บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 วางแผนทำลายชื่อเสียง

ตอนที่ 5 วางแผนทำลายชื่อเสียง

สาวใช้ที่ติดตามคุณหนูมาวังหลวง ยามนี้กำลังดูแลนายสาวเป็นอย่างดี เมื่อในขณะนี้พวกนางทั้งสามอยู่ในตำหนักเหวินหนิง พักผ่อนอยู่ในห้องปีกขวา ซึ่งมิได้ห่างจากห้องบรรทมของผู้เป็นเจ้าของตำหนัก

จางชิงหนี่ว์เดินมายังหน้าต่าง ซึ่งเปิดรับสายลมพัดผ่านหอบเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ เข้ามา แต่มิได้ทำให้จิตใจของนางสงบเยียบเย็นนัก กลับทำให้นางครุ่นคิดว่า เมื่อชาติที่แล้ว สตรีนางนั้นโผล่เข้ามาได้อย่างไรกัน ยังมีสตรีอีกนางตั้งแง่ชิงชังนางตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า

แล้วสตรีผู้นั้นเป็นถึงหลานสาวของเสียนเฟย เรื่องนี้นางมิเข้าใจนัก เกรงว่าสตรีนางนั้นคงหลงชื่นชอบญาติผู้พี่เป็นแน่ นางถึงตั้งแง่ชิงชังแล้วยังเอ่ยวาจาเหยียดหยามดูหมิ่นเยี่ยงนั้น ซึ่งจางชิงหนี่ว์จะต้องหาวิธีไปพบสตรีผู้นั้นให้ได้ก่อนที่ เมิ่งอวี้เจิน จะได้ตำแหน่งเจิ้งเฟยไป

“สวีฝูเหยา รอข้าอีกหน่อยเถิด ข้าจะเป็นคนสนับสนุนเจ้า ให้ช่วงชิงตำแหน่งเจิ้งเฟยที่เจ้าปรารถนา เจ้าคือหมากที่ข้าเลือกหยิบยืมดาบสังหารคนเสียหน่อย” นางพึมพำเบา ๆ มือเรียวยังเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้ ดวงตาทอดมองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ เอ่ยขอบคุณสวรรค์เบื้องบนที่มีเมตตา มอบความปรารถนาครั้งสุดท้ายให้นางได้หวนกลับคืนมาเพื่อแก้แค้น

“หนี่ว์เอ๋อร์ หนี่เอ๋อร์” เพราะตื่นเต้นดีอกดีใจจึงทำให้เขานอนไม่หลับ ด้วยเพราะตำหนักไม่ได้ห่างกับของมารดามากนัก เช่นนั้นแล้วก่อนนอนจึงแวะมาหาพบหน้าด้วยความคิดถึงอีกครา

ซ้ำยังกังวลใจว่ายอดดวงใจจะหิว เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาจึงไปสั่งห้องเครื่องทำขนมและน้ำชา มอบให้แก่นางอันเป็นที่รักหากได้ลิ้มลองขนมอร่อย ๆ คงทำให้นางเบิกบานใจขึ้นมาก็ได้ เห็นสีหน้าของนางหม่นหมองเขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีนัก

“คุณหนูเจ้าคะ คงเป็นไท่จื่อแน่ ๆ เจ้าค่ะ” ลี่จูจดจำสุรเสียงของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ได้ดี

“เปิดประตูให้เขาเข้ามา” หญิงสาวละจากหน้าต่างด้วยจิตใจที่เมื่อครู่นี้ได้คิดฟุ้งซ่านไปไกล นางคิดยืมดาบสังหารคน จิตใจของนางบัดนี้มิต่างจากปีศาจร้ายเช่นเมิ่งอวี้เจินอย่างนั้นน่ะหรือ หรืออาจเป็นเพราะนางผูกใจเจ็บเคียดแค้นชิงชังชายโฉดช้าจนมิอาจยืนร่วมแผ่นดินด้วยกันได้

จางชิงหนี่ว์หันหลังจากหน้าต่างแล้วเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ตัวหนึ่ง นางเงยหน้ามองเป่ยเฟยเทียนซึ่งในมือถือขนมมามอบให้ เขารีบวางลงบนโต๊ะจึงหย่อนก้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

พร้อมกับหยิบขนมยื่นมอบให้นางในดวงใจ เอ่ยน้ำเสียงอบอุ่นหัวใจแก่นางยิ่งนัก “หนี่ว์เอ๋อร์ เพิ่งฟื้นกินขนมรองท้องเสียหน่อย ข้าไม่อยากให้เจ้าปวดท้องเดี๋ยวไม่สบายอีกจะทำเช่นไร”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่เทียนดีกับข้ายิ่งนัก ชาตินี้ทั้งชาติข้าเป็นหนี้ชีวิตท่านแล้ว” หญิงสาวกล่าวมันออกมาและซ่อนความขมขื่นอยู่ในดวงตาคู่สวยนี้ นางผิดต่อเขายิ่งนักใช้ความรักของเขาเป็นเครื่องมือเพื่อสะสางความแค้น หากเขารู้ภายหลังแล้วจะเสียใจหรือไม่

เป็นนางที่ผิดต่อเขาเหลือเกิน

“จะเป็นหนี้ชีวิตได้อย่างไรกัน หากมิใช่ท่านแม่ทัพจางช่วยเหลือท่านแม่เอาไว้ ยามนี้ข้าก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ต่อหน้าเจ้าเป็นแน่” ชายหนุ่มยื่นขนมค้างเอาไว้ อยากป้อนนางแต่ก็ไม่กล้า

“พี่เทียนรักข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่ หากสักวันหนึ่งข้าทำผิดต่อท่าน จะอภัยให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ” สิ่งที่นางหวาดกลัวยิ่งนักคือความรู้สึกของคนที่ถูกหักหลัง ถูกหลอกลวงความรัก มันเจ็บปวดทรมานมากมายขนาดไหน นางทราบดีเพราะผ่านช่วงเวลาเจ็บปวดนั้นมาแล้ว

“เจ้าไม่มีวันทำผิดต่อข้า ไม่ว่าเจ้าจะทำผิดมากเพียงใด ข้าก็พร้อมอภัยให้เจ้าได้เสมอ” เมื่อนางรับขนมไปแล้ว แววตาคู่สวยหม่นมองดูเศร้ายิ่งนัก เขาจึงไม่สบายใจที่นางหดหู่ไม่ร่างเริงเบิกบานเหมือนดั่งวันวาน

ทางด้านตำหนักฉางอัน

เสียนเฟยยกแจกันหยกทุ่มลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด นางอาละวาดอยู่ในตำหนักของนางเกิดเสียง โครม ครามหลายครั้งหลายหน จนนางกำนัลสะดุ้งตกใจกันก็หลายคน บ้างก็ยืนก้มหน้าตัวเกร็งแข็งทื่อ เกรงว่าจะทำให้เจ้านายนั้นไม่พอใจเดี๋ยวพวกนางจะถูกลงโทษเอาได้

“ทำไมกัน เพราะอะไรกัน ทุกอย่างที่ข้าคิดมันถึงไม่เป็นไปตามที่ข้าต้องการ!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดแผดเสียงอย่างไม่คิดว่าผู้ใดจะได้ยิน

“ท่านแม่ข้าจนปัญญาแล้วจริง ๆ เสด็จพ่อยังเข้าข้างพวกนั้น” เป่ยหรงจิ่นทำหน้าไม่ถูก เมื่อเห็นมารดาเสียสติจนคลุ้มคลั่งเยี่ยงนี้

“เป็นเพราะเจ้าไม่ได้ความ” นางตะคอกลูกชายด้วยแววตาโหดเหี้ยมยิ่งนัก

“ท่านแม่ มันไม่ง่ายดายอย่างที่เราคิดเอาไว้ พี่รองยังออกหน้าช่วยเหลือนาง เหมือนว่าพวกเราก้าวเท้าช้ากว่าคนพวกนั้นไปแล้วหนึ่งก้าว” แววตาขององค์ชายสามมีแต่ความสงสัยด้วยมิเข้าใจยิ่งนัก คล้ายว่าจางชิงหนี่ว์วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น บัดนี้เรื่องกลับกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว จักต้องทำอย่างไรต่อไปดี ถึงจะได้ผลลัพธ์ตามสิ่งที่ตนเองวาดหวัง

“ข้ามีวิธีแล้ว” หากไม่ได้ด้วยเล่ห์ย่อมด้วยกล นางไม่เชื่อหรอกว่าหวงตี้จะเข้าข้างเอนเอียงเสิ่นฮองเฮาแต่เพียงผู้เดียว

“ท่านแม่มีวิธีอันใดขอรับ” องค์ชายสามตาลุกวาวเป็นประกาย แผนการร้ายนั้นต้องยกให้มารดา

“เจ้าลอบเข้าไปยังตำหนักของเหวินหนิง อย่าให้ผู้ใดจับได้เล่า รู้ใช่หรือไม่ว่าต้องทำสิ่งใด” นางยกยิ้มที่มุมปาก

“ท่านแม่ นี่ท่านจะให้ข้า...” เขาคงทำไม่ลงเป็นแน่ เพราะนางมิใช่สตรีที่เขาปักใจ แต่เพื่อผลประโยชน์แล้ว เขายินดีหลับตาข้างหนึ่งก็ได้ และมันอาจทำให้เขาตื่นเต้นเร่าร้อนบนเตียงของนาง

“ใช่ คืนนี้จัดการนางเสีย แล้วพรุ่งนี้ราชโองการนั่นย่อมเป็นโมฆะ ดีไม่ดีตระกูลจางอาจถูกโทษประหารก็ได้” นางกดยิ้มแววตาเป็นประกายมืดดำอำมหิต

“แต่ว่า...พี่รองคงไม่ปล่อยข้าไปแน่ ๆ ท่านแม่เปลี่ยนใจได้หรือไม่ เหตุใดเมิ่งอวี้เจินมิใช่ตัวเลือกของท่าน นางเป็นถึงลูกสาวเจ้าเมือง มีทหารอยู่ไม่น้อย อีกอย่างข้ายังพึงพอใจนางมากอีกด้วย” องค์ชายสามเพิ่งนึกออก ชายผู้นั้นชมชอบนั่งอยู่บนหลังคาเป็นประจำ เมื่อหนึ่งก้านธูปที่แล้วเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วจะไปเสี่ยงอันตรายอีกครั้งก็คงไม่เป็นผลดีนัก

“สตรีนางนั้นชาติกำเนิดต่ำศักดิ์ เป็นลูกสาวเจ้าเมืองก็จริง แต่มารดาของนางเป็นหญิงนางโลม เหมาะแล้วหรือที่เจ้าจะเกลือกกลั้วโคลนตมนี้” เสียนเฟยไม่คิดว่าลูกชายจะคิดสั้นถึงเพียงนี้ ลากเอาสตรีชาติกำเนิดต้อยต่ำนั้นเข้ามาพัวพันให้มัวหมองเสื่อมเสียเกียรติยิ่งนัก

“แต่นางเป็นคนรักของข้า ข้าชอบนาง” เขายืนกรานหนักแน่นเสียงแข็ง

“หากเจ้าชอบนางแม่ยินดีส่งเสริม แต่ระหว่างนั้นเจ้าต้องหาทางนำจางชิงหนี่ว์กลับคืนมาให้ได้ เพราะอันใดรู้หรือไม่” เมื่อสงบจิตสงบใจได้แล้วจึงได้นั่งลงพูดจาหว่านล้อมลูกชายอีกหน หากนางวู่วามไปย่อมไม่เกิดผลดี

“ลูกทราบดีแม่ทัพจางรักและเอ็นดูนางดุจไข่มุกบนฝ่ามือ อีกทั้งอำนาจทางการทหารก็หลายสิบหมื่น เรื่องนี้ลูกเข้าใจขอรับ”

“เสียนเฟยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องกราบทูล” ขันทีผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้ดูแลรับใช้เจ้านายมาตั้งแต่เข้ารับแต่งตั้งเป็นพระสนมลำดับที่สาม เขาอยู่ในวังหลวงมานานล้วนหาทางหนีที่ไล่เป็นอย่างดี เขาคันปากยุบยิบอยากเอ่ยพูดตั้งนานแล้วแต่มิกล้า

“มีอะไรเล่าขันทีหลิว หากไม่ใช่เรื่องข้าจะตบปากเจ้าเสีย” ขันทีผู้นี้ไว้วางใจได้ด้วยเพราะรับใช้นางมาหลายปีแล้ว คงมีความคิดดี ๆ กระมัง

“กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งอยากเล่าให้ฟัง เห็นว่าเรื่องนี้อาจช่วยองค์ชายสามได้” ขันทีหลิวยิ้มกริ่ม วันนี้หากความคิดเป็นประโยชน์เขาย่อมได้รางวัลก้อนโต

“รีบพูดมาเร็ว ๆ เข้าอย่าชักช้า” เสียนเฟยมิได้มีกระจิดกะใจรอคอยคำพูดแสนเอื่อยเฉื่อยของขันทีนัก กลับคาดคั้นเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว

“พรุ่งนี้หากหวงตี้จะต้องร่างราชโองการจริง ๆ แล้วละก็ ย่อมต้องผ่านความคิดเห็นของเหล่าขุนนางพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นแล้ว กระหม่อมคิดว่าต้องรีบปล่อยข่าวลือทำลายชื่อเสียงของคุณหนูจาง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ยามนั้นก็จะกลายเป็นไก่บินสุนัขกระโดดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

***ไก่บินสุนัขกระโดด*** คือความอลม่าน ความวุ่นวาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel