ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ลูกโป่งอัดแก๊สถูกหยิบยื่นให้กับเด็กหญิงสองคน ทั้งคู่หน้าตาน่ารักราวกับนางฟ้าตัวน้อย ๆ คนที่ตัวสูงกว่าคาดว่าน่าจะเป็นพี่สาว แย่งลูกโป่งสีชมพูสดใสจากมือของน้องสาว อ้ายฉิงที่ยังเด็กปล่อยให้พี่สาวรับเอาไปโดยไม่พูดอะไร ถ้าเป็นพี่สาวเธอยอมได้หมด ส่วนเธอได้ลูกโป่งสีเขียวทึม ๆ ลูกสุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงลูกเดียวในร้าน
ในวัยเด็กทุกสิ่งที่อ้ายฉิงอยากได้ ล้วนถูกพี่สาวแย่งเอาไปหมด แม้จะเป็นตระกูลที่ร่ำรวย ก็ไม่วายว่าต้องใช้สิ่งของเหลือจากพี่สาว เด็กหญิงตัวน้อยได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
วันนี้เป็นวันที่คุณหนูคุณชายตระกูลเสิ่นได้รับการอนุญาตให้ออกมาเที่ยวเล่นสวนสนุก เด็ก ๆ เที่ยวเล่นกันอย่างมีความสุข
พวกพี่ ๆ ตัวสูงกว่าเธอ ทำให้พวกเขาเดินได้เร็วกว่าและมักจะทิ้งอ้ายฉิงไว้ข้างหลังเสมอ หากเธอก้าวไม่ทัน พวกเขาก็มักจะลืมเธอไว้กับพี่เลี้ยง เครื่องเล่นในสวนสนุกบางอย่างที่พวกพี่ ๆ เล่นได้ ก็ไม่เหมาะกับเด็กตัวเล็กอย่างเธอ จนบางครั้งอ้ายฉิงนึกน้อยใจ
ตูม!!! เสียงระเบิดดังลั่นไปทั้งทั้งบริเวณ ไฟในสวนสนุกดับลง ความมืดเข้าปกคลุม ผู้คนล้วนแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้ายฉิงที่ไม่ได้ไปเล่นเครื่องเล่นเหมือนพี่ ๆ เธอถูกอุ้มอยู่ในอ้อมอกของบอดี้การ์ดและพี่เลี้ยง คุณหนูเล็กถูกปกป้องคุ้มครองดูแลเป็นอย่างดี
พี่ชายสองคนรีบวิ่งกลับมายังจุดนัดหมาย แต่อ้ายเหรินกลับหายตัวไป
อ้ายฉิงที่ถูกอุ้มอยู่เห็นว่าพี่สาวของตนเดินไปที่ไหน และเธอก็เห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังพาตัวพี่สาวของเธอไป เด็กหญิงตัวเล็กเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ในสมองเธอคิดว่า ถ้าหากเธอไม่พูดล่ะว่าเสิ่นอ้ายเหรินไปที่ไหนกับใคร
ถ้าเสิ่นอ้ายเหรินหายตัวไปจากโลกนี้ซะ เธอก็จะเป็นคุณหนูเสิ่นที่ได้รับความรักเพียงคนเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะดีแค่ไหน เด็กหญิงจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเกี่ยวกับพี่สาวทั้งสิ้น หากมีคนถามก็บอกแต่เพียงว่าเธอไม่รู้ไม่เห็น
หลังจากทุกอย่างสงบลง
ทุกคนระดมกันออกตามหาคุณหนูใหญ่ ไม่มีข่าวคราว ไม่มีเบาะแส ไม่มีใครพบเห็นเสิ่นอ้ายเหริน และตอนนี้เสิ่นอ้ายฉิงก็กลายเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวในตระกูลเสิ่น
*************************
แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้อง แสงของพระอาทิตย์เกือบจะตั้งฉาก เมื่อดูอีกทีก็เห็นว่าเธอลืมตั้งนาฬิกาปลุก คนตัวเล็กในชุดนอน ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย อาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานจึงทำให้เธอตื่นสาย เสิ่นอ้ายฉิงแต่งตัวไปทำงานตามปกติราวกับว่าเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะเธอดำรงตำแหน่งผู้บริหาร การทำงานของเธอจึงไม่จำเป็นต้องฟิกเวลา เธอจะเข้าออฟฟิศเมื่อเธออยากเข้าหรือมีเรื่องให้ต้องเข้าเท่านั้น
เสิ่นอ้ายฉิงนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอต้องเข้าไปอ่านและอนุมัติต้นฉบับม่านฮวาที่เธอเซ็นสัญญาไว้ เธอจึงจำเป็นต้องกลับเข้าไปทำหน้าที่
รถคันหรูถูกจอดหน้าบริษัทตามปกติ แต่วันนี้ที่ไม่ปกติคือไม่มีใครมารับรถไปจอดให้เธอ รออยู่นาน พนักงานสักคนก็ไม่มี จนในที่สุดอ้ายฉิงก็เลือกขับไปจอดเองที่โรงจอดรถ
เมื่อเธอเข้าไปในที่ทำงาน สายตาทุกคนในบริษัทก็มองเธออย่างไม่วางตา หรือว่าวันนี้เธอแต่งตัวประหลาดเหรอ จนกระทั่งคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปมองป้าย LED สำหรับประชาสัมพันธ์ผลงานของบริษัทที่เธอเป็นคนอนุมัติให้ติดตั้ง
ประกาศสำคัญ
ขอให้พนักงานทุกคนรับทราบโดยทั่วกันว่า “คุณเสิ่นอ้ายฉิง”
ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท SE comic อีกต่อไป
รวมถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทต่าง ๆ ในเครือตระกูลเสิ่น
จากนี้ไปการกระทำใด ๆ ล้วนแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเสิ่น
ลงนาม (เสิ่นเหยาซิ่ว)
คำประกาศบน LED เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ คนตัวเล็กแทบล้มทั้งยืน บริษัทนี้เป็นของเธอ เธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมาจากความชอบส่วนตัว กว่าจะทำให้เป็นหนึ่งในผู้นำด้านแพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้าน comic เธอต้องลงแรงไปมากเท่าไหร่
เสิ่นอ้ายฉิงโทรหาผู้เป็นบิดาในทันที แต่ต่อให้กดโทรสักกี่ครั้งเสิ่นเหยาซิ่วก็ไม่รับ เธอจึงเลือกโทรหาเสิ่นเฟยฉีพี่ชายของเธอแทน
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกับ SE comic”
“เธอไปถามคุณพ่อดีกว่า”
“นั่นมันบริษัทฉัน”
“แต่เป็นเงินของคุณพ่อ ปรับปรุงตัวเป็นเด็กดีซะอ้ายฉิง ก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะแย่ไปมากกว่านี้ ถือว่าเป็นคำเตือนจากพี่ชายก็แล้วกัน”
พูดจบปลายสายก็ตัดไป ปล่อยให้เสิ่นอ้ายฉิงยืนมืดแปดด้าน หญิงสาวพยายามจะขึ้นไปยังชั้นบนของบริษัท แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เธอเป็นจ้างมาห้ามเอาไว้
เสิ่นอ้ายฉิงเลือกไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่คาเฟ่ประจำข้างบริษัท ที่นั่นเงียบสงบตกแต่งด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมจีนแบบโบราณ ภายในร้านมักจะมีกลิ่นกำยานชนิดพิเศษและกาแฟผสมกัน สร้างความผ่อนคลายให้เธอทุกครั้งที่มาเยือน
เสียงกระดิ่งเหนือประตูดังตามปกติเมื่อมีลูกค้าเข้าร้าน เสิ่นอ้ายฉิงเดินตามหาที่นั่งเพื่อสงบสติอารมณ์ วันนี้คนในร้านเยอะเป็นพิเศษ เธอจึงเดินหาอยู่นาน จนกระทั่งสายตาก็พลันไปพบกับคู่หมั้นของเธอ
เขาอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ หรือว่าเขาจะกลับมาเซอไพรท์เธอ เสิ่นอ้ายฉิงก้าวเท้าเข้าไปหาเขา แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่ามีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่จับมือกันอย่างสนิทสนม
“พี่อี้หาน” อ้ายฉิงพยายามสงบสติอารมณ์ มันอาจไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น เธอคิดในทางที่ดี
“อ้ายฉิง ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มมีท่าทีตกใจลนลานปล่อยมือหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสุดเซ็กซี่
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” อ้ายฉิงถามคู่หมั้นของเธอ
ผู้หญิงคนนั้นหันมา “คุณหนูเสิ่น ดูไม่ออกจริง ๆ หรือคะว่าฉันเป็นใคร” น้ำเสียงดัดจริตบาดหู อ้ายฉิงรู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร
โม่อี้นั่ว อดีตเลขาที่เธออัปเปหิออกจากบริษัท นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคู่หมั้นของเธอ
“โม่อี้นั่ว เธอ”
“ฉันเอง เสิ่นอ้ายฉิง ฉันรอวันนี้มานานแล้ว วันที่เธอตกกระป๋องไร้คนคุ้มกะลาหัว ข่าวลือมันไวมากนะคะคุณหนูเสิ่น” โม่อี้นั่วยั่วโมโห
ในอดีตเสิ่นอ้ายฉิงมักจะใส่อารมณ์และทำตัวร้ายกาจกับเธอ วันนี้หล่อนตกกระป๋อง เธอรู้ว่าเสิ่นอ้ายฉิงมักจะมานั่งดื่มกาแฟเพื่อสงบจิตใจที่ร้านแห่งนี้ เธอจึงนัดเฉินอี้หานมาทำที่นี่ เธอรอวันเอาคืนผู้หญิงร้ายกาจคนนี้มานานมากแล้ว
และวันที่ตระกูลเสิ่นตัดหางปล่อยวัดเสิ่นอ้ายฉิงก็มาถึง
“ข่าวลืออะไร”
โม่อี้นั่วหยิบโทรศัพท์เปิดข่าวให้อดีตเจ้านายดู ‘พาดหัวข่าวล้วนแล้วแต่ลงว่าคุณหนูตระกูล S ถูกตัดออกจากตระกูลเพราะนิสัยร้ายกาจ’
เสิ่นอ้ายฉิงกำมือแน่นพูดอะไรไม่ออก เพราะเสิ่นอ้ายเหรินคนเดียวทำให้ชีวิตเธอเป็นแบบนี้
“ไปกันเถอะค่ะพี่อี้หาน” โม่อี้นั่วคล้องแขนเฉินอี้หานออกจากร้าน
แต่ก่อนจะออกไปไหน กาแฟบนโต๊ะก็ถูกสาดไปที่ชายชั่วหญิงร้าย โม่อี้นั่วร้องกรีดไม่เป็นภาษา โชคดีที่กาแฟคลายความร้อนลงไปแล้ว โม่อี้นั่วตบเสิ่นอ้ายฉิงคืนและรีบสาวเท้าออกจากร้านไปในทันที
3 ครั้งแล้ว ผ่านมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เธอถูกคนตบหน้า 3 ครั้ง เสิ่นอ้ายฉิงเจ็บใจเป็นที่สุด....
4