บท
ตั้งค่า

3.1

“ก่อนเข้าเมือง ข้าเห็นวัดร้าง” เจินเอ๋อพึมพำ สติปัญญาของนาง คงหาที่ค้างคืนได้เท่านี้

เจียวลู่ไม่ได้ถามอีก นางเดินตามเจินเอ๋อไปเงียบๆ

“พี่ใหญ่นั่นอะไร?” ฟางหรงควบม้าไปเทียบข้างพี่ชาย เขาเห็นบางอย่างติดอยู่ที่เข็มขัดของฟางซิน

ฟางซินก้มมอง เขาขมวดคิ้วก่อนจะกระตุกถุงหอมที่ติดอยู่ในซอกเข็มขัดขึ้นมาดูใกล้ๆ ลายปักบนถุงหอมมีฝีมือประณีต กิ่งดอกเหมยเหมือนมีชีวิต กลีบดอกแย้มบานและส่งกลิ่นหอมชวนตะลึ่ง

“คงเป็นของแม่นางคนนั้น” ฟางซินตอบแล้วก็ยัดถุงหอมไว้ในอกเสื้อ เขาคงต้องหาเวลานำถุงหอมใบนี้ไปคืนเจ้าของ ซึ่งคงต้องเป็นวันอื่น เนื่องจากวันนี้เขามีธุระสำคัญต้องทำ

ฟางซินกระแทกส้นเท้ากับสีข้างอาชาตัวโปรด และสัตว์เลี้ยงของเขาก็เหมือนจะรู้ใจเจ้าของเป็นอย่างดี สองขาหน้าจ้วงสุดตัวเพื่อเพิ่มความเร็ว เศษดินสีแดงฟุ้งกระจาย เพียงพริบตาเดียวก็มองไม่เห็นแม้แต่เงา

“ท่านพ่อๆ” ถังเหวินกึ่งวิ่งกึ่งตะโกน

ถังฮุ่ยวางจอกน้ำชาลง แล้วก็ปั้นหน้านิ่ง ทุกครั้งที่บุตรชายโวยวายเสียงตื่นตระหนก มักมีเรื่องร้อนใจมาให้เขาคอยแก้ให้ทุกครั้ง

“อะไรอีก!!”

“ท่านพ่อ คนสกุลเจียวมาถึงแล้ว” ถังเหวินละล่ำละลัก

“เห็นด้วยตาตัวเองหรือไม่?” ถังฮุยย้อนถาม

“ไม่” ถังเหวินตอบสั้นๆ

“แบบนั้นเจ้ารู้ได้ไงว่าเป็นคนสกุลเจียว” ถังฮุ่ยยกจอกน้ำชาขึ้นจิบต่อ

“นั่นสิ แน่ใจได้ยังไง” พ่อบิดาส่งสัญญาณให้ ถังเหวินก็รับรู้ความในนั่น เขายกกาน้ำชารินน้ำชาอุ่นๆ ใส่จอกดินเผาให้ตัวเอง แววตาเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกไปมา

“อย่าสนใจเรื่องนั้นเลย พรุ่งนี้ ตามพ่อเข้าวัง เผื่อมีตำแหน่งงานว่างๆ ข้าจะกระซิบบอกให้คนของพระสนมจัดการให้” ถังฮุ่ยเปรย ลูกชายหัวทึบของตนเองไม่มีทางสอบผ่านข้อเขียนที่ทางวังหลวงกำหนด โอกาสที่จะได้ทำงานรับใช้ฮ่องเต้ริบหรี่ ทางเดียวที่จะทำให้สกุลถังมีหน้ามีตา ก็คงต้องพึ่งพาบารมีวังหลัง ซึ่งขณะนี้ใครๆ ก็รู้ สกุลเฉินมีอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายได้มากขนาดไหน

สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ของบิดา ทำให้ถังเหวินไม่กล้าพูดต่อ

บุตรชายสกุลถังก้มหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม สตรีสกุลเจียวนับแต่ในอดีต รูปโฉมเป็นที่เลื่องลือ หากครั้งนี้เขาจะฉวยโอกาสดีๆ เผด็จศึกสตรีนางนั้น หรืออีกนัยหนึ่งเพื่อปิดปาก เพราะหลังจากสิ้นผู้นำสกุล สกุลเจียวก็แทบจะไร้ชื่อ

ความเมตตาที่เขาให้สกุลเจียว อีกไม่นานสตรีเหล่านั้นจะซาบซึ้ง สกุลเจียวไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ต่อให้โพนทะนาก็คงไม่มีคนฟัง

“ข้าไปพักผ่อนก่อนนะท่านพ่อ”

ถังฮุ่ยไม่ได้ทักท้วง เขากำลังคิดเรื่องของพระสนมผู่เยว่ สตรีผู้นั้นกระหายในอำนาจ หลงใหลโชควาสนา และทรัพย์สมบัติที่ตัวเองครอบครอง มีพ่อค้าจากแดนไกลเดินเข้าออกราชสำนักไม่ขาดในแต่ละวัน ส่วนใหญ่แวะไปที่วังหลัง เพื่อเสนอขายสินค้า บางครั้งก็มีของกำนัลไปฝาก เพื่อให้สกุลเฉินเปิดทางให้ค้าขายได้อย่างไม่มีติดขัดในเมืองเสี่ยวเป้ย

ถังเหวินเดินกระหยิ่ม “อาใช่ จัดปิ่นโตให้ข้าหน่อย ขอกับข้าวสักสอง สามอย่างนะ”

บ่าวรับใช้คนสนิทรับคำสั่ง และไม่ได้ซักถามต่อ ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ถังเหวินก็นั่งรถม้าสกุลถังมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ จุดหมายปลายทางของเขาคือวัดร้าง

4.

เจียวลู่ข่มตาหลับไม่ลง นางนอนมองเปลวไฟที่เจินเอ๋อหาเศษไม้มาจุดให้แสงสว่าง และช่วยป้องกันสัตว์ร้ายได้ด้วย ดวงตาของเจียวลู่มองนิ่งๆ ที่เปลวไฟ ทุกครั้งที่มีแรงลมดรุณีน้อยก็มักจะผวา ความกลัวที่นางสลัดไม่หลุดมักจะย้อนมาในสมอง ทุกครั้งที่อยู่ลำพัง เจียวลู่เม้มปาก พยายามปล่อยวางความกลัวลง

นาทีนี้นางยังมีชีวิต ยังหายใจได้อยู่

ความกลัวที่เกาะติด ไม่มีทางทำอะไรนางได้ หากนางยังมีสติ

เสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงอยู่ด้านนอก ทำให้จิตใจที่สงบนิ่งเริ่มคลอนแคลน “พี่ใหญ่ ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้ว” เสียงหวานดังงึมงำอยู่ในลำคอ ความหวังของคนทั้งสกุลที่นางแบกรับไว้ ดูเหมือนริบหรี่แทบไม่เห็นแสงสว่าง ผู้หญิงตัวคนเดียว สติปัญญาก็ไม่ได้มากมายเหมือนพี่สาว เจียวลู่นึกภาพไม่ออกเลย นางจะหาหนทางไหนเข้าไปในวัง หากสกุลถังไม่ช่วย สิ่งที่พากเพียรมานานก็คงจบสิ้นลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel