บทที่ 21
ขณะจัดการมื้อกลางวันร่วมกัน ติงเกาก็เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เขาทำงานให้กับสกุลหนึ่ง ทว่าทำอย่างไรก็ไม่ก้าวหน้า เพราะหัวหน้าช่วงชิงความดีความชอบไปเสียหมด
พอได้ยินข่าวว่าสกุลโจวต้องการคนสวนเพิ่มเติม เขาพอจะมีความรู้ทางด้านการเพาะปลูกอยู่บ้าง จึงรีบขอเข้ามาทำงาน โดยไม่ลืมพ่วงสองสหายรูปร่างกำยำตามติดมาด้วย
‘อู๋ฮวน หูเฉิน สมองทื่อก็จริง ทว่าร่างกายแข็งแรงอย่างมาก ทำงานได้คุ้มค่าอย่างแน่นอน’
“ขอบคุณพวกท่านมาก ซินเหมยซาบซึ้งในน้ำใจยิ่งนัก”
“คุณชายเป็นผู้ออกคำสั่ง เจ้าอย่าลืมขอบคุณคุณชายด้วย เข้าใจหรือไม่” อาเหยียนกล่าวเตือน ก่อนจะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนหลี่ซินเหมยถูกส่งให้ไปดูแลต้นมะนาว รับหน้าที่กำจัดลูกที่มีตำหนิหรือคล้ายจะมีโรค เพื่อป้องกันมิให้ความเสียหายลุกลามไปทั่วทั้งต้น
หลี่ซินเหมยทราบดีว่าตนเป็นที่โปรดปรานของคุณชายโจว และปฏิเสธไม่ได้ว่านางเองก็ชื่นชอบเขาไม่ต่างกัน ความเจ้าสำอางของคุณชายยังคงมีอยู่มาก ทว่าหลังจากได้ศึกษาบันทึกเกี่ยวกับการปลูกผักทำสวน นางก็สรุปได้ว่าความรู้ของเขาก็มีมากไม่ต่างกัน
โฉมงามใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเฉินหยางอย่างสงบมาได้เกือบสามเดือนแล้ว นางจึงสรุปได้ว่านี่คือบ้านหลังใหม่ที่สมบูรณ์
ท่านย่าหลี่ฉินเหยาอยากกินดื่มอันใดก็ได้สมดั่งใจปรารถนา หญิงชราอารมณ์ดี ถึงขั้นออกคำสั่งให้สาวใช้จ้าวจินอิ๋งพาออกไปนั่งรับลมเย็น ๆ นอกบ้านเกือบทุกวัน
หลี่ซินเหมยมีความสุขยิ่งนัก!
พอระฆังบอกเวลาเลิกงานดังขึ้น หลี่ซินเหมยจัดการโยนลูกมะนาวที่ใช้ไม่ได้ รวมทั้งกิ่งและใบที่คล้ายจะติดโรคลงถังไม้ เพื่อเตรียมนำไปเผาไฟในบริเวณที่ห่างจากแปลงผัก
อาเหยียนบอกว่าจะช่วยจัดการให้หลังเลิกงาน แล้วค่อยส่งนางกลับบ้าน เฉกเช่นเกือบจะทุกวันที่ผ่านมา
หลี่ซินเหมยมิแน่ใจว่าหัวหน้าคนสวนผู้ควบตำแหน่งพี่ชาย มีปัญหาอะไรรบกวนหัวใจ สีหน้าของเขาดูยุ่งยากมากกว่าทุกวัน แต่พอเห็นหน้านาง เขาก็ยิ้มกว้างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่เหยียนดูไม่ค่อยสบายใจนัก”
“หลอกซินเหมยไม่ได้อีกแล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนว่าแมลงจะลงแปลงผัก แต่อีกสามวันข้าต้องเดินทางไปยังต่างเมือง และอาจจะต้องไปนานถึงสองหรือสามเดือน จึงค่อนข้างจะเป็นกังวลอยู่บ้าง”
อาเหยียนกล่าวว่าใกล้จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวพืชผักที่ให้ผลผลิตแค่ปีละครั้งแล้ว เขาจึงต้องกลับไปช่วยบิดาที่อยู่ต่างเมือง
“ใกล้จะพ้นหน้าร้อนแล้ว คุณชายเองก็คงจะออกมาดูงานบ่อยครั้งขึ้น และในช่วงที่ข้าไม่อยู่ ติงเกาจะเป็นคนคอยจัดการแจกจ่ายงานในแปลงผักเอง”
