บทที่ 3 ชะตาหวนคืน Part 2
"ขบวนเสด็จกำลังมาแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ"
ไป๋ฝูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ และวิ่งกลับไปยังอีกฟากหนึ่งของแถวที่มีหลี่หรูปินผู้เป็นมารดายืนอยู่
"ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ"
ป๋ายเยว่หลันมองหน้าของบุตรสาวที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับด้วยความขัดใจ ก่อนจะหันไปมองซ่างยู่เหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ของซ่างเยว่พร้อมเหยียดยิ้มร้ายกาจออกมา
ในใจของซ่างเยว่ตอนนี้คิดเพียงแค่ว่าเมื่อไหร่งานนี้จะสิ้นสุดลงเสียที นางอยากกลับไปนอนตีพุงขลุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างสบายใจเต็มทีแล้ว
แต่เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของซ่างยู่เหยียนก็ระบายยิ้มบางอย่างเอ็นดู
"สลับที่กับข้าไหม" นางกระซิบถามน้องสาวที่เอาแต่ยืดคอมองดูขบวนจนแทบจะกลายร่างเป็นเต่าไปแล้ว
"ได้หรือเจ้าคะ" ซ่างยู่เหยียนถามนางด้วยแววตาที่เป็นประกาย เมื่อเห็นซ่างเยว่ผงกศีรษะรับจึงกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ
ขบวนเสร็จของเว่ยติงฮ่องเต้เดินผ่านเข้ามาในประตูเมือง เมื่อเดินผ่านบรรดาราษฏรต่างก็พากันกล่าวคำถวายพระพรเสียงดังกึกก้อง
ถัดจากขบวนของเว่ยติงฮ่องเต้ ต่อมาก็คือขบวนของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ก่อนจะตามมาด้วยคุณชายจากสกุลต่างๆ
ซ่างเยว่จำได้ดีว่าครั้งแรกที่นางเห็นเฉินฮ่าวหราน เขานั่งตัวตรงตระหง่านอยู่บนหลังม้า ท่ามกลางฝูงชนมากมายที่รายล้อม แม้จะมองจากที่ไกลๆ แต่นางกลับมองเห็นเขาอย่างชัดเจน
ชาติก่อนเขาไม่ได้มองมาที่นางแม้สักหน นางเห็นสายตาของเขาจับจ้องไปยังไป๋ฝูอี้ที่ยืนอยู่ฟากตรงข้ามของนาง ในใจพลันเกิดความริษยาขึ้นมาหนักหน่วง
ในตอนที่ขบวนของสกุลเฉินใกล้เข้ามาถึง ซ่างเยว่พยายามหักห้ามใจเป็นอย่างมากที่จะไม่เงยหน้าขึ้นไปมอง แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาคงไม่มีวันมองมาที่นางก็ตามที
แต่ทว่า... เมื่อซ่างเยว่เงยหน้าขึ้น มองไปบนหลังอาชาสีขาวตัวใหญ่ กลับเห็นสายตาของบุรุษผู้หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่นาง หากมองไม่ผิด เหมือนเห็นมุมปากหยักของเขายกขึ้นเบาๆ
ตาฝาด! ข้าต้องตาฝาดเป็นแน่!
เขาต้องมองไปทางไป๋ฝูอี้สิ แต่เหตุใดตอนนี้เขากลับเอาแต่จดจ้องมาที่นางเล่า!
เฉินฮ่าวหรานมองร่างโฉมสะคราญที่แต่งกายด้วยชุดเกาะอกสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีม่วงตัวยาวที่ทำจากผ้าแพรเนื้อดี ซึ่งเขาจำได้ไม่มีวันลืมว่านั่นคือสีโปรดของนาง ก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆ
ป๋ายเยว่หลันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นางจะต้องกำจัดบุตรสาวของศัตรูเสียที ในตอนที่เห็นอาชาตัวใหญ่วิ่งเข้ามาใกล้ นางก็จัดการผลักร่างบางที่ยืนอยู่อย่างแรง
ซ่างเยว่ไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ ก็มีมือปริศนาผลักนางออกไปข้างหน้าอย่างแรง ในหูได้ยินแต่เสียงกรีดร้องดังอื้ออึงอยู่รอบกาย ในตอนที่หันหน้ากลับมาก็เห็นอาชาตัวใหญ่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว!
ป๋ายเยว่หลันถึงกับตะลึงงัน ใบหน้าของนางซีดเผือด เมื่อเห็นว่าคนที่โดนนางผลักออกไปหาใช่ซ่างยู่เหยียนไม่ แต่กลับเป็นซ่างเยว่บุตรสาวในไส้ของตนแทน
"เยว่เอ๋อร์!" ในตอนที่ตั้งสติได้ก็รีบออกตัววิ่งหมายจะเข้าไปดึงบุตรสาวกลับมา แต่กลับโดนจางโซว่ดึงแขนเอาไว้เสียก่อน
"อย่าเข้าไปเจ้าค่ะ มันอันตราย"
"ปล่อยข้า! ข้าจะไปช่วยลูกของข้า"
"ไปไม่ได้เจ้าค่ะ" จางโซว่รีบกอดเอวบางของเจ้านายเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
'ตาย! ข้าต้องตายเป็นแน่'
เพิ่งกลับชาติมาเกิดอีกครั้งได้ไม่กี่วันก็ต้องตายอีกแล้วหรือนี่ ซ่างเยว่คิดอย่างปลงตก ก่อนจะหลับตาแน่น เมื่อเห็นว่าตนคงไม่รอดจากเหตุการณ์นี้เป็นแน่แล้ว
"ฮี้!" เสียงม้าร้องดังลั่น ก่อนที่เสียงเกือกม้ากระทบพื้นจะดังขึ้น
เฉินฮ่าวหรานได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนจึงหันกลับไปดู ในตอนที่เห็นร่างบางของซ่างเยว่ยืนอยู่ตรงกลางถนน หัวใจของเขาก็กระตุกวาบ รีบหันม้าวิ่งเข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่กำลังจะเหยียบลงบนร่างเล็กนั้น เขาก็ใช้มือโอบเอวบางขึ้นมาวางอยู่ข้างหน้าตน
ซ่างเยว่รับรู้เพียงว่า ในตอนที่นางกำลังยืนหลับตารอรับชะตากรรมที่จะมาถึง จู่ๆ ร่างบางก็ลอยหวือขึ้นจากพื้นแล้ว
"เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือไม่"
เสียงนุ่มทุ้มกระซิบแผ่วที่ข้างหู ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
"พี่ชายเฉิน"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น ตอนนี้นางนั่งอยู่บนหลังม้าตัวเดียวกับเขา สองมือหนาจับบังเหียนม้าเอาไว้มั่น ทำให้คล้ายกับว่าตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา