บทที่ 1 ภพชาติก่อนอันซับซ้อน Part 1
สายตากวางเปิดม่านมองออกไปนอกหน้าต่าง ยามนี้รถม้าที่นั่งมากำลังเคลื่อนห่างออกไปจากเมืองหลวงทุกทีๆ แล้ว บัดนี้เป็นวันที่สิบหลังจากเดินทางรอนแรมออกมาจากเมืองหลวง ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยหยดน้ำ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ร่วงเผาะลงมา
"คุณหนู..."
เฉิงลี่เห็นเจ้านายสาวกำลังนั่งร้องไห้อย่างเงียบๆ จึงยื่นมือเข้ามาเกาะกุมมือบางเอาไว้หลวมๆ
"ข้าไม่เป็นอะไร ต่อจากนี้ไปเราจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะเฉิงลี่"
มือบางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า หันมาส่งยิ้มให้บ่าวรับใช้คนสนิท
"เจ้าค่ะ"
เฉิงลี่ส่งยิ้มให้เจ้านายสาว แม้ว่าในใจจะรู้สึกโศกเศร้าไม่แพ้กัน นางลอบมองหน้าของซ่างเยว่ก่อนจะทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ
ซ่างเยว่... เป็นหญิงสาวดวงชะตาอาภัพยิ่งนัก เคยมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ใช้ชีวิตได้จนถึงอายุสิบเจ็ดปี มารดาที่รักถนอมดั่งแก้วตาดวงใจกลับมาด่วนจากไป หนำซ้ำบิดายังต้องโทษประหารข้อหาฉ้อโกงทุจริตโกงกินภาษีของราษฏร บ้านแตกสาแหรกขาด ที่อยู่อาศัยยังแทบไม่มีให้ซุกหัวนอน
หากยังดีที่ได้ความช่วยเหลือจากสหายในวัยเยาว์อย่าง เว่ยเซียวซื่อจื่อ ทว่าหลังจากนั้นชีวิตก็ได้จับพลัดจับผลูถูกพาตัวไปอยู่กับมหาเสนาบดีอายุน้อยผู้เฉลียวฉลาดนามว่าเฉินฮ่าวหราน
นางคงจะมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับบุรุษที่นางรัก แต่เขากลับไม่ได้รักนาง ในใจของเขามีเพียงไป๋ฝูอี้เท่านั้นที่ได้ครอบครอง ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาให้สถานะนางเป็นเพียงแค่นางบำเรอ เอาไว้คอยปลดเปลื้องยามที่เขามีอารมณ์กำหนัดเท่านั้น
สุดท้ายความอดทนที่มีก็ขาดสะบั้นลง ในเมื่อเขาไม่รัก นางก็จะไม่วิงวอนร้องขอความรักจากเขาอีกต่อไป...
จากกันครานี้นางขอสาบานว่าจะไม่กลับมาให้บุรุษนามว่า 'เฉินฮ่าวหราน' พบเจออีกต่อไป!
รถม้าคันใหญ่ที่เว่ยเซียวมอบหมายให้มาส่งซ่างเยว่ เคลื่อนออกมาจนถึงนอกเมืองแล้ว สองข้างทางในตอนนี้เต็มไปด้วยป่าไผ่ มือบางดึงม่านให้ปิดลงตามเดิม ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
จุดหมายของซ่างเยว่คือเมืองจวิ้นหนาน เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางเหนือ นางตั้งใจจะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่น นางพอมีฝีมือในการปักผ้าอยู่บ้าง กอปรกับพอมีสมบัติที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้ใช้อยู่เล็กน้อย คงพอจะสร้างร้านปักผ้าเล็กๆ เลี้ยงชีพได้
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ รถม้าที่นั่งมาก็เบรกอย่างกะทันหัน
"ฮี้!"
เสียงม้าตัวโตร้องคำราม มันยกขาหน้าสองข้างขึ้น รถม้าหยุดลงในทันใด ทำให้คนที่นั่งอยู่ภายในถึงกับเซถลาศีรษะกระแทกผนังเสียงดังปั้ก!
"อ๊ากกกก!" เสียงร้องของพลขับรถม้าดังขึ้นอย่างเจ็บปวด ไม่นานก็เงียบลง
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ!" ซ่างเยว่ร้องถามเสียงสั่นในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เฉิงลี่เองก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากคำใด ประตูรถม้าก็ถูกกระชากเปิดออกเสียก่อน
"อย่าทำอะไรคุณหนูของข้านะ!" แม้จะหวาดกลัวจับใจ แต่ความจงรักภักดีต่อเจ้านายยิ่งชีพก็ทำให้เฉิงลี่ตัดสินใจพุ่งเข้าไปขวางชายชุดดำเอาไว้
ทว่า... มันไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนากระชากเฉิงลี่ลงจากรถก่อนจะใช้มือบีบคอเฉิงลี่จนตาค้าง
"เฉิงลี่!" ซ่างเยว่ถลาลงมาจากรถหมายจะเข้าไปช่วยบ่าวคนสนิท
แต่แล้ว...
หมั่บ! ชายชุดดำอีกคนวิ่งเข้ามาขวางพร้อมใช้มือจับแขนนางเอาไว้แน่น
"ปล่อยข้านะ"
ซ่างเยว่พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล นางได้แต่ร้องไห้มองเฉิงลี่ที่ตาเหลือกลิ้นจุกปาก เมื่อลมหายใจหมดลง มันก็ปล่อยร่างบางของเฉิงลี่ทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี
"ไม่!" ซ่างเยว่กรีดร้องออกมา รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างรุนแรง
"ซ่างเยว่"
"องค์หญิงจิ้งผิง" ซ่างเยว่เรียกหญิงสาวผู้มาใหม่ทั้งน้ำตา ก่อนที่คิ้วเรียวจะเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจที่เห็นชายชุดดำโขกศีรษะลงกับพื้น
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
"ซ่างเยว่ เจ้าหน้าตางดงามมากเหลือเกิน ถึงว่าสิ คุณชายเฉินถึงเอาแต่ร่ำร้องเรียกหาเจ้า"
"องค์หญิงจิ้งผิงทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ"
"เรื่องที่เกิดขึ้นเจ้าอย่าโทษข้าเลยนะ ข้าจำเป็นต้องทำ ตอนนี้ข้าถูกวางตัวให้เป็นคู่หมายกับคุณชายเฉิน ข้าไม่ต้องการให้สามีของข้ามีหญิงอื่น"
องค์หญิงจิ้งผิงกล่าวเสียงสั่น ดวงตาแดงก่ำ นึกไปถึงความเจ็บปวดของมารดาที่มียศเป็นถึงหวงกุ้ยเฟย แต่ไม่เป็นที่โปรดปราน ภาพของมารดาที่นอนร้องไห้ตรอมใจทุกค่ำคืนยิ่งทำให้แค้นใจ
"ข้ากับพี่ชายเฉินไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันแล้ว ขอองค์หญิงโปรดวางใจ ข้าสาบานว่าจะไม่กลับมาให้เขาเห็นหน้าอีกเป็นอันขาด"
"ข้าเชื่อมั่นว่าเจ้าทำได้"
"..."
"แต่ข้ารู้ว่าคุณชายเฉินไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่"
ซ่างเยว่ชะงักไปเล็กน้อยกับวาจาของนาง