ตอนที่ 9 คัดค้าน
ตอนที่ 9 คัดค้าน
เมื่อจางชิงหนี่ว์ออกปากสั่งบ่าวไพร่แล้ว จึงมิได้สนใจไยดีว่าองค์ชายสามจะเป็นเช่นไร ด้วยเพราะมีหนี้แค้นมากมาย ก็เพราะชายผู้นั้นหลอกลวงใช้ประโยชน์จากนาง คิดบั่นทอนขาเก้าอี้ของเป่ยเฟยเทียน บัดนี้นางจะลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีตระกูลจางไม่ให้กลับไปเป็นเหมือนกาลก่อนนั้นอีก
อดีตที่ขมขื่นเลวร้าย จางชิงหนี่ว์จะไม่ยอมให้มันหวนกลับไปเป็นเฉกเช่นดังเดิมอีก...
ไท่จื่อยิ้มเยาะยืนอยู่ประตูทางเข้าด้านหน้า ทอดสายตามองไปยังน้องชายต่างมารดา ซึ่งเร่งควบม้าหงุดหงิดออกไปอย่างคนอารมณ์ไม่ดี น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่า สตรีอันเป็นที่รักยิ่งเดินเข้าไปด้านในแล้ว
เขาออกคำสั่งเสียงดุดันแก่องครักษ์ที่ติดตาม “จับตาดูองค์ชายสามให้ดี หากมีอะไรรีบส่งข่าวอย่าได้ชักช้า”
เงาร่างหนึ่งทะยานยืนเบื้องหน้าก้มศีรษะสองมือประสาน “พ่ะย่ะค่ะ” กล่าวจบเขาก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเพียงชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์สองมือไพล่หลัง กำลังครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย
จางชิงหนี่ว์เดินเข้ามาในจวนคล้ายคนสติหลุดลอย นางกำลังขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ละเอียดถี่ถ้วน กลัวว่านางจะหลงลืมบางอย่างไป
“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดจึงใจลอยเช่นนี้” มู่เสียนพบว่าผู้เป็นนายสาวเดินเหม่อลอยคล้ายว่ามีเรื่องให้ใคร่ครวญมากมายเสียอย่างนั้น
“ข้ามิได้เหม่อลอยเสียหน่อย” ผู้เป็นนายสาวแสร้งกล่าวปฏิเสธ
“หนี่ว์เอ๋อร์” ไท่จื่อรีบสาวเท้าเดินพรวด ๆ ตามแผ่นหลังร่างบอบบางเข้ามา เขาอยากพูดคุยกับนางให้มากกว่านี้ เพราะสีหน้าของนางทำให้เขาเป็นห่วงยิ่งนักกลัวว่านางจะล้มป่วยขึ้นมาอีก
“เจ้าคะพี่เทียน” นางระบายยิ้มอ่อน แต่แววตาของนางกลับหม่นหมองยิ่งนัก เป่ยเฟยเทียนสัมผัสได้ดี จึงรีบกุมมือนุ่มนิ่มของนางเอาไว้ มอบความอบอุ่นผ่านดวงตาคมแฝงไปด้วยความห่วงใย
“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าสัญญาว่าจะปกป้องเจ้า” แววตาของชายหนุ่มช่างอบอุ่นยิ่งนัก น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะเอ่ยกล่าวมีแต่ความเป็นห่วงเป็นใยในตัวของหญิงสาว
“พี่เทียนจะปกป้องใครกันขอรับ” จู่ ๆ น้องชายคนเล็กก็เร่งฝีเท้าเดินมาพบพี่สาว แม้ว่าจะเจ็บแปลบปลาบบริเวณก้นก็ตามที เพราะว่าเมื่อคืนค้างนี้พี่สาวได้ค้างคืนอยู่ตำหนักเหวินหนิง เขาจึงเป็นห่วงยิ่งนักแต่แล้วองค์ชายรองบอกกล่าวเรื่องหนึ่งซึ่งมันทำให้เขาประหลาดใจยิ่ง
“เจ้าเป็นอะไรกันน้องเล็ก เหตุใดจึงเดินแปลก ๆ พิกล” จางชิงหนี่ว์มองน้องชายด้วยแววตาสงสัย “เดินขาถ่างเยี่ยงนี้เป็นอันใดหนักหนาหรือไม่ จะได้ตามท่านหมอมาดูอาการ”
จางชิงหลิวหน้าแดงก่ำเพราะอับอายยิ่งนัก หากจะโทษก็ต้องเป็นองค์รองเพราะว่าเขาย่ำยีไม่รู้จักทะนุถนอมไม่อ่อนโยนเอาบ้างเสียเลย กระแทกหนักหน่วงไม่ผ่อนแรงเสียบ้างและผลมันจึงกลายเป็นเยี่ยงนี้
มันน่าโมโหยิ่งนัก!
เด็กหนุ่มได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายในใจ หากเอ่ยปากบอกความลับนี้ เกรงว่าจะถูกพี่สาวประณามเอาได้ “ข้าแค่...”
“อ้อ น้องชายของเจ้า เมื่อวานถูกข้าตีก้นน่ะ” ไม่รู้ว่าองค์ชายรองไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด จู่ ๆ ก็ทะยานกายเข้ามาร่วมวงสนทนาพอดิบพอดี เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วหลิ่วตามอบให้กับจางชิงหลิว
“เหตุใดต้องลงโทษหนักเช่นนี้เจ้าคะ” จางชิงหนี่ว์ไม่พอใจชายหนุ่มเล็กน้อย
“ก็เพราะ...” องค์ชายรองกดยิ้มแววตาเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“หยุดเลยท่านอาจารย์” จางชิงหลิวร้อนตัว รีบห้ามองค์ชายรองทันใด พร้อมกับถลึงตาใส่องค์ชายรอง ริมฝีปากขมุบขมิบราวกับว่ากำลังก่นด่าอีกฝ่าย
เป่ยเฟ่ยหยางหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ๆ ผู้ที่อายุน้อยกว่าเขา “เอาน่า ต่อไปอาจารย์จะไม่ลงโทษเจ้าอีก ขอแค่เป็นเด็กดีก็พอ” มือหนากุมใบหน้าของจางชิงหลิว แต่แววตานั้นกำลังแฝงไปด้วยเล่ห์กลบางอย่าง
เด็กดีกับผีนะสิ!
จางชิงหลิวสบถเข้าให้ พร้อมกับกลอกกลิ้งตาไปมา วันนี้เป็นวันหยุดหากไปเรียนอีก คงเป็นที่หัวเราะขบขันสหายร่วมห้องเป็นแน่ เจ็บปวดถึงเพียงนี้ จะเดินเหินก็ลำบากยิ่ง เวรกรรมอันใดหนอ
จึงทำให้เขามาหลงคารมขององค์ชายผู้แปลกประหลาดผู้นี้เข้าให้ ไม่เคยอ่อนโยนกับเขาสักครา มีแต่ดุเดือดเผ็ดร้อนหื่นกระหายทุกคราที่สัมผัสลุกล้ำร่างกายของเขา ยามนี้ทำได้แค่เพียงแอบค่อนขอดเขาในใจ
ทางด้านท้องพระโรงวังหลวง
ยามนี้กำลังถกเถียงกันเรื่องคู่หมั้นขององค์ไท่จื่อ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป ด้วยเพราะเห็นว่า คุณหนูจางมีฐานะมิเหมาะสมกับตำแหน่งไท่จื่อเฟยนี้ “ทูลฝ่าบาท ตำแหน่งว่าที่ไท่จื่อเฟย ย่อมต้องเหมาะสมด้วยฐานะชาติตระกูล”
“เจิ้นคิดว่าเหมาะสมยิ่งนัก เหตุใดจึงไม่เหมาะสมเล่าใต้เท้าหลิ่ว” เป่ยเฟิ่งหวง ทอดพระเนตรยังเหล่าขุนนาง จึงได้สอบถามอีกครั้ง ใต้เท้าหลิ่วผู้นี้เป็นคนสนิทของเสียนอู่เว่ย คงคิดให้ออกหน้าแทนกระมัง
“ทูลฝ่าบาท เดิมทีคุณหนูจางมีใจปฏิพัทธ์กับองค์ชายสาม หากคุณหนูจางมีใจให้กับองค์ไท่จื่อ เช่นนี้มิใช่สตรีสองใจหรือพ่ะย่ะค่ะ ยั่วยวนองค์ชายทั้งสองให้หลงใหลทำให้พี่ชายน้องชายต้องแย่งชิงตัวนาง แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นสตรีงามหน้าหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ใต้เท้าอ้ายอาสาอีกแรง ช่วยผลักดันองค์ชายสามให้มีสิทธิ์มีเสียงในคราวนี้ กดยิ้มเล็กน้อย มอบแววตาถากถางให้กับแม่ทัพจางซึ่งอยู่ยืนฝั่งตรงข้าม มองมายังเขาราวกับจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นเสี่ยง ๆ เขามิเคยหวาดกลัวแม่ทัพผู้นี้ แต่หากเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพจางคงไม่แน่
“กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ บุตรสาวกระหม่อมดื้อรั้นยิ่งนัก ทั้งเอาแต่ใจนิสัยก้าวร้าว ไม่เหมาะกับองค์ชายสามและไท่จื่อ”
แม่ทัพจางขัดขวางทั้งสองฝ่าย มิอยากให้ลูกสาวเป็นหมากให้ผู้ใดหยิบยืมมาใช้เล่นงานกันเยี่ยงนี้ หัวอกบิดาจึงมีแต่ความกลัดกลุ้มและกังวลใจ แต่ว่าเมื่อครู่นี้ใต้เท้าอ้ายเอ่ยบอกมา แค้นนี้เขาจะคิดบัญชีภายหลัง
“แม่ทัพจาง ช่างหวงบุตรีนัก ใคร ๆ ต่างก็ทราบว่าคุณหนูจางน่ารักเรียบร้อยและอ่อนหวาน ซ้ำยังเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮา เด็กสองคนนี้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน เจิ้นจึงสนับสนุนคุณหนูจางให้มาเป็นว่าที่สะใภ้ใหญ่ในราชวงศ์เป่ยซานนี้”
แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องมองสีหน้าของบิดาจางชิงหนี่ว์ จากนั้นจึงทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับแม่ทัพจาง เพราะขึ้นชื่อว่าหวงแหนบุตรีผู้นี้ยิ่งนัก มิค่อยให้ออกงานเลี้ยงหากไม่มีเทียบเชิญจากฮองเฮา
แล้วอย่าได้หวังว่าคุณหนูจางจะไปร่วมงานเลี้ยงที่ใด เพราะแม่ทัพจางผู้นี้ประคองบุตรสาวราวกับไข่มุกบนฝ่ามือ เช่นนั้นแล้วเป่ยเฟิ่งหวง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยซ่านย่อมเข้าใจดี
“กระหม่อมเห็นด้วยกับใต้เท้าอ้ายและท่านแม่ทัพจางพ่ะย่ะค่ะ” ใต้เท้าหลิ่วดีใจนัก ยิ้มไม่หุบเพราะได้หน้า มิหนำซ้ำไม่ต้องเปลืองแรงอีกด้วย
“เจิ้น คิดว่าเหมาะสม เมื่อคืนได้ตกลงสอบถามไท่จื่อแล้ว เพราะเหตุใดจึงบอกไม่เหมาะสมเล่า” แม้ไม่พอใจยังคงข่มความกรุ่นโกรธเอาไว้ สีหน้ายังคงเรียบเฉย ทอดสายตามองเหล่าขุนนางทั้งหลายที่ยืนเรียงรายทั้งซ้ายและขวา ต่างก็ก้มหน้ามิกล้าสบตากับเจ้าของบัลลังก์มังกร
ใต้เท้าหลิ่วยังคงออกหน้าแทนใต้เท้าเสียน เพราะสมุดรายชื่อได้หายไป เกรงว่าคงอยู่ในมือของหวงตี้แล้วเป็นแน่ ดังนั้นแล้วใต้เท้าหลิ่วจึงอาสาออกหน้าเต็มที่ เพราะตนมิได้มีรายชื่ออยู่ในสมุดเล่มนั้น
“คุณหนูจางมีข่าวลือไม่ดีนัก ชื่อเสียงเหม็นเน่า ไม่เหมาะอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถิด”
เสียนอู่เว่ย ตาแก่เจ้าเล่ห์มิใช่ไม้ใกล้ฝั่งที่จะไม่มีสมัครพรรคพวก หากเขาเอ่ยปาก แน่นอนว่าขุนนางที่สนิทสนมกันนั้นย่อมต้องช่วยเหลือส่งเสริม และก็เป็นดังที่คาดเอาไว้ วันนี้แค่ก้มหน้าก้มตาเท่านั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใต้เท้าหลิ่วต่อไป
ขุนนางจำนวนหนึ่งส่งเสียงพร้อมกัน ราวกับนัดแนะกันมา ขุนนางที่เหลือได้แต่เหลือบมองผู้ที่คุกเข่ากล่าวขอร้องด้วยสายตาไม่พอใจนัก เห็นแล้วว่างานนี้เป็นแผนของใต้เท้าเสียน ซึ่งกำลังสาดโคลนให้คุณหนูในห้องหอ ด่างพร้อยเสียหาย
“ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาใหม่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”