2
ชลดาน้องสาวคนเล็กของบ้านเดินมาช่วยนลินถือกระเป๋า เธอสงสารนลินเอามาก ๆ เพราะทั้งคู่มีอายุเท่ากันแต่อีกคนกลับต้องไม่เหลือใครในชีวิต
“เข้าห้องกัน ไม่ต้องคิดมากมีอะไรก็มาบอกชลนะ เราเป็นเพื่อนกัน ได้ข่าวว่าเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกันด้วยแต่คนละคณะมีอะไรจะได้ปรึกษากัน”
นลินถือกระเป๋าอีกใบแล้วเดินตามชลดาไปยังห้องนอนที่อยู่เรือนหลังเล็กของบ้าน
เรือนหลังเล็กแยกออกจากตัวบ้านแต่เดินหากันได้มีประตูครัวแยกส่วนไว้ ภาวินีให้นลินไปอยู่ที่นั่นเพราะจะได้ไม่ต้องเจอกับลูกชายเธอบ่อย ๆ เธออดสงสารเด็กสาวที่เพิ่งกำพร้าพ่อกับแม่ไม่ได้
“ขอบคุณมากนะคะคุณชลที่ดีกับนลินแต่ความจริงแล้วบ้านหลังเดิมนลินก็อยู่คนเดียวได้ จะได้ไม่ต้องให้คุณกรไม่พอใจแบบนี้ด้วยค่ะ”
ชลดาเดินมาจับมือของคนรุ่นเดียวกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอเป็นคนใจดีไม่ใช่เฉพาะกับนลินแต่ชลดาใจดีกับทุกคนเสมอ
“อย่าไปเก็บการกระทำของพี่กรมาคิด เขาแค่ยังทำใจเรื่องคุณพ่อไม่ได้ แต่จริง ๆ พี่กรก็เป็นคนดีนะ ถ้าเธอได้รู้จักพี่ชายชล เธอจะรู้ว่าเขาก็ใจดีเหมือนคุณพ่อนั่นแหละ”
ชลดาเดินออกจากห้องไปแล้ว นลินหยิบรูปพ่อกับแม่ขึ้นมานั่งกอด เธอร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องอย่างสุดเสียง เวลานี้เธออยากกลับบ้านอยากย้อนเวลาอยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝัน
“พ่อกับแม่อยู่ที่ไหนมารับลินไปอยู่ด้วยได้ไหม ลินไม่ อยากเรียนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว มันไม่เหลืออะไรเลย”
เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังขึ้นไปที่ห้องของวิชชากรเพราะหน้าต่างห้องนอนของชายหนุ่มอยู่ใกล้กับบ้านหลังเล็กที่นลินอยู่
วิชชากรยืนมองจากหน้าต่างห้องนอน เขาเห็นหญิงสาวนั่งกอดรูปร้องไห้เพราะนลินไม่ได้ปิดม่านหน้าต่างห้องนอนของเธอจึงทำให้คนที่อยู่ชั้นสองมองเข้าไปข้างในได้
ชายหนุ่มอดสงสารนลินไม่ได้แต่เขาก็ยังคงคิดว่าเธอน่าจะช่วยให้พ่อของเขาไม่ต้องถึงขั้นติดคุกได้ แต่เธอไม่ยอมทำ
“ฉันก็ไม่ได้อยากร้ายกับเธอ แต่มันอดไม่ได้เอาเป็นว่าเราอย่าเจอกันบ่อยเลย”
กรปิดม่านหน้าต่างห้องเขาเพราะแค่ทนได้ยินเสียงร้องไห้มันก็บีบหัวใจเขาจะแย่แล้ว เขาไม่อยากเห็นภาพที่น่าสงสารเพราะมันจะทำให้เขาใจอ่อน
การที่วิภพไม่อยู่ทำให้วิชชากรต้องเป็นคนดูแลกิจการทุกอย่างแทนพ่อและเขาเองก็ต้องทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อให้แม่กับน้องได้พึ่งพึง