บท
ตั้งค่า

บทที่ 14

เขาเดินตรงไปยังตัวบ้าน ก่อนจะรับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ จากคุณชายโจวที่โผล่ออกมาเพียงครึ่งตัว ปรากฏว่าเป็นรายการพืชผักที่ต้องเก็บเกี่ยว และส่งเข้าเมืองหลวงก่อนช่วงบ่าย หลังจากกวาดตามองเพียงชั่วขณะ อาเหยียนก็สรุปได้ว่าทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหา เขาจึงแจกงานให้กับคนสวนที่เพิ่งจะมาถึงอย่างรวดเร็ว

แปลงผักแต่ละประเภทจะได้รับการดูแลโดยคนสวนอย่างต่ำสองคน เพื่อช่วยกันตรวจสอบหากมีข้อผิดพลาด และหากผลิตผลประเภทใดที่ต้องการเป็นจำนวนมาก อาเหยียนก็จัดแบ่งคนสวนสามคนไปดูแล

“เลือกผลที่งามที่สุด หากงามน้อยลงมาก็ให้คัดเอาไปไว้วางขายที่ตลาดในช่วงเย็น”

“เหตุใดจึงกะทันหันนักเล่าพี่เหยียน” หนึ่งในคนสวนสอบถาม ก่อนจะพันผ้าโดยรอบศีรษะ เตรียมตัวทำงานกลางแจ้ง

“คำสั่งมาช้ากระมัง” อาเหยียนสั่งให้คนสวนอีกสองคนจัดการเก็บเกี่ยวฟักทอง

“หรือไม่ก็เป็นคุณชายโจวเจ้าสำอางที่ทำงานเชื่องช้า”

เจ้าคนสวนตัวเล็กที่สุดยังคงปากดีไม่เปลี่ยน ทว่าก็หน้าซีดเงียบเสียง ทันทีที่ได้รับคำสั่งให้ไปเก็บพริกสดกับสหายอีกสองคน

“แล้วข้าล่ะพี่เหยียน จะให้ข้าทำอันใดได้บ้าง” หลี่ซินเหมยรีบแจ้ง เพราะเห็นว่าตนยังไม่ได้รับมอบหมายงาน

“ซินเหมยจะต้องเหนื่อยมากหน่อย เจ้าต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทุกแปลง สังเกตดูว่าผักแต่ละประเภทจะต้องทำการเก็บเกี่ยวอย่างไรบ้าง และลักษณะใดจึงจะนับว่าเป็นลักษณะที่ดีที่สุดของพืชผักประเภทนั้น ๆ”

อาเหยียนบอกว่าวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ลูกจ้างคนใหม่จะได้เรียนรู้งาน หากมีเรื่องใดสงสัยก็ให้สอบถามจากผู้ที่รับผิดชอบในการเก็บเกี่ยวแปลงผักนั้น ๆ เสียให้เข้าใจกระจ่าง

“ข้าจะตั้งใจเรียนรู้งาน ไม่ทำให้พี่เหยียนต้องผิดหวัง”

นางเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง ก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวจากแปลงผักหนึ่งไปยังอีกแปลงผักหนึ่ง และระหว่างนั้นก็ลื่นล้มไถลตัวไปตามเรื่อง สร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้กับเหล่าคนสวนที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นได้อยู่เรื่อย ๆ

ความจริงหลี่ซินเหมยทราบดีว่าปัญหาของตนอยู่ที่รองเท้า ทว่านางยังไม่มีโอกาสได้เข้าเมือง ไปซื้อหารองเท้าที่เหมาะสมกับการทำงานในแปลงผัก ช่วงนี้จึงจำต้องอดทนไปก่อน จนกว่าจะถึงวันหยุดของนางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

คนสวนของสกุลโจวจะได้หยุดงานทุก ๆ สิบวัน ทว่าก็ไม่ได้หยุดพร้อมกันเสียทีเดียวทั้งหมด

ผ่านไปได้ชั่วยามเศษ ผลิตผลทางการเกษตรตามรายการที่คุณชายโจวเล่อเทียนออกคำสั่งให้เก็บเกี่ยวก็ถูกบรรจุเต็มตะกร้าจำนวนหลายใบ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ข้าวของทั้งหมดก็ถูกลำเลียงขึ้นเกวียนจำนวนห้าเล่ม โดยผู้ที่ดูแลรับผิดชอบ คือลูกจ้างที่ทำงานให้สกุลโจวนานกว่ายี่สิบปี อาเหยียนจึงมิต้องกังวลเรื่องการจัดหาคนดูแลให้ลำบาก

