1.1
หลายวันหลังจากได้รับจดหมายจากคนในสกุลถัง ที่ทำงานรับใช้อยู่ใต้บารมีฮ่องเต้ เจียวเจี๋ยก็เคี่ยวเข็ญเจียวลู่อย่างหนัก ข้อตำหนินิดเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น
การคัดตัวนางกำนัลในวังจะเริ่มขึ้นในอีกสามอาทิตย์ข้างหน้า
สมัยที่บิดายังมีชีวิต สกุลเจียวไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนชั้นแรกแบบนั้นเลย รายชื่อของลูกหลานสกุลเจียวจะส่งตรงถึงไทเฮา รวมถึงฤกษ์ยามตอนเกิดด้วย
เจียวลู่หลับตาลง พยายามไม่นึกถึงความหลังที่ทำให้หัวใจตัวเองสะดุด ความเจ็บปวดนั่นยังคงฝังลึกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ความแค้นเคือง ความกังขา และคำถามอีกร้อยแปดที่ยังไม่มีคำตอบ แม้เวลาจะผ่านมานับสิบปี
มือของเจียวเจี๋ยลูบเรือนผมสีดำสนิทของน้องสาวด้วยความรักใคร่ สกุลเจียวเหลือแค่ตนเองกับน้องสาวคนนี้ หากต้องการทวงความเป็นธรรม เจียวลู่จะต้องพร้อม และแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับมือมืดที่สั่งฆ่าล้างสกุลของนาง
“ยังมีพี่อยู่ ไม่มีอะไรที่เจ้าจะต้องกังวล”
คำปลอบโยนไม่ได้ทำให้ดรุณีน้อยรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย
เจียวลู่รู้ดี ทุกย่างก้าวต่อจากนี้ คงเต็มไปด้วยกองเลือดและความดำมืด ศัตรูที่ยังไม่เผยตัว ไม่มีทางปล่อยให้คนในสายสกุลเจียวมีชีวิตรอด เจียวลู่อยากรู้เหตุผลที่ทำให้คนคนนั้นอำมหิตได้ขนาดนี้
คนกว่าสองร้อยชีวิตไม่ใช่ผักปลา
แต่ความตายกลับเงียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ทางการไม่ติดตามหาคนร้าย ไม่มีสักคนพูดถึง หรือทวงความยุติธรรมให้
“คุณหนูใหญ่คะ ทุกอย่างพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เจินเอ๋อเดินค้อมกายเข้ามา พลางเหลือบมองเจียวลู่ที่ยังคงอิดออด ถ่วงเวลาอยู่
“จัดสำรับให้ลู่เอ๋อก่อน หลังจากท่องบทกวีเสร็จ ข้าจะให้นางแช่น้ำว่านเพื่อกำจัดกลิ่นตัว ทำให้ตัวหอมเพิ่มขึ้นด้วย”
เจียวลู่ตาเหลือก ทันทีที่คิดถึงน้ำสีตุ่นๆ ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรกำจัดกลิ่น นางต้องนั่งนิ่งๆ เพื่อให้น้ำว่านเหล่านั้นซึมเข้ามาในชั้นผิว เป็นสูตรลับที่สตรีสกุลเจียวพึงปฏิบัติ สืบทอดกันมาจากต้นสกุล
“ข้าขอแค่ถุงบุหงาอย่างเดียวไม่ได้หรือเจ้าคะ” เจียวลู่พยายามต่อรอง
เจียวเจี๋ยยิ้มรับพลางส่ายหน้าปฏิเสธ เจียวลู่จะต้องไม่มีตำหนิแม้เพียงเม็ดฝุ่น หนทางการเข้าวังครั้งนี้ ไม่มีอำนาจบิดาหนุนนำแล้ว อุปสรรคที่เจียวลู่ต้องเจอ ไม่ใช่แค่นางกำนัลชั้นต่ำ มีผู้บงการที่สูงกว่านั้น ตั้งตาคอยขัดขวางอยู่เป็นแน่
“เชื่อพี่นะ ลู่เอ๋อ” เจียวลู่ก้มหน้าคอตก
เจียวเจี๋ยจิตใจสงบมั่นคงขึ้น แม้เวลาขีดเส้นตายของสกุลเจียวจะขยับเข้ามา แต่นางก็ไม่อาจวางใจ เพราะเจียวเจี๋ยไม่อาจเดาได้ สกุลไหนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสกุลเจียว ในเมื่อสนมวังในมีมากมายหลายสกุล ที่ใหญ่คับฟ้าเลย ก็สายสกุลเฉิน พระสนมเฉินผู่เยว่ได้รับความกรุณาจากฮ่องเต้ตั้งแต่ถวายตัวครั้งแรก นางเป็นสนมที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด ขยับตำแหน่งขึ้นมา จนเกือบไปถึงหวงกุ้ยเฟยแล้วแท้ๆ
2.
แสงจันทร์เดือนสิบเอ็ด ส่องผ่านกระดาษกรุหน้าต่าง ทอดยาวลงบนพื้นไม้สีน้ำตาลไหม้ เจียวลู่พลิกตัวครั้งที่แปด ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่เพดาน กับความคิดวกวนในหัว เหลืออีกสองวันเท่านั้น นางจะต้องออกเดินทาง จากเรือนหลังนี้ไปกับภารกิจแรกที่ต้องลงมือทำ หัวใจดรุณีน้อยเต้นรัวเร็ว หวาดกลัวว่าตนเองจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จ และพลอยทำให้เจียวเจี๋ยผิดหวัง
นับตั้งแต่วันมืดคืนเดือนดับวันนั้น เจียวลู่ไม่เคยย่างกรายออกไปพ้นเรือนนารีของบิดาเลย เจินเอ๋อคือข้ารับใช้ที่เติบโตมาในเรือนหลังนี้พร้อมนาง บิดา มารดาของนางจะเป็นคนคอยเข้ามาส่งเสบียง ทั้งอาหารสดและอาหารแห้งที่ใช้ประทั้งชีวิตได้คราวละสามเดือน
“คุณหนูรอง นอนไม่หลับหรือเจ้าคะ” เสียงแหลมเล็กของเจินเอ๋อดังท่ามกลางความเงียบ
เจียวลู่ผุดลุกขึ้นนั่ง จากนั้นไฟในโคมตะเกียงก็ถูกจุดขึ้น
“เจินเอ๋อ ข้ากลัว” เจียวลู่พูดเสียงสั่น
ความกลัวยังคงเกาะอยู่ในใจ ภาพสยองขวัญเหล่านั้นยังไม่เคยจางหายไป
“นายท่านกับฮูหยินจะคอยเป็นกำลังใจให้คุณหนูนะเจ้าคะ”
เจียวลู่เม้มปาก นางจำเค้าหน้าบิดา มารดาไม่ได้แล้ว ภาพเก่าๆ ที่มีก็ซีดจาง มีเพียงแววตาแฝงความรักของมารดาที่ยังคงค้างอยู่ในความทรงจำ เรียวปากสีดอกเหมยเม้มจนเป็นเส้นตรง