บทที่ 27
พอคิดต่อไปเรื่อย ๆ ก็ตระหนักได้ว่าการกระทำของนาง ดูคล้ายกับต้องการยั่วยุให้คุณชายรู้สึกมากกว่าคำว่าชื่นชอบ และนั่นไม่ยุติธรรมต่อหัวใจของเขาอย่างแท้จริง เพราะนอกจากอาเหยียนที่เอ็นดูนางดั่งน้องสาวแล้ว ก็มีเพียงคุณชายโจวเล่อเทียนเท่านั้นกระมังที่ยังเมตตาให้ความช่วยเหลือกันอยู่เรื่อย ๆ นางจึงไม่ควรทำตัวอกตัญญู ตอบแทบความเมตตาของคุณชายด้วยการล้อเล่นกับความรู้สึกของเขามิใช่หรือ
ยิ่งได้มีเวลาให้คิดหนักตลอดบ่าย หลี่ซินเหมยก็ยิ่งรู้สึกผิดท่วมท้นทวีคูณ นางสาบานกับตนเองว่าจะต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว คุณชายจะต้องมิเสียใจ เพราะการกระทำของสตรีไม่รู้จักคิดอีก ทว่าคิดอย่างไรก็คิดอันใดไม่ออก
“จินอิ๋ง หากเจ้าทำให้คนแอบชอบเจ้าอยู่เสียใจอย่างมาก เจ้าจะทำอย่างไรให้เขาหายโกรธได้บ้าง”
หลี่ซินเหมยสอบถามสาวใช้ที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยดีแล้ว
“ก็คงจะง้อด้วยคำหวาน หรือไม่ก็หาข้าวของมอบให้แทนคำขอโทษกระมังเจ้าคะ”
“หากไม่สะดวกพูดคำหวานและคนผู้นั้นมีของที่ต้องการครบถ้วนแทบจะทุกอย่างแล้วเล่า” หลี่ซินเหมยมิใช่สตรีชอบพูดคำหวาน เรื่องออดอ้อนคุณชายจึงลืมไปได้เลย
“เช่นจินอิ๋งก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรเหมือนกันเจ้าค่ะ แล้วยามที่ฮูหยินโกรธนายท่านล่ะเจ้าคะคุณหนู นายท่านทำหรืออย่างไรเจ้าคะ” คำถามของซื่อ ๆ ของสาวใช้ ทำให้หลี่ซินเหมยยิ้มออกมาอย่างโล่งอก นางก่นด่าตนเองที่คิดหาทางออกเสียตั้งนาน ทว่าทุกอย่างกลับง่ายดายกว่าที่คิดไว้มาก
ใบไม้บังตา มองไม่เห็นเขาไท่ซานโดยแท้
‘คำขอโทษที่มาจากใจนั้นเพียงพอแล้ว’
หลี่ซินเหมยลืมคำสอนของบิดาได้อย่างไรกัน
พรุ่งนี้นางจึงตัดสินใจว่าจะตื่นตั้งแต่เช้า รีบเดินทางเข้าบ้านสกุลโจวเพื่อกล่าวคำขอโทษต่อคุณชาย และให้คำสัญญาว่าจะไม่แสดงกิริยาที่ทำให้เขาต้องลำบากใจอีก
โฉมงามนอนหลับสนิทจนกระทั่งเช้าวันใหม่มาเยือน อากาศค่อนข้างเย็นทำให้นางมิอยากขุดตัวออกจากเตียงนอน แต่พอนึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ ร่างที่ยังมิค่อยได้สติดีก็รีบตรงไปยังโอ่งน้ำที่สาวใช้ตระเตรียมไว้ให้พร้อมเสมอ
น้ำที่สัมผัสกับใบหน้านั้นเย็นเฉียบมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา
สารทฤดูได้มาเยือนเมืองเฉินหยางแล้ว
โชคดีที่อากาศยังไม่เย็นมาก หลี่ซินเหมยจึงยังไม่ต้องการเสื้อคลุมอย่างน้อยก็ในอีกสองสามวันข้างหน้า ความจริงนางยังพอมีเสื้อคลุมเหลืออยู่สองสามตัว ทว่าล้วนเป็นของมีราคา ไม่เหมาะสมกับอาชีพคนสวนของสกุลโจวเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างเดินทางไปยังแปลงผักหลวง โฉมงามก็กอดตนเองเพื่อป้องกันความหนาวเสียแน่น พลางภาวนาให้อากาศไม่เย็นลง จนกว่านางจะได้เสื้อคลุมกันหนาวราคาถูกจากตลาดในภายหลัง
