บทที่ 19
“ถามแล้วไม่ตอบ ซินเหมยถูกเสียงของฮุ่ยเหอทำหูหนวกเสียละกระมัง” โจวเล่อเทียนเดาเอาว่าใบหน้าของนางแดงก่ำ เพราะเขาลงมือหนักมากเกินไป
“ไม่ได้หูหนวก ข้าแค่อับอายที่ซุ่มซ่ามจนหกล้มไม่เป็นท่าต่างหากเล่า” หลี่ซินเหมยพึมพำโกหกแก้ตัวว่ารองเท้าไม่ค่อยดี ทว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสวนนานถึงสิบแปดปี มีหรือจะมองไม่ออก
“ซินเหมยไม่ต้องโกหก บอกข้ามาตามตรงว่าเหตุใดจึงเอาโคลนป้ายหน้าจนเลอะเทอะ”
“ยังจะมาปากดีถามข้า มิใช่ท่านหรอกหรือที่บอกว่าข้างามจนไม่สะดวกใจที่จะมอง!” หลี่ซินเหมยขู่ฟ่อราวกับลูกแมว
“ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว อย่าดุข้านักเลย!” ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ยังมิเคยถูกผู้ใดดุ พอได้ยินเสียงของหลี่ซินเหมยตวาดดัง จึงนึกเกรงใจนางอยู่หลายส่วน
หากมารดาของเขายังมีชีวิตอยู่ ยามดุด่าตักเตือนก็คงให้ความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้กระมัง
“เมื่อวานตกใจมากไปสักหน่อย จึงเผลอพูดจาไม่เข้าท่า เจ้าอย่าถือสาคนขี้ตกใจอย่างข้าเลยนะ” เขารีบเอ่ยประโยคแก้ตัวที่คิดมาตลอดทั้งคืน และภาวนาให้หลี่ซินเหมยเชื่อคำโกหกพวกนั้น
“เรื่องแค่นี้ข้าย่อมไม่ถือสา” คุณหนูตกอับไม่เสียเวลาต่อความยาว นางตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารเช้าตรงหน้า โดยไม่เกรงใจเจ้าของบ้านอีก
สองปีกว่าแล้วที่นางมิได้กินอะไรดี ๆ เช่นคุณหนูบ้านอื่น
พอกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่ซินเหมยก็เริ่มเสนอข้อตกลงในการทำงานทันที นางนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด หลังจากจัดการสาวใช้ของคุณหนูปากร้ายแล้ว จึงค่อยตระหนักได้ว่า คงไม่มีใครคอยควบคุมดูแลเรื่องการดื่มยาของคุณชายเจ้าสำอาง และนั่นทำให้หน้าที่ดังกล่าว ตกเป็นของนางไปโดยปริยาย
“ข้าอยากจะตกลงเรื่องการทำงานให้เข้าใจตรงกัน ช่วงเช้าข้าจะแวะเข้ามาตรวจสอบดูแลให้คุณชายดื่มยา ทำหน้าที่แทนเสี่ยวถิงที่ข้าช่วยท่านกำจัดไปให้พ้นทาง แล้วจึงจะกลับไปช่วยพี่เหยียนทำงานที่แปลงผัก ก่อนหมดเวลาพักกลางวันก็จะแวะมาตรวจดูท่านอีกครั้งหนึ่ง ส่วนช่วงเย็นคุณชายคงจะต้องดูแลตนเอง...”
“ฟังดูแล้วมิค่อยเข้าท่านัก”
คุณชายโจวขัดก่อนที่นางจะกล่าวจบ
“ฟังดูแล้วมิเข้าท่า แล้วคุณชายอยากให้ข้าทำอย่างไรหรือเจ้าคะ” นางเอียงคอถาม ขมวดคิ้วเรียวสวยจนแทบจะจรดกัน
“ความจริงข้าเป็นคนกินยาก เสี่ยวถิงต้องคอยกดดันให้ข้ายอมกินอยู่ตลอด แต่วันนี้ได้นั่งกินข้าวกับซินเหมยแล้วกลับรู้สึกเจริญอาหารขึ้นหลายส่วน จากนี้ไปจึงอยากจะรบกวนเจ้าให้กินอาหารเป็นเพื่อนข้า ทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ส่วนเรื่องงานก็ให้มาทำเสียในช่วงเช้า เพราะยาหลังอาหารกลางวันทำให้ข้ารู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น ตั้งสมาธิทำงานได้ไม่ดีนัก”
“เรื่องสลับเวลาให้ช่วยงานคุณชายในช่วงเช้า และช่วยงานพี่เหยียนในช่วงบ่ายนั้นข้าเห็นด้วย แต่เรื่องกินข้าวด้วยกันทั้งสองเวลา ข้าเห็นว่าไม่ค่อยสมควรนัก คุณชายอย่าลืมสิเจ้าคะ ว่าข้าเป็นเพียงคนสวน หาใช่สหายที่คู่ควรต่อการคบหาของท่านไม่”
