บทที่ 17
“คุณชายอย่าใส่ใจเสียงนกเสียงกาเลยนะเจ้าคะ เราสองคนรีบกลับเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า” หลี่ซินเหมยสอดแขนประคองคุณชาย พลางโปรยยิ้มที่คิดเอาเองว่าหวานที่สุดแล้ว
“สตรีหน้าด้าน ไม่รู้จักอาย!” หวังฮุ่ยเหอเห็นภาพบาดตา ย่อมอดทนมองมิได้อีก
“ผู้ที่ควรอายคือผู้ที่บุกเข้าบ้านของผู้อื่นโดยไม่ได้รับเชิญต่างหากเล่า” หลี่ซินเหมยยิ้มเยาะ
“นี่เจ้า!”
“เรียกเจ้า เจ้า อยู่ได้ ข้ามีนามว่าหลี่ซินเหมย และที่สำคัญ ข้ากับคุณชายมิได้หูหนวก เจ้า...จึงไม่จำเป็นต้องตะโกน!”
คุณชายเจ้าของแปลงผักตระหนักได้ว่าเหตุการณ์กำลังจะเลยเถิดไปไกล เขาจึงกระแอมเล็กน้อยเพื่อเตือนให้สตรีทั้งสองนางได้สติขึ้นมาบ้าง
ความจริงแล้วเขาควรจะแกะมือหลี่ซินเหมยออก เพราะการถูกเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงที่มิใช่สามีภรรยากัน มิใช่เรื่องเหมาะสม ทว่าโจวเล่อเทียนกลับยังยืนนิ่ง มิได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี
เขาชอบให้หลี่ซินเหมยถูกเนื้อต้องตัว...
“ฮุ่ยเหอ ยังมิทันครบกำหนดสิบห้าวัน เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่”
“ข้าผ่านมาทางนี้จึงแวะมาเยี่ยมเยียน ท่านพี่อย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ”
หวังฮุ่ยเหอรีบเปลี่ยนน้ำเสียงเกรี้ยวกราดให้อ่อนลงราวเก้าส่วน บุรุษที่นางหมายปองควรได้เห็นแค่เพียงด้านดี มิใช่ด้านแย่ที่เผลอตัวแสดงให้เห็นเช่นเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“วันนี้ข้ามีธุระ ไม่สะดวกส่งแขก เจ้ากลับไปก่อนเถิด”
โจวเล่อเทียนตัดบทสนทนา เพราะเกรงว่าการอยู่นอกบ้านนาน ๆ จะทำให้อาการป่วยไข้กำเริบขึ้นได้
“เจ้าค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าข้าจะมาเยี่ยมท่านพี่อีกครั้ง และหวังว่าจะไม่มีพวกเหลือบไรคอยรบกวน”
“จริงสิเจ้าคะคุณชาย ความจริงเราสองคนตั้งใจว่าจะแจ้งเรื่องสำคัญต่อคุณหนูหวังในอีกหลายวันข้างหน้า แต่ไหน ๆ คุณหนูก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนแล้ว เราควรจะจัดการธุระให้แล้วเสร็จ ถูกต้องหรือไม่เจ้าคะ”
“เรื่องสำคัญอันใดหรือซินเหมย” โจวเล่อเทียนตามความว่องไวนางมิทันแล้ว
“ก็เรื่องของเสี่ยวถิงอย่างไรล่ะเจ้าคะ”
นางไม่รอช้ารีบกล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่ดูแลคุณชายด้วยตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องรบกวนสาวใช้ของคุณหนูสกุลหวังอีก ทางด้านโจวเล่อเทียนก็รีบเออออพยักหน้าเห็นด้วย ทำราวกับว่าได้สนทนาเรื่องนี้กันอย่างถี่ถ้วนแล้ว
คุณหนูสกุลหวังทนฟังอีกมิได้ นางจึงรีบออกคำสั่งให้สาวใช้เสี่ยวถิงตามกลับบ้านด้วยทันที!
หลี่ซินเหมยยิ้มกว้างสะใจที่ได้แก้แค้นสตรีเห็นแก่ตัวอย่างหวังฮุ่ยเหอ นางเองก็ปลูกและจำหน่ายสมุนไพรมาก่อน ไหนเลยจะใสซื่อจนไม่รู้ว่าสมุนไพรที่จำต้องซื้อให้ท่านย่าในวันนั้น ถูกโก่งราคาอยู่หลายส่วน ยังไม่นับเรื่องการพูดจาหมิ่นเกียรติ ยามนางขอทำงานในร้านขายสมุนไพรนั่นอีก
“เจ้าปล่อยแขนข้าได้แล้ว” พออยู่ตามลำพังกับหลี่ซินเหมย โจวเล่อเทียนก็มิยอมสบตานางดังเดิม
“คุณชาย ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดจึงหน้าแดงจัด แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมมองหน้าข้าอีกแล้ว” นางยอมปล่อยแขนของคุณชายเจ้าสำอางให้เป็นอิสระ ในเมื่อคุณหนูมารยาททรามไม่อยู่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นจะต้องแสดงละครอีก
“วันนี้เจ้าถามเก่งยิ่งนัก ที่ผ่านมาไม่เคยพูดจาสอบถามผู้อื่นหรืออย่างไร” คุณชายเจ้าสำอางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้าน อีกไม่เกินครึ่งชั่วยาม ฟ้าก็คงจะมืดแล้ว
“คุณชายอย่าเพิ่งไป ให้ข้าตรวจดูอาการก่อน”
นางวิ่งตามเข้าไปในบ้าน ความกังวลทำให้นางลืมระวังตัว ตามคุณชายเจ้าสำอางเข้าไปถึงห้องนอน เขาออกคำสั่งให้บ่าวชราช่วยเตรียมน้ำอาบเพื่อชำระร่างกาย พอได้อยู่กันตามลำพัง โจวเล่อเทียนก็ถูกลากให้ไปนั่งบนเก้าอี้
หลังจากตรวจสอบอาการตามที่บิดาเคยสอนสั่งอย่างละเอียด หลี่ซินเหมยก็สรุปได้ว่าคุณชายมิได้มีอาการน่าเป็นห่วง นางมองดูเขาเดินไปยังหีบเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าเก่าสองสามชุดมามอบให้
“เพิ่งจำได้ว่าเสื้อผ้าที่เจ้าสวม คือชุดของข้ายามอายุยังน้อย ซินเหมยเปลี่ยนชุดที่ห้องตรงนู้นแล้วรีบกลับบ้านก่อนจะมืดค่ำเถิด”
โจวเล่อเทียนวางชุดไว้บนโต๊ะ และสาวงามก็ไม่รอช้าที่จะหยิบคว้านำมาเป็นของตน
“ขอบคุณคุณชายสำหรับเสื้อผ้า แต่ข้าจะไม่กลับบ้าน จนกว่าคุณชายจะบอกว่าเหตุใดจึงมิยอมมองหน้ากัน”
หลี่ซินเหมยยามดื้อดึงก็ดื้อดึงมิเป็นรองผู้ใด นางยอมยืนรอคำตอบในห้องนอนของเขาทั้งคืน จนกว่าจะได้ฟังในสิ่งที่ต้องการ
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว...”
“ก็ตอนนั้นข้าไม่ได้ยิน”
“เจ้าแค่...” โจวเล่อเทียนกระแอมเบา ๆ มิเข้าใจนักว่าเหตุใดจึงขัดใจนางมิค่อยได้
“ท่านเจ็บคอหรืออย่างไร เหตุใดจึงพูดเบานัก!”
“ซินเหมย เจ้าแค่งามมากเกินไป และข้าไม่สะดวกใจที่จะมองหน้าของเจ้า!”
โจวเล่อเทียนเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนเพราะความอาย เขายอมยืนทนให้รอบ่าวจัดการเทน้ำจนกระทั่งแล้วเสร็จ แต่ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ คุณชายเจ้าสำอางก็ย่องเดินกลับเข้าไปมองในห้องนอนของตน
ปรากฏว่าโฉมงามที่เขาทนมองหน้ามิได้นั้นไม่อยู่แล้ว
หากหัวขโมยแปลงผักหลวงมิกลั่นแกล้งเขาจนตกน้ำไปด้วยกัน โจวเล่อเทียนก็คงมิทราบว่านางมีรูปโฉมที่งดงามอย่างมาก ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประทับในตัวของหลี่ซินเหมยกลับมิใช่แค่เรื่องความงาม
ความหาญกล้าต่อปากต่อคำของนางต่างหากที่ทำให้หัวใจของโจวเล่อเทียนเต้นแรงแทบคลั่ง!