ระหว่างนั้นหลี่ซินเหมยก็มิได้ทำตัวไร้ประโยชน์ นางเร่งมือช่วยหญิงชราผู้รับหน้าที่ดูแลโรงครัว มือเรียวที่เพิ่งจะหายจากการบาดเจ็บ เร่งจัดการห่อข้าวห่อน้ำ และนำไปมอบให้กลุ่มคนที่จะต้องออกเดินทางในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

“นังหนูซินเหมยมีน้ำใจดียิ่งนัก อยากได้สิ่งของอันใดจากเมืองหลวงหรือไม่”

ชายชราถามซ้ำอีกหลายคำ จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่านางไม่ต้องการสิ่งของอันใดตอบแทน ทั้งยังแก้ไขด้วยว่าทุกอย่างคือฝีมือของแม่ครัว นางเพียงแค่ช่วยทำเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้นเอง

เกวียนบรรทุกพืชผักสำหรับครัวหลวงจากไปได้สักพักแล้ว ทว่าอาเหยียนและคนสวนที่เหลือกลับมิได้หยุดพัก เร่งเก็บพืชผักที่ยังเหลืออยู่ใส่ตะกร้า เตรียมนำไปขายที่ตลาดเมืองเฉินหยาง ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่จะถึงนี้ ความจริงหลี่ซินเหมยก็อยากจะร่วมเดินทางไปด้วย ทว่าเนื้อตัวของนางสกปรกมอมแมมเกินกว่าจะมีหน้าไปสู้ใครในเมืองได้

แต่จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ยังไม่มีวันใดที่นางสะอาดสะอ้านกลับบ้านเลยสักวัน โชคดีที่จ้าวจินอิ๋งยังพอมีแรงเหลืออยู่บ้าง เสื้อผ้าทำสวนที่นางสวมใส่จึงถูกทำความสะอาดอย่างดี

คิดถูกแล้วที่มิยอมเสียเงินซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ สวมใส่เสื้อผ้าเก่าที่คุณชายโจวบริจาคมานั่นก็เหมาะสมดีแล้ว

“วันนี้คงไม่ได้ไปส่งเจ้าที่บ้าน อย่าอยู่ทำงานเพลิดเพลินจนมืดค่ำ เข้าใจหรือไม่” อาเหยียนสะพายตะกร้าที่บรรจุผักจนเต็มขึ้นบนแผ่นหลังแข็งแรง หลังจากออกคำสั่งต่อน้องสาวต่างสายเลือด

“พี่เหยียนไม่ต้องกังวล ข้าจัดการวัชพืชแปลงนี้เสร็จแล้วก็จะรีบกลับทันที” นางโบกมือลาจนทุกคนหายลับตา ก่อนจะย้ายตัวไปจัดการดินแห้งแข็งที่อ่อนตัวลงมากแล้ว

ภายในสิบวันนี้นางจะต้องได้ปลูกสมุนไพรตามที่ต้องการ หลี่ซินเหมยมิคิดสร้างรายได้จากการใช้แปลงผักของผู้อื่นเป็นเครื่องมือทำมาหากิน นางเพียงต้องปลูกสมุนไพรสำหรับท่านย่า เผื่อเอาไว้ในกรณีที่สมุนไพรในบ้าน ถูกโรคร้ายหรือแมลงทำลายกัดกิน

มือเรียวแบกเอาน้ำมาถังหนึ่ง ก่อนจะสาดลงไปบนดินที่ต้องการฟื้น ความจริงนางจะวานขอให้ใครช่วยเหลือเรื่องนี้ก็ได้ ทว่าหลี่ซินเหมยมิใช่คนชอบติดค้างผู้อื่น ปากของนางจึงยังปิดสนิท มิยอมขอให้เพื่อนร่วมงาน ช่วยลงแรงออกกำลังฟื้นหน้าดินแห้งแข็ง

“ต้องปล่อยให้น้ำหยดลงทีละน้อย...”

“ว้าย!” เสียงทุ้มดังแทรกความเงียบ ทำให้หลี่ซินเหมยตกใจจนลื่นล้มอีกครั้ง

“ขอโทษที ข้ามิได้ตั้งใจ เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”

คุณชายเจ้าสำอางสวมหมวกใบโต ทว่าคราวนี้ไม่มีผ้าบาง ๆ ป้องกันแสงแดดที่สาดส่องกระทบดวงหน้าซีดขาว หลี่ซินเหมยเห็นดังนั้นจึงรีบมองไปยังท้องฟ้า ปรากฏว่ายังคงมีเมฆจำนวนหนึ่ง และนั่นคงทำให้คุณชายมิต้องระวังตัวมากนัก

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าล้มเสียจนชินแล้ว”

“นั่นเพราะรองเท้าของเจ้าไม่ดี ว่าแต่ มือหายดีแล้วหรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel