2 กำเนิดแม่นางดอกเหมย
เหล่าเทพบนสวรรค์ต่างพากันล่องลอยไปมาบนปุยเมฆ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบ่งบอกว่าปวงเทพกำลังมีความสุขโดยทั่วถ้วนหน้า ทว่าสิ่งใดเล่าสร้างความหฤหรรษ์จนแดนสุขาวดีครึกครื้นปานนี้
ต้นเหมยศักดิ์สิทธิ์อายุหลายพันปีที่งอกขึ้นมาจากก้อนเมฆสีขาวเย็นฉ่ำ บัดนี้เแผ่กิ่งก้านยาวเหยียดไปรอบๆ ลำต้นและความสวยงามบังเกิดขึ้น นั่นคือ ดอกเหมยสีสวยแข่งกันบานสะพรั่ง
บางดอกร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง แต่งแต้มปุยเมฆให้งดงามกระจ่างตา
“ดอกเหมย ดอกเหมยออกแล้ว ดอกเหมยออกแล้ว”
เสียงหวานดั่งระฆังเงินจากเทพผู้มีใบหน้าและเรือนร่างงดงามดังขึ้น ท่านลอยองค์ที่สวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อนผ้าพลิ้วไหวไปมา
ร่างอรชรเหาะวนเวียนรอบๆ ต้นเหมยด้วยความปรีติ เช่นเดียวกับเทพองค์อื่นๆ ที่พากันลอยองค์ใกล้ๆ กับต้นเหมยขนาดใหญ่เท่ากับขุนเขาหวงซาน
“โอ กาลเวลาผ่านไปถึงหนึ่งร้อยปีแล้วหรือนี่ ช่างรวดเร็วเสียจริง”
“ใช่แล้วท่าน กาลเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เหมยต้นนี้ดอกจะบานทุกๆ หนึ่งร้อยปี”
เทพอีกองค์ตรัสด้วยสุรเสียงหวานกังวานแล้วล่องลอยลงไปที่พื้น พระพักตร์งามไร้ที่ติก้มมองดอกเหมยที่ร่วงหล่นเหมือนหาอะไรบางอย่าง
“ดอกเหมยบานพร้อมกับสิ่งหนึ่งจุติขึ้น แต่ข้ายังไม่เห็นสิ่งนั้นเลย”
“เราต้องช่วยกันหา ดอกเหมย ดอกที่ใหญ่ที่สุด บางคราอาจจะปลิวไปตกยังสถานที่ไกลออกไปจากลำต้นก็ได้”
เทพธิดาเรือนร่างบางสวมอาภรณ์สีชมพูหวานพลิ้วองค์ย่างก้าวไปบนปุยเมฆที่ทาบประทับด้วยดอกเหมยสีชมพูอ่อน ซึ่งมีทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด
“โอ ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแล้ว”
เทพองค์หนึ่งตรัสด้วยความดีพระทัยแล้วอุ้มดอกเหมยสีชมพูขนาดใหญ่เท่ากระด้งไว้แนบพระอุระ เหล่าเทพเทวาต่างลอยองค์แล้วกรูเข้าไปล้อมรอบด้วยความดีใจ