อาเหยียนแม้ไม่ค่อยถูกชะตากับคนสวนปากร้าย ทว่าก็ต้องยอมรับว่าติงเกานั้น ควบคุมคนงานได้ดีเป็นอันดับสองรองจากเขา ส่วนคนที่อยู่มานานกลับไม่มีใครกล้าเสนอตัว เพราะกลัวว่าจะถูกไล่ออก หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา
“ข้ามีเรื่องจะเตือนเจ้าอีกประการหนึ่ง นายท่านจะกลับมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และคงไม่พอใจนัก หากทราบเรื่องว่าเจ้าใกล้ชิด และใช้เวลากับคุณชายมากจนเกินสมควร”
“ข้าแค่ทำบัญชีและพูดคุยเรื่องจิปาถะ ไม่ได้ทำเรื่องอันใดไม่เหมาะสมเช่นที่ผู้อื่นว่า” หลี่ซินเหมยแย้งเสียงแข็ง นึกไม่ถึงว่าคนที่นางให้ความเคารพจะคิดไม่ต่างจากพวกที่ชอบนินทา
“ซินเหมยอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย เจ้ามีนิสัยเช่นไร มีหรือข้าจะไม่รู้ แต่เรื่องนี้นายท่านมิได้รู้ด้วย และอาจคิดไปว่าเจ้าคือสาเหตุที่ทำให้คุณชาย หมางเมินต่อคุณหนูสกุลหวังหนักข้อยิ่งกว่าเดิม”
“พี่เหยียนเข้าใจผิดแล้ว คุณชายไม่ชอบหน้านางก็เพราะนิสัยของนางล้วน ๆ ข้าหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไม่”
นางรีบแก้ตัว แม้ส่วนลึกค่อนข้างจะมั่นใจว่าคุณชายคิดกับนางมากกว่าลูกจ้างธรรมดา
โจวเล่อเทียนมิใช่คนโกหกเก่ง ดวงตาสีหมึกเฉลยทุกอย่างชัดเจนยิ่งนัก
“เรื่องที่คุณชายไม่ชอบนาง เจ้าอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สำหรับเรื่องที่คุณชายชอบเจ้า เจ้าเกี่ยวด้วยเต็ม ๆ” อาเหยียนมิใช่บุรุษด้อยประสบการณ์ คุณชายคิดอย่างไรกับหลี่ซินเหมย มีหรือที่เขาจะมองไม่ออก
“หากไม่เชื่อก็ลองถามคุณชายดูว่าเขารู้สึกกับเจ้าอย่างไร คุณชายแม้ชอบแกล้ง แต่ก็ไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยม หากคิดโกหกจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน แต่ที่เจ้าต้องระวังให้มากคือนายท่านโจวหงเหลียง นายท่านมิใช่คนใจดี ถึงแม้จะตามใจคุณชายเกือบจะทุกเรื่อง แต่บทจะตัดสินใจอะไรเด็ดขาดขึ้นมา ต่อให้คุณชายโจวสิบคนก็ห้ามมิอยู่”
อาเหยียนแจ้งว่าเขาได้สนทนากับคุณชายโจวและตกลงกันว่าหลังจากที่นายท่านกลับมาบ้านแล้ว ติงเกาจะจัดการให้น้องสาวซินเหมย คอยดูแลเรื่องเมล็ดพันธุ์พืชหรือทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความเหมาะสม รอจนกระทั่งนายท่านออกเดินทางอีกครั้ง แล้วค่อยกลับไปช่วยงานคุณชายดังเดิม
“เหตุใดจึงต้องทำเรื่องให้วุ่นวายด้วย”
“หากอยากจะอยู่ต่ออย่างสบายก็จงเชื่อฟังพี่ชายของเจ้า”
“ไม่เถียงพี่เหยียนแล้ว!” หลี่ซินเหมยทำแก้มป่องอย่างน่ารัก ทำเอาอาเหยียนอดขยี้หัวของนางเล่นไม่ได้
ภาพการหยอกเย้าของหัวหน้าคนสวนและโฉมงาม ทำเอาเหล่าคนสวนนึกเสียดายที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ไม่สามารถพัฒนาไปได้มากกว่าคำว่าพี่น้อง อาเหยียนประกาศชัดเจนว่าหลี่ซินเหมยคือน้องสาว หากผู้ใดคิดจะผูกสมัครรักใคร่กับนาง คนผู้นั้นก็จะต้องผ่านด่านพี่ชายจอมโหดอย่างเขาเสียก่อน
