ตอน 2
พวกมันลากเธอไปเรื่อยๆ อย่างไม่ปรานี พวกมันชั่ว ไม่มีจิตสำนึกสงสารคนอื่น ยิ่งเป็นเหยื่ออ่อนแอกว่าพวกมันยิ่งได้ใจ ไม่ว่าอ้อนวอนจนตายพวกมันคงไม่ยอมปล่อย สิ่งเดียวที่จะรอดคือสู้เท่าที่พอมีแรง อย่าได้ยอมมันเด็ดขาด
ร่างบางสะบัดสุดแรงเท่าที่มีในตอนนี้ ทั้งที่ตัวเองก็โดนทำร้าย ทั้งจุกทั้งเจ็บ เพื่อหวังให้หลุดพ้นพวกสวะ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่มีใครมาช่วย หากว่าในทันใดนั้นเอง !!! เสียงรถแล่นครางกระหึ่มผ่านมา พร้อมกับดริฟท์วนรอบเป็นวงกลม พ่นควันกลบสี่คนที่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากมิ่งขวัญ พวกมันไอแควกๆ ไม่ต่างกับหญิงสาว คนขับดริฟท์รถได้ห้ารอบจึงหยุดและจอดรถนิ่ง พวกมันยกมือไล่ควันที่กระจายรอบตัว มองตามรถยนต์คันนั้นด้วยสายตาทึ่งปนเสียวสันหลัง
กระจกรถคันหรูเลื่อนลง พร้อมเสียงคนคนขับตะโกนเสียงดัง
“ปล่อยผู้หญิงซะ” เป็นภาษาต่างชาติ ถ้าฟังไม่ผิดน่าเป็นภาษาญี่ปุ่น “ปล่อย” คนพูดคนละภาษากับพวกเดนนรก ตะโกนสั่งพร้อมกับชี้หน้า ไม่มีใครฟังรู้เรื่องแม้กระทั่งมิ่งขวัญ พอเดาได้จากสีหน้าร่วมกับท่าทางคนพูด
“พูดห่าอะไรของมันวะ ฟังไม่รู้เรื่อง เฮ้ย พวกมึงมีใครฟังออกไหมวะ” หนึ่งไอ้เดนทรชนหันไปถามเพื่อน
“ไม่ว่ะลูกพี่ ฟังไม่ออก อย่าไปสนใจเลย ลากนางนี่ไปต่อเถอะ” มันไม่ฟังได้แต่ออกแรงบีบข้อมือทั้งต้นแขนของหญิงสาว กระชากให้เดินต่อหากแต่ยังไม่ทนได้ก้าวไปไหน
บุรุษหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำภูมิฐานก้าวลงจากรถ สับขาก้าวว่องไวไปขวางหน้าเดนมนุษย์ทั้งสาม
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย พวกมันจะข่มขืนฉัน” มิ่งขวัญไม่รู้ว่าชายผู้นี้ฟังเธอรู้เรื่องหรือไม่ ไม่สนข้อนั้นขอให้ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ ภาษาอะไรก็พูดออกไปเถอะ สื่อทางสายตากับท่าทางน่าจะช่วยได้ ขัดขืนดิ้นรนขนาดนี้ เชื่อว่าต้องสื่อสารกับเขารู้เรื่องบ้างล่ะ
“ปล่อยเธอซะ” น้ำเสียงชายคนที่โผล่มาดุดดัน เข้มแข็ง ยิ่งแววตาด้วยดุอย่างกับเสือ น่าเกรงขามมาก “หลีกไปเว้ย กูฟังไม่รู้เรื่อง ชาวต่างชาติหน้าซีดอย่างมึงอย่าเสือก คนเขาจะมีความสุขกัน” เดนทรชนพูดอย่างนักเลงปลายถอย แสดงท่าทางสามาน ใช้ฝ่ามือชั่วช้าผลักอก ชายหนุ่มหุ่นดี เท่ สมาร์ท ชาวญี่ปุ่นอย่างพวกนักเลง
มิ่งขวัญสื่อด้วยสายตาวิงวอน ขอให้เขาช่วยเธอ ให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมัน ใจเธอหล่นไปอยู่ตาตุ่ม อาศัยความโกรธที่เพิ่งเห็นภาพบาดตามา ต่อสู้กับพวกมันเท่านั้น กูมึง อะไรที่พูดออกไป เป็นเพราะอารมณ์ปกติ ไม่เคยพูดแบบนี้เลย บุรุษหนุ่มคนนี้ใช้หางตามองมือโดนผลักอก ยกมือปัดทิ้งอย่างแรง กระชับเสื้อสูทเข้าที่ ปลดกระดุมเสื้อสูทโยนทิ้งไม่ใส่ใจราคาของมัน ปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตสองข้าง ถลกพับขึ้นมาถึงข้อศอก
“มึงจะลองดีใช่ไหมไอ้ยุ่น” มันว่าและท้าทายชาวต่างชาติที่เดาได้จากภาษา เพราะบุรุษตรงหน้าถึงจะใช้ภาษาอักขระเสียงสั้นหากแต่เดาได้ไม่อยากว่านั่นคือภาษาญี่ปุ่น เดนทรชนอ้าปากชั่วๆ ของมันเรียกเขาอย่างดูถูก ตามที่คนไทยสมัยโบราณเรียกคนญี่ปุ่น
“ฉันจะบอกแกเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยผู้หญิงซะ” มองยังไงผู้หญิงก็ไม่เต็มใจไปกับพวกมัน ต่อให้เขาไม่รู้จักเธอ ครั้นจะปล่อยให้คนรูปร่างบอบบางโดนพวกมันทำร้าย คงใช้ที่ด้วยนิสัยของเขา เห็นคนโดนทำร้ายไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นต้องยื่นมือเข้าช่วย ถ้าการช่วยเรียกว่าเสือก เรื่องของคนอื่นก็ค่อยว่าอีกที
“ไม่ปล่อย มึงจะทำไมกูไอ้ยุ่น” เดนทรชน ขี้ยา ขยะสังคม เชิดหน้าสกปรกโสโครกของมันอย่างท้าทาย พลางปัดมือให้พาผู้หญิงหลบไปห่างๆ มิ่งขวัญฝืนตัวไม่ยอมทางทำตามง่ายๆ ทั้งสะบัดทั้งดิ้นเมื่อสบโอกาสจึงยกเท้าถีบสะโพกไอ้คนด้านซ้าย มันเซถลาแล้วล้มตึงเห็นดังนั้นจึงรีบลงมือกับคนที่สองด้านขวา เธอฉวยจังหวะทีเผลอของมันที่มองเพื่อน ยกเท้าเตะผ่าหมากมันเต็มแรง แล้วดีดตัวกระโจนไปอยู่ด้านหลังชายชาวต่างชาติที่เสียสละชีวิตเข้ามาช่วยเธอ ทั้งที่เรื่องไม่ใช่ แล้วถ้าไอ้สามตัวนี่มีอาวุธจะทำอย่างไร
“แม่งเอ้ย ไม่ได้เรื่องสักคนพวกมึง” มันต่อว่าลูกน้องของมัน ไอ้คนที่ล้มรีบลุกขึ้น ส่วนไอ้คนที่โดนเตะผ่าหมากยังกุมกล่องดวงใจที่เจ็บปวดจนหน้าเขียว
ร่างบอบบาง โดนตวัดหลบไปอยู่ด้านหลังคนตัวสูง ส่วนผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถทำหน้าที่คนขับ