คุณหนูตกอับปล่อยให้ใจลอยละล่องอยู่ได้เพียงครู่เดียว เสียงตะโกนด่าของหัวหน้าคนสวนชั่วคราวก็ดังกระทบโสตประสาท ตั้งแต่ยังมิทันก้าวขาเข้าสู่อาณาเขตของแปลงผักหลวง
ชายร่างเล็กกำลังทุ่มเถียงเสียงดัง พลางตวาดคนสวนสองสามรายที่นางจำได้ว่ารับผิดชอบดูแลแปลงผักไม้เลื้อย
ติงเกาโกรธจนตัวสั่น ในมือขยุ้มกระดาษจนยับยู่ยี่ไปหมด
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือพี่ติงเกา”
นางรับกระดาษที่ติงเกาบอกว่าได้มาจากคุณชายเมื่อวาน ปรากฏว่าคือรายการผลิตผลที่จะต้องส่งเข้าเมืองหลวงในบ่ายวันนี้
“พวกมันสองคนเลินเล่อ ทำงานสะเพร่ายิ่งนัก!” ติงเกาตวาดสองสหายรูปร่างสูงใหญ่ที่คอยตามติดเขาอยู่เสมอ
อู๋ฮวนและหูเฉินหน้าตาซีดเซียว มั่นใจว่าคราวนี้คงจะต้องถูกไล่ออกเป็นแน่
“เช้านี้อากาศเย็นลงมาก หากรออีกสักหน่อยก็อาจจะมีลมแรงพัดผ่าน และนั่นจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่เข้าไปกันใหญ่”
“น้องสาวซินเหมยเห็นสมควรจัดการอย่างไรเล่า”
ติงเกาทราบคำตอบดี ทว่ามิกล้าเอ่ยเสียงดัง หรือจะพูดให้ชัดก็คือ ชายหนุ่มร่างเล็กไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ
“เผาทิ้งให้หมด หากมีปัญหา ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง!”
โฉมงามอธิบายเหตุผลอย่างละเอียดแล้ว และพอเห็นว่าไม่มีใครยอมขยับตัว นางจึงหยิบเอากิ่งไม้แห้งบริเวณนั้น โยนเข้าไปจนได้ปริมาณที่พอเหมาะ ก่อนจะจัดการจุดไฟเพื่อกำจัดปัญหาทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
หลี่ซินเหมยเคยประสบปัญหาพวกนี้มาก่อน และหากยังลังเลไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาด ทุกอย่างก็อาจจะสายจนเกินแก้
นางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นมิได้...
“นี่เจ้าทำอะไรลงไป!”
“คุณชายฟังข้าอธิบายก่อนนะเจ้าคะ”
หลี่ซินเหมยมินึกว่าคุณชายจะตื่นเช้า ชะรอยกลิ่นควันไฟจะปลุกเขาให้ลุกออกจากเตียงก่อนจะถึงเวลาตื่น
“เจ้าเผาแปลงผักข้า ยังจะต้องอธิบายกันอีกหรือ!” คุณชายโจวเล่อเทียนตะโกนเสียงดัง กระทั่งเหล่านกน้อยที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นยังต้องรีบบินหนี
ตลอดสองเดือนเศษที่ได้ทำความรู้จักกันมา หากคุณชายเจ้าสำอางรู้สึกมิพอใจก็จะทำแค่เพียงชักสีหน้าและบ่นพึมพำไปตามเรื่อง พอเห็นเขาแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดอาละวาดเสียงดัง หลี่ซินเหมยก็ถึงกับทำอันใดไม่ถูก นึกอยากจะสรรหาคำมาอธิบาย ทว่าก็ตกใจจนกล่าวออกมาเป็นคำพูดมิได้ และสีหน้าของคนที่กำลังโกรธก็ทำให้นางตระหนักเรื่องสำคัญได้อีกประการหนึ่ง
คุณชายเจ้าของแปลงผักหลวงดูคล้ายจะหมดความชอบในตัวของหลี่ซินเหมยเสียแล้ว...
