ่งแน่” ฟรานเชเซียสแค่นยิ้มหยันพร้อมทั้งทำเสียงเยาะขึ้นจมูกอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก
จากนั้นเจ้าพ่อจอมอหังการก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ก่อนจะจุดบุหรี่สูบแล้วพ่นควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากริมฝีปากสุดโอหัง พร้อมกับทอดนัยน์ตาสีทองอร่ามมองไปยังร่างเปียกโชกอย่างนึกสมเพชระคนสะใจ
“เอ่อ…นายครับ ให้ผมไปตามหมอมาตรวจอาการเธอหน่อยไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทที่ยืนกุมมืออยู่ห่างๆ ถามด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
“ไม่ต้อง!” ฟรานเชเซียสโบกมือปฏิเสธ ก่อนจะเงยใบหน้าหล่อกระชากใจขึ้นนิดๆ อัดบุหรี่เข้าไปทำลายปอดแล้วพ่นควันสีขาวขุ่นออกมาด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“แต่เธอกำลังจะแย่แล้วนะครับ ผมว่า…” ถึงแม้แฟรงค์จะหวาดหวั่นต่อแรงอารมณ์ของเจ้านายมาดเถื่อน แต่เขาก็อดที่จะเวทนาหญิงสาวไม่ได้ หากแต่ยังไม่ทันพูดให้จบประโยคก็โดนฟรานเชเซียสสวนขึ้นซะก่อน
“ไม่มีแต่ ถ้าปอดแหกขนาดนั้นก็ปล่อยให้ตายๆ ไปซะ สุสานในอเมริกามีเยอะ ศพไม่มีญาติแค่ศพเดียวเขาคงให้เอาไปฝังรวมกับคนอื่นอยู่หรอกมั้ง” ไม่มีร่องรอยแห่งความเมตตาในสายตาสีทองอร่ามเลยสักนิด พูดจบชายหนุ่มก็ยักไหล่อย่างไม่แยแส ก่อนจะผุดลุกขึ้นบดขยี้ก้นบุหรี่ให้ประกายไฟมอดดับด้วยอุ้งเท้าใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายในรองเท้าหรู
“สารเลว!” คนฟื้นมาทันได้ยินน้ำคำเหี้ยมโหดเค้นเสียงก่นด่าลอดไรฟัน นัยน์ตาสีน้ำผึ้งปรือจ้องใบหน้าโอหังด้วยแววเคียดแค้นชิงชัง
ถึงแม้จะนอนหนาวสั่นจนฟันซี่ขาวสะอาดเคลื่อนเข้ากระทบกันเสียงดังกึกกัก หญิงสาวก็ไม่มีวันยอมทำตัวอ่อนแอให้อีกฝ่ายได้หัวเราะเยาะ พยายามพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้น แล้วกระเถิบตัวไปพิงผนังห้องเย็นเยียบ ก่อนจะยกแขนสั่นเทาขึ้นกอดตัวเองเพื่อขับไล่ความหนาวเหน็บที่กำลังรุมเร้า
“ขอบคุณที่ชม” ชายหนุ่มค้อมหัวน้อยๆ พร้อมกับแสยะยิ้มรับ ไม่ได้นึกสะทกสะท้านไปกับวาจาสามหาวที่หญิงสาวตั้งใจกระแทกใส่หน้าเลยสักนิด
แล้วบุรุษหนุ่มผู้เลือดเย็นเยี่ยงมัจจุราชที่หลุดออกมาจากขุมอเวจีก็ขังเชลยสาวไว้ที่ห้องใต้ดินแห่งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม เพราะสถานที่กักกันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการรีดเค้นเอาความจริง ดีที่ฟรานเชเซียสยังพอมีความปรานีหลงเหลือในเศษเสี้ยวของหัวใจกร้าวกระด้างอยู่บ้าง เขาถึงได้สั่งให้คนเอาฟูกมาให้เธอ ไม่ปล่อยให้คนที่กำลังจับไข้เพราะฝนเข้าเล่นงานซะจนหมดสตินอนบนพื้นแข็งๆ จากนั้นก็สั่งให้แม่บ้านโทรไปเรียกหมอประจำตระกูลมาตรวจคนไข้ หากได้คำตอบในสิ่งที่ต้องการแล้ว ฟรานเชเซียสคงไม่แยแสเลยสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่นี่ความต้องการของเขายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นใครก็มิอาจมาพรากลมหายใจของนางนกต่อไปได้