ความขัดแย้ง
ชาวบ้านยืนนิ่งมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียงซุบซิบเริ่มกระซิบผ่านกันไปเป็นทอด ๆ ทุกสายตาหันมองไปยังบุตรสาวของเจ้าเมืองที่ยืนอยู่ริมฝาย
"อีกแล้วเหรอ... นางทำพิธีพังอีกแล้ว?" เสียงหนึ่งกล่าวพร้อมถอนหายใจ
ส่วนอีกเสียงหนึ่งส่ายหน้าราวกับเหนื่อยหน่าย "นางนี่ดื้อด้านเสียจริง ทั้งที่เกิดมาหน้าตางดงามมากแท้ ๆ แต่กลับไม่มีความเคารพนอบน้อม น้องสาวของนางถึงไม่งามเท่านางแต่ก็ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลอย่างนี้ ข้าล่ะสงสารท่านเจ้าเมืองเจียหรงจริงเชียวที่มีบุตรสาวคนโตแบบนี้"
“สวยแต่รูปจูบไม่หอมของแท้” เสียงหนึ่งดังแว่วมากลางกลุ่มคน
อวี้เสวี่ยยังคงหนิงยืนนิ่งมองผลงานของตัวเองด้วยความสับสนในใจ เมื่อสายตาหลายคู่รอบลานพิธีจับจ้องมาที่นางด้วยแววตำหนิและผิดหวัง
แม้หญิงสาวจะยืดตัวตรงแสดงออกว่าไม่ใส่ใจกับสายตาเหล่านั้น แต่ลึกลงในใจกลับรู้สึกถึงความเย็นชาที่คนรอบข้างมีต่อตนเอง ราวกับนางกลายเป็นคนแปลกหน้าท่ามกลางชาวบ้านที่เติบโตมาด้วยกัน ความรู้สึกนั้นกัดกินหัวใจของนางช้า ๆ
"มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง… นับตั้งแต่วันที่ท่านแม่จากไป"
เมื่ออวี้เสวี่ยหนิงกลับมาถึงจวนของเจ้าเมือง ความเงียบสงบก็ถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดเย้ยหยันจาก “ฮูหยินอวี้” แม่เลี้ยงของนางและ “อวี้เถียนเถียน” ลูกสาวของฮูหยินอวี้หรือเป็นน้องสาวต่างมารดานั่นเอง
ทั้งสองจงใจกล่าวคำกระทบกระเทียบหวังจะให้อวี้เสวี่ยหนิงรู้สึกต่ำต้อยกับเขาบ้าง แต่หญิงสาวเพียงมองกลับด้วยสายตาเฉยชา พลางยิ้มหยันในใจ
"ไม่เคยเข็ดกันเลยนะคนพวกนี้" อวี้เสวี่ยหนิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คนพวกนี้ช่างจ้อไม่รู้จักหยุด มีหรือที่นางจะยอมปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นเข้ามากระทบจิตใจได้ง่ายเช่นนี้
ฮูหยินอวี้เหลือบตามองลูกสาวอย่างรู้กัน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสแสร้งว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้? มอมแมมเชียว ช่างไม่สมศักดิ์ศรีบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองเลยสักนิด”
อวี้เถียนเถียนรีบเสริมด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “ได้ยินมาว่าท่านทำพิธีพังพินาศไปหมด ข้าอยากรู้จริงว่าท่านพี่หญิงทำอันใด ข้าขอความกรุณาจากพี่ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม?”
“แบบนี้ไงล่ะ!” อวี้เสวี่ยหนิงยกกาน้ำชาร้อนที่บ่าวกำลังนำเข้ามา และเทลงบนหัวของอวี้เถียนเถียนทันที
“ร้อน! ท่านแม่! ช่วยด้วย พี่หญิงรังแกข้า!” อวี้เถียนเถียนร้องออกมาด้วยความตกใจ ความร้อนของชานั้นำให้ผิวหนังของนางเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“นังตัวดี! เจ้ามันมากไปแล้ว กล้าทำเถียนเอ๋อร์ของข้าแบบนี้! ตายซะเถอะ!” ฮูหยินอวี้หรืออวี้หลินจงร้องลั่นก่อนจะพุ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายเสวี่ยหนิง แต่หญิงสาวเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ทำให้อวี้หลินจงเสียหลัก นางไม่รีรอ ใช้ขาถีบที่สะโพกของแม่เลี้ยงเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น
“อย่าได้เอามือสกปรกของเจ้ามาแตะข้าอีก!” เสียงของอวี้เสวี่ยหนิงเย้ยหยัน “พวกเจ้าคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือที่จะอยู่ในจวนเจ้าเมืองนี้ ชั้นต่ำ! เริ่มต้นจากหอคณิกา ก็จงไปจบชีวิตที่นั่นเสียทั้งแม่ทั้งลูก”
ทันใดนั้นท่านเจ้าเมืองอวี้เจียหรงเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี เขาถึงกับต้องรีบเข้ามาขวางลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไว้ไม่ให้ทำร้ายแม่เลี้ยงต่อไปจนเรื่องบานปลาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ
‘ตั้งแต่ฮูหยินจากไป ข้าก็ต้องรีบหามารดาใหม่มาให้หนิงเอ๋อร์... แต่เด็กคนนี้กลับไม่ยอมรับใครเลยที่พยายามจะมาแทนที่มารดาแท้ๆ ของนาง’
"หยุดเถิดลูก พ่อขอร้อง" เขากล่าวเสียงอ่อน ขณะที่เอื้อมมือไปแตะไหล่ของเสวี่ยหนิง "นั่นเป็นน้องสาวเจ้านะ"
ฮูหยินอวี้โกรธจัด นางรีบร้องท้วงขึ้น "ท่านพี่ นางกล้าทำร้ายข้ากับเถียนเอ๋อร์ ท่านต้องลงโทษนางนะเจ้าคะ!"
อวี้เจียหรงปรายตามองฮูหยินอวี้อย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "หนิงเอ๋อร์ เจ้ากลับห้องไปเถอะ"
ฮูหยินอวี้ไม่ยอมแพ้ พยายามโต้เถียงอย่างร้อนรน “ท่านพี่! นางสมควรได้รับการลงโทษ!”
"เงียบเสีย! เรื่องนี้ข้าจะตัดสินเอง หากเจ้าสองคนอยากอยู่ที่นี่อย่างสบายใจก็จงฟังข้ากับหนิงเอ๋อร์" เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด ทิ้งความเงียบงันไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้วยสีหน้าหนักใจ งานพิธีที่ล่มไปต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย เขายังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่อาจชักช้าได้อีก
อวี้เสวี่ยหนิงปรายตามองไปยังสองแม่ลูกด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะเหวี่ยงกาน้ำชาที่อยู่ในมือไปในทิศทางของสองแม่ลูกอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!” เสียงแตกกระจายดังก้อง เศษกระเบื้องกระจายเต็มพื้นใกล้เท้าของพวกนาง ก่อนที่อวี้เสวี่ยหนิงจะเดินกลับห้องอย่างไม่แยแส ราวกับการกระทำนั้นเป็นที่นางไม่อยากจะใส่ใจแม้แต่น้อย
ฮูหยินอวี้มองตามหลังนางด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แววตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ริมฝีปากสั่นระริกขณะกัดฟันแน่น “เจ้าจะต้องชดใช้กับการดูหมิ่นครั้งนี้...สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าตกต่ำยิ่งกว่าที่เจ้าคิดไว้เสียอีก อวี้เสวี่ยหนิง!”