ตอนที่2 น้องสาวผู้เรียบร้อย
ผู้หญิงเรียบร้อยรักเรียนแต่มักจะแอบแซ่บบ่อยๆ เวลาที่อยู่คนเดียวอย่างณภัทร ไม่แปลกหากเรื่องไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น
เพราะความเมาของพวกเราในคืนนั้น
ณภัทรเมามายจนเดินเข้าผิดห้อง ขณะทำเรื่องน่าอายอย่างการช่วยตัวเองยังคิดว่าตนแค่ฝันหวานตามอารมณ์กำดัดสาวน้อย
ส่วนนิรัชเองก็ดื่มเบียร์อยู่คนเดียวในห้องจนเมามากเช่นกัน เขาทำเรื่องอย่างนั้นกับเธอด้วยอารมณ์เคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นคล้ายคนละเมอคิดว่าตนเองแค่ฝันเปียกสมจริงเกินไป
เมื่อรู้ตัวอีกทีก็เสร็จสมด้วยกันทั้งสองฝ่ายถึงสองรอบใหญ่
หลังจากนั้น กลับเป็นฝ่ายชายที่ถามหาความรับผิดชอบ ส่วนฝ่ายหญิงผู้แสนจะเรียบร้อยไม่เคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางก็ทำได้เพียงหลบหลีกไม่ยอมรับผิดชอบ และไม่พูดถึงอีก
ฟันแล้วทิ้ง! เธอถูกพี่ชายตามกฎหมายตราหน้านับแต่นั้น
ก็จะให้ทำอะไรได้มากกว่านั้น พ่อเลี้ยงกับแม่ของณภัทรเพิ่งแต่งงานและจดทะเบียนสมรสเป็นครอบครัวเดียวกัน และเธอก็อายุแค่เพียงเท่านี้ กำลังเริ่มต้นชีวิตที่สดใสในรั้วมหาวิทยาลัย อนาคตยังอีกยาวไกล เรื่องอะไรจะต้องให้การพลั้งพลาดเสียตัวเพราะเมาเหล้ามาฉุดรั้งชีวิตในวัยสาวสะพรั่งกันล่ะ
ไม่แฟร์หรอกนะ!
บางทีผู้หญิงเรียบร้อยที่เคยรักนวลสงวนตัวยิ่งชีพเมื่อพลาดขึ้นมากลับมีความคิดลึกล้ำเกินกว่าผู้ชายจะเข้าใจ
นอกจากรู้สึกไม่แฟร์แล้วยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ
หากเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเธอกับพี่ชายถูกเปิดเผย แม่ก็อาจจะต้องหย่ากับพ่อเลี้ยง ชีวิตรักของแม่ถูกทำลาย อนาคตอันแสนสดใสคงกลายเป็นมืดครึ้มมองเห็นหนทางแค่รำไร
ณภัทรไม่อยากเสี่ยงเลยจริงๆ
สาเหตุที่ณภัทรมีความคิดเป็นของตัวเองได้ขนาดนี้ สืบเนื่องมาจากผู้เป็นมารดาอย่างลินดา
เมื่อครั้งที่ลินดาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เธอมีแฟนและพลาดพลั้งตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
แฟนหนุ่มนอกจากไม่รับผิดชอบยังหลบหน้า หนีหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งให้ลินดาเผชิญชะตากรรมอยู่คนเดียว
เมื่อไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอหน้า พบแต่พ่อแม่ของอีกฝ่าย ซึ่งก็คอยบอกปัดว่าไม่รู้ลูกชายไปไหน หนักเข้าก็กล่าวหาอย่างหยาบคายว่าลินดาปล่อยเนื้อปล่อยตัว ท้องกับใครก็ไม่รู้ ไม่แน่ว่าอาจไม่ใช่กับลูกชายของพวกเขา
ทางบ้านของลินดานั้น ค่อนข้างเป็นผู้ดีเก่า พวกเขามีฐานะมีหน้ามีตาในสังคม จึงรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
คนในครอบครัวจึงลงความเห็นพ้องต้องกันอย่างเด็ดขาดว่าให้ลินดาทำแท้ง แล้วกลับไปเรียนต่อให้จบ
แต่เธอไม่ยอม ดึงดันเก็บเด็กในท้องเอาไว้
ยามนั้นเพื่อนๆ ของเธอได้เล่าเรียนมีอนาคตสดใสรออยู่ ในขณะที่เธอต้องอุ้มท้องกลมโตไร้อนาคตอยู่บ้านอย่างมืดมน
ทุกคนในบ้านแทบไม่อยากมองหน้าเธอ พวกเขาต่อว่าและประจานเธอ ญาติพี่น้องไม่มีใครยอมรับเธอและลูกในครรภ์
กระทั่งลินดาคลอดเด็กน่ารักออกมาคนหนึ่ง
เธออดทนต่อสายตาดูแคลนจนร่างกายแข็งแรงจึงตัดสินใจเดินออกมาใช้ชีวิตของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยว เลือกตัดขาดจากครอบครัวอย่างมีสติครบครัน ไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบหรือขาดการไตร่ตรองอะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่าลินดาไม่ใช่ลูกคนเดียว บ้านของเธอเป็นครอบครัวใหญ่ เธอเป็นหนึ่งในลูกที่ไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงอะไรอยู่แล้ว
วันที่เธอเดินจากมายังได้ยินเพียงเสียงต่อว่าและด่าทอจากพวกเขาไล่หลังจนลับตา
โชคดีที่ลินดาไม่มีหนี้สินและที่สำคัญเธอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่ก้อนหนึ่ง
เธอใช้มันไปกับเด็กหญิงณภัทร ซื้อนม ซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อน และจ้างกึ่งไหว้วานป้าใจดีข้างบ้านเช่าให้เป็นพี่เลี้ยง ส่วนตัวเธอก็ออกหางานทำโดยไม่เกี่ยงว่าจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน
แต่ด้วยวุฒิการศึกษาที่ต้อยต่ำ เธอจึงเลือกทำงานไปด้วยเรียนกศน. ไปด้วย
ใช้เวลานานพอควรจนได้วุฒิการศึกษาที่ต้องการ เธอจึงเปลี่ยนงานที่ดีกว่าเดิม หาช่องทางเพิ่มรายได้ไปเรื่อยๆ
อาศัยเป็นคนความจำดี รูปร่างหน้าตาสะสวยบุคลิกภาพดี และพอจะมีความรู้เรื่องภาษาเป็นทุนเดิม ลินดาจึงได้งานในห้างสรรพสินค้าหรูโซนเครื่องใช้แบรนด์เนม
ณภัทรเห็นมารดาลำบากเพราะเธอและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดมาโดยตลอด เธอจึงเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เธอยังเข้าใจดีที่ลินดาทั้งเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดอย่างที่มนุษย์แม่คนหนึ่งจะเจ้าระเบียบกับลูกได้
นอกจากจะเป็นเด็กเรียบร้อย รักเรียนเป็นที่ตั้ง ณภัทรยังหางานพิเศษทำเพื่อแบ่งเบาภาระมารดา
ต่อมาลินดาก็เจอรักครั้งใหม่กับเสี่ยวิชัย เขาเป็นหม้ายภรรยาตาย ทั้งสองท่านตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรส ก่อนมารดาจะย้ายเข้าบ้านเขาในเวลาต่อมา
ณภัทรคิดว่ามารดาของตนคงไม่อยากมีใครแล้วเสียอีก เพราะตลอดเวลาหลายปีมานี้ เนื่องจากอีกฝ่ายยังสาวยังสวยแม้จะมีเธอเป็นลูกติดก็ยังมีผู้ชายมาขายขนมจีบไม่เคยขาดสาย แต่เธอก็ไม่เคยเห็นมารดาจะมีอะไรเกินเลยกับใครสักคน
ท้ายที่สุดเธอกลับได้พ่อเลี้ยงสุดแสนจะใจดีคนหนึ่งแถมด้วยพี่ชายหล่อเนี้ยบมาดเท่ห์แต่อารมณ์ร้ายเอาแต่ใจมาก ๆ อีกคน
ถึงขนาดทำให้เธอใจแตกอยู่ในขณะนี้
แต่ณภัทรยังคงมีปณิธานอันแรงกล้า เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง
เธอจะตั้งใจเรียนก่อน ไม่ยอมมีแฟนเด็ดขาด
การเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นหนึ่งในความฝันของแม่ เธอจะต้องทำมันให้ดี ให้แม่เห็น
ภายภาคหน้าเธอจะต้องมีอนาคตที่ดีและสดใสอย่างที่สุด ใครก็หยุดเธอไม่ได้
เธอไม่คิดว่าผู้ชายคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตหรอก
คู่รักวัยเรียนยิ่งไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
เธอต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองและเป็นหลักประกันให้แม่ได้ ต่อให้แม่ไม่มีใครก็จะยังมีเธอตลอดไป
ณภัทรคิดด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น ไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่เมื่อนึกถึงพี่ชายที่หล่อร้ายถึงขั้นอันตรายคอยกระชากใจ
เธอก็ได้แต่กลัดกลุ้ม
เช้าวันใหม่สดใสเสมอ
ณภัทรโยนเรื่องกลัดกลุ้มทิ้งไปอย่างคนไม่ต้องการเก็บทะเลทุกข์ไว้ในใจ เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล อาจมีสิ่งดีๆ รออยู่นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคืออนาคตอันสดใส เธอไม่อยากย่ำอยู่กับที่ให้จิตตกไปมากกว่านี้
หญิงสาวลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันและนาฬิกาก็ยังไม่ทันปลุก ซ่อนหุ่นแซ่บสะท้านเทียบเท่าพริกยกสวนเอาไว้ภายใต้ชุดนักศึกษาที่แสนเรียบร้อย ไม่เผยความยั่วยวนออกมาเลยสักนิด
หลังจากหมุนรอบกระจกสามรอบจนพอใจก็ลงแป้งบางๆ ทาลิปกลอสสีวาวใส เธอไม่ชอบแต่งหน้าจัดจ้าน เพราะหากมีสิวขึ้นก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินเนื่องจากต้องไปหาซื้อยารักษาสิว
ยังต้องไปหาหมอเสริมความงามแล้วรักษาอย่างต่อเนื่อง เธอจึงเน้นการรักษาผิวพรรณให้เนียนละเอียดกระจ่างใสไร้ริ้วรอยอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่เปลืองเครื่องสำอางแต่งหน้า
อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด เธอเป็นอย่างนี้เสมอมา
ณภัทรตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองอีกหนจนพอใจก่อนจะกวาดสิ่งของจำเป็นลงกระเป๋าสะพาย
นอกจากของใช้ส่วนตัวจำพวกลิปกลอส แป้งฝุ่น แป้งตลับ ผ้าอนามัย ทิชชู โทรศัพท์ ของจุกจิกที่ชอบพกพาเป็นประจำแล้ว เวลานี้เธอยังพกถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดด้วย
พกพาขนาดนี้หากมีคนเห็นเข้าต้องมองว่าเธอเป็นผู้หญิงกร้านโลกแน่ ๆ
แต่เธอก็ไม่แคร์หรอก
เพราะเธอเคยพลาดกับพี่ชายไปแล้วครั้งหนึ่งจนแอบติดใจอย่างไม่น่าให้อภัย ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก
เธอเองยังไม่สามารถรับประกันกับตนเองได้เลย
พกไว้ก็ไม่เสียหายสักหน่อย ปลอดภัยจากโรคภัยร้ายๆ และที่สำคัญยังไร้กังวลจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
อันที่จริง หากตอนนั้นแม่ของเธอมีความกล้าพอที่จะพกพาสิ่งของเหล่านี้โดยไม่อายแล้วล่ะก็ แม่คงไม่พลาดแน่ ๆ
แต่ก็อย่างว่าแหละ อดีตไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้ มีแต่ต้องทำอนาคตให้ดีเท่านั้น
ไม่ต้องทนทรมานกับแรงปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริงในเรื่องของการกลับไปแก้ไขอะไร
อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าพ่อคนนั้นที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขนาดไหน
ณภัทรเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าออกจากห้องส่วนตัว เดินลงมาที่ชั้นล่าง
บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางกว่าจะถึงห้องรับประทานอาหารยังต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสามสี่รอบ
ระหว่างทางยังมีภาพนายแบบวัยรุ่นคนหนึ่งแปะฝาบ้านให้ดูอย่างเพลิดเพลินจำเริญตา คนในภาพไม่ใช่ใคร เขาคือนิรัชนั่นเอง พี่ชายคนนี้ของณภัทรมักจะมีคนมาติดต่อให้ไปถ่ายแบบอยู่บ่อย ๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โฆษณาสินค้าแบรนด์ดังหลายตัว
เขาหล่อ เท่ห์ เย็นชา ใช้ได้เลยทีเดียว
ณภัทรคิดว่าผู้ชายหล่อสมาร์ทอย่างนิรัชเป็นดาราได้สบายเป็นพระเอกก็ยังได้ แต่นิสัยเย่อหยิ่งถือตัวขนาดนั้นจะปั้นหน้ายิ้มเวลาออกสื่อได้ยังไง หากถูกสัมภาษณ์จะไม่เย็นชาใส่นักข่าวหรือไง
ยิ่งต้องปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนเฟรนลี่กับแฟนคลับด้วยเธอเองก็คิดภาพไม่ออก ในหัวสมองไม่สามารถวาดภาพผู้ชายคนนี้ในอริยาบถหล่อน่ารักหรืออบอุ่นอ่อนโยนได้เลย
หญิงสาวคิดไปเดินไปพลันต้องชะงักเมื่อเลี้ยวเข้าห้องหนึ่งและภาพของผู้ชายหล่อจัดตัวเป็นๆ คนนั้นก็กระแทกม่านตา
เขาสวมชุดนักศึกษาเผยออร่าคุณชายน่าเกรงขามกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง ลักษณะท่าทางคล้ายกับนั่งรอใครสักคน
“วันนี้เจ้ารัชมีเรียนช่วงเช้าพอดี ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้อีกแล้ว พ่อขอสั่งให้แกรอภัทรกินข้าวเสร็จก่อนแล้วพาน้องไปส่งด้วย”
เสียงคำสั่งของวิชัยดังขึ้นที่โต๊ะอาหาร ณภัทรหันมอง จึงเห็นพ่อเลี้ยงกำลังนั่งอ่านเอกสารและกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร ส่วนมารดาตนกำลังคนหม้อแกงบนเตาไฟที่เคาร์เตอร์ทำอาหาร
เธอจึงหันไปเหลือบมองคนมีเรียนช่วงเช้าบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามอีกแวบหนึ่ง
ในแวบนั้นที่เธอได้สบตากับพี่ชาย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่เธอแน่ใจว่าสายตาของเขามิใช่คนที่ถูกบังคับให้เธอติดรถไปเรียน
แต่กลับเป็นสายตาเย้ยหยันและท้าทาย...
บ่งบอกว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธเขาได้ต่างหาก
ลินดาไม่เคยปิดบังเรื่องราวเหลวไหลของตนในอดีต
วิชัยจึงรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่เคยนึกรังเกียจ หลังจากแต่งงาน วิชัยจึงไม่ยอมให้ลินดาต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยอีก ลินดาจึงกลายเป็นคุณนายอยู่บ้านสวยๆ ไปวันๆ
ทว่าเธอกลับไม่ยอมอยู่นิ่งๆ มักจะตื่นก่อนนอนทีหลังเสมอ
บ้านทุกซอกทุกมุมเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว อาหารทุกจานที่ลินดาเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเองยังอร่อยทุกอย่าง
ไม่ใช่เพียงวิชัยที่เหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น นิรัชเองก็ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นมาเช่นกัน เพียงแต่เขาตัวสูงจึงดูไม่ค่อยออก
เมื่อคุณนายเป็นแบบนี้ แม่บ้านสองคนที่พักอยู่เรือนเล็กด้านหลังจึงตื่นตั้งแต่ไก่โห่มาทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากคิดมาก กลัวจะถูกไล่ออก
ลินดาจึงต้องคอยปลอบใจแม่บ้านบ่อย ๆ “ป้าแหวนพี่แววอย่าคิดมากเลย ดาแค่อยู่เฉยไม่เป็นเท่านั้นไม่ได้คิดแย่งงานเลยนะ”
แม่บ้านทั้งสองได้หัวเราะขัดเขินเก้อกระดากแต่ก็ยังรีบตื่นแต่เช้าทำงานให้หนักเข้าไว้เหมือนเดิม
ณภัทรนั่งกินข้าวอย่างอร่อยพลางมองแม่บ้านสองคนที่เป็นลูกมือก้นครัวให้แม่ เธอเห็นแม่บ้านทั้งสองแย่งกันหั่นต้นหอมผักชีเพื่อเอาหน้ากันยกใหญ่
หญิงสาวยิ้มขัน ในใจนึกภาคภูมิอย่างที่สุด
แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเก่ง ที่สำคัญจิตใจดีมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าแต่ทิ้งไปตั้งแต่เธออยู่ในครรภ์จะรู้หรือเปล่าว่าได้ทำเพชรน้ำงามหลุดมือ
หญิงสาวหมกมุ่นกับความคิดพร้อมกับรับประทานอาหารที่มีเต็มจานอย่างตั้งใจ เมื่อข้าวหมดเธอยังยื่นจานให้มารดาตักเพิ่ม
เสียงเพียะดังขึ้น ณภัทรถูกลินดาตีมือเบาๆ หนึ่งที
“พอแล้ว เดี๋ยวอ้วน”
อืม...จริงด้วย
ณภัทรย่นคิ้วยกจานกลับแต่โดยดี
เธอลืมไปว่าตัวเองได้ทำตารางการควบคุมน้ำหนักที่เขียนขึ้นเองแล้วกำชับให้แม่คอยเตือน เพราะเมื่อก่อนเธอกินแบบตามใจตามปากมากไปหน่อย เธอก็เลยอ้วน
พอเริ่มเป็นสาวถึงได้ตระหนักและเป็นกังวลกับน้ำหนักตัว กลัวว่าต้องเสียเงินรักษาโรคอ้วนไม่จบไม่สิ้น
แน่นอนว่านิสัยเดิมที่มีนั้นต่อให้ได้พ่อเลี้ยงร่ำรวยก็ไม่เคยเปลี่ยนไป เธอกับแม่ยังคง ‘งก’ เหมือนเดิมไม่แปรผัน
วิชัยมองสองแม่ลูกด้วยรอยยิ้ม แววตาอบอุ่นอ่อนโยน
มีเพียงนิรัชที่มองนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่านยาก
ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากจบมื้อเช้า ณภัทรก็เดินมาที่รถพร้อมนิรัช
โรงรถอยู่ด้านข้างของตัวบ้านห่างออกมาเล็กน้อย มีหลังคาและเสาขนาดใหญ่ติดกับตัวบ้าน มีรถยุโรปสุดหรูจอดอยู่หลายคัน เป็นรถชนิดต่างกันแล้วแต่วัตถุประสงค์การใช้งาน
ลินดากับณภัทรขับรถไม่เป็นจึงได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาไม่เคยขับเอง วิชัยคะยั้นคะยอให้ลินดาไปเรียนขับรถได้สำเร็จแค่ไม่นาน ตอนนี้จึงกำลังอยู่ในช่วงหัดขับกับบริษัทสอนขับรถเท่านั้น
ส่วนณภัทรเพิ่งอายุสิบแปดย่อมไม่รีบร้อน
เมื่อเดินมาถึงรถยุโรปคันสีขาวสองประตู ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างขึ้นไปนั่งในรถโดยไม่พูดอะไร
ทว่าจังหวะที่ณภัทรนั่งลงแล้วปิดประตูก่อนจัดกระโปรงให้เรียบร้อย จู่ ๆ นิรัชก็โน้มตัวเข้ามาแล้วโอบเธอทั้งตัว กลิ่นกรุ่นไออุ่นจากกายเขาโอบล้อมไปทั่วร่างของเธอ
หญิงสาวตกใจจนตาโตหลบไม่ทัน ทำได้เพียงชักสีหน้าใส่
“พี่ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็นนะ”
ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก แสงสว่างสาดส่องไปทั่ว กระจกรถยังใสแจ๋วขนาดนี้
นิรัชยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย เขาเอ่ยเสียงเรียบ “คาดเข็มขัด”
ณภัทรอึ้งเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีอมชมพูเรื่อเพราะอายขึ้นมา
“ภัทรลืมไป” เธอนิ่วหน้า “คนไม่เคยมีรถก็แบบนี้แหละ”
นิรัชเลิกคิ้ว “ไม่เป็นไร พี่คอยดูแลคาดให้เธอได้ตลอด”
“หือ...”
นี่คือประโยคที่หลุดจากปากของผู้ชายหน้านิ่งซึ่งถูกฉาบด้วยปูนซีเมนต์ตลอดเวลางั้นหรือ?
ณภัทรยิ่งหน้าแดงเปล่งปลั่ง นึกขัดเขินไม่น้อย
แต่เมื่อเห็นอีกคนยังคงโน้มแผงอกลงมาจนใบหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้เกินไป ลมหายใจยังผสานกันขนาดนี้ แนบชิดเสียจนใจสั่น ทั้งยังทำให้เธอตกอยู่ในวงแขนอบอุ่นของเขาไม่คลาย
เธอจึงย่นคิ้วนิ่วหน้า บ่นอุบอิบเสียงเบา
“พี่รัชคาดเข็มขัดนานเกินไปแล้วค่ะ”
นอกจากไม่ปล่อยมือจากเข็มขัดนิรภัย นิรัชยังมองเธอด้วยรอยยิ้มร้ายๆ ที่อาจทำให้หัวใจของเด็กสาวต้องละลายหรือไม่ก็อาจทำให้ผู้หญิงมีอายุหัวใจวายตายได้ เขายิ้มแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?
สองตาของณภัทรเบิกโตคล้ายกำลังเจอสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดจากมิติเร้นลับ ผู้ชายหน้านิ่งตาดุเวลายิ้มทีคือมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมากเกินไปแล้วจริงๆ
จังหวะนั้นชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ผู้แผ่ออร่าสังหารยังก้มหน้าหล่อเหลาลงมาจูบเร็วๆ ที่เรียวปากเธอหนึ่งที ก่อนจะสตาร์จรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ณภัทรได้แต่ตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งร่าง
พ่อกับแม่ยังนั่งอยู่ในบ้านคงไม่เห็นหรอกนะ
หญิงสาวเกาะกระจกรถแน่น...