“แค่มื้อเช้าได้หรือไม่ มื้อเช้าเจ้ามากินกับข้า”
โจวเล่อเทียนอยากจะกัดลิ้นของตนให้ขาด เพราะคำขอที่กล่าวออกไปนั้น สื่อความหมายได้มากกว่าการรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน แต่พอเห็นว่านางมิได้มีท่าทีเกรี้ยวกราด เขาก็ค่อยรู้สึกสบายใจ และรอฟังคำตอบอย่างมีความหวัง
“ย่อมได้ แต่แค่มื้อเช้าเท่านั้นนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้คนอื่นติฉินนินทาเอาได้ว่าข้าตีตนเสมอนายจ้าง”
“ซินเหมย เรื่องเมื่อวานข้าต้องขอบคุณอย่างมาก หากเจ้าไม่ยื่นมือเข้าช่วย เสี่ยวถิงก็คงจะยังยืนจ้องข้า จนกินอะไรไม่ลงอีกตามเคย เรื่องของฮุ่ยเหอเองก็เช่นกัน ข้าต้องขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเปลืองตัว แสร้งแสดงว่าเป็นคนรักเพื่อให้นางยอมรามือ”
“เรื่องนี้คุณชายมิจำเป็นต้องขอโทษ เพราะข้ายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อกวนประสาทนาง ความจริงข้ากับนางเคยพบกันมาก่อน และไม่ใช่การพบกันที่น่าประทับใจนัก”
หลี่ซินเหมยเล่าเรื่องที่นางขอทำงาน ตามประกาศที่ติดไว้หน้าร้านของเถ้าแก่สกุลหวัง แต่สุดท้ายกลับถูกตวาดไล่ ราวกับว่านางเข้าไปขอทาน มิใช่ของานทำ
ผู้ที่ตวาดไล่ก็มิใช่ใครอื่น คือคุณหนูหวังฮุ่ยเหอ
“หากคุณชายอยากจะกำจัดนางไปให้พ้นทาง ซินเหมยคนนี้ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อให้คุณชายได้สมหวัง ว่าแต่คุณชายมีเหตุผลอันใดที่ทำให้ไม่พึงใจในตัวนางหรือเจ้าคะ”
“นางเห็นแก่ตัวและชอบเอาเปรียบผู้คนที่กำลังลำบาก แต่ที่ข้ายังยอมให้นางเข้าพบทุก ๆ สิบห้าวัน นั่นก็เพราะท่านพ่อออกคำสั่ง ทั้งยังบังคับให้ต้อนรับขับสู้กันให้ดี เผื่อว่าจะได้ครองคู่กันในอนาคต แต่เรื่องหัวใจบังคับกันหาได้ไม่ เจ้าเองก็น่าจะทราบดีด้วยตนเองแล้วว่า หวังฮุ่ยเหอไม่ใช่สตรีนิสัยน่ารัก จะให้ข้าฝืนใจนิยมชมชอบนางก็คงจะทำไม่ได้โดยง่าย”
โจวเล่อเทียนเผยความในใจ ความจริงการกล่าวร้ายสตรีทั้งลับหลังและต่อหน้า ล้วนมิใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษสมควรกระทำ ทว่าเมื่อวานหลี่ซินเหมยเองก็เห็นชัดเป็นประจักษ์พยานแล้วว่า คุณหนูสกุลหวังมิใช่กุลสตรีนิสัยน่ารักดั่งที่เขาว่าจริง ๆ
“แต่ดูท่าทางคุณหนูหวังจะชอบคุณชายมากเลยนะเจ้าคะ หลายวันก่อนข้ากับพี่เหยียนแวะไปซื้อสมุนไพรที่ร้านในเมือง นางทำหน้าหยามเหยียดราวกับข้าและพี่เหยียนคือถังปุ๋ยสกปรก แต่พออยู่ต่อหน้าคุณชายแล้ว นางกลับอ่อนลงอยู่หลายส่วน”
ทว่าโจวเล่อเทียนกลับได้ยินแค่คำว่า...พี่เหยียน
“เจ้าดูท่าจะสนิทกับอาเหยียนมาก” โจวเล่อเทียนกล่าวเสียงเรียบ รับยาบำรุงจากบ่าวมาดื่มโดยไม่อิดออด
“เป็นดั่งที่คุณชายว่าจริง ๆ ในแปลงผักหลวงแห่งนี้ ข้าสนิทสนมกับพี่เหยียนมากที่สุดแล้ว จริงสิ ข้าขอตัวออกไปแจ้งต่อพี่เหยียนก่อนนะเจ้าคะ ว่าหลังจากนี้ข้าจะช่วยงานในแปลงผักเฉพาะช่วงบ่ายเท่านั้น” นางกล่าวขอบคุณสำหรับอาหารมื้ออร่อย ก่อนจะวิ่งแจ้นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
