อโวคาโด้ราดน้ำผึ้งป่า
“ข้า...ข้ารู้สึกว่ามันเหม็นเขียว”
จูจิ้นเลิกคิ้วสูงทำตัวโตเกินวัยแต่มือยังเก็บไข่ใส่ตะกร้าจนเกือบจะเต็มตะกร้าแล้ว
“ข้ออ้างท่านแม่ทำอาหารจากผักได้รสดีที่สุด สองสามวันก่อนจำไม่ได้หรือไรพวกคนนวังมารับเอาผักที่ไร่ของเราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อท่านพ่อชวนกินข้าว เขาบอกว่าไม่เคยกินอาหารจานผักที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่”
แป๋มเริ่มรู้สึกว่าเจ้าน้องชายเริ่มมีความน่ารักขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยนางก็รักแม่ของนางเชิดชูแม่มากกว่าใคร
“เราต้องไปเก็บไข่เป็ดอีก เดี๋ยวข้าอาสาไปหยิบ ตะกร้ามาอีกใบ”
จูจิ้นวิ่งกลับไปที่บ้านพร้อมกับตะกร้าไข่แป๋มสุดลมหายใจเข้าลึกๆ นึกเสียว่ามาเที่ยว ที่นี่ก็ไม่เลวมีที่อยู่ที่กิน ..มีครอบครัวที่อบอุ่น
เสี่ยวซงหอบฟืนจนหมดในชั่่วพริบตานั่งบีบแขนบีบขาอยู่ใกล้เตาผิง จูจิ้นดึงมือเสี่ยวซง ให้ลุกขึ้น
“พี่ชายเสี่ยวซง ไปเก้บไข่เป็ดกัน”
เสี่ยวซงยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ก่อนจะลูกทั้งๆ ที่เมื่อยขบ แป๋มเลิกคิ้วเมื่อจูจิ้นลากแขน เสี่ยวซงมาที่เล้าเป็ด
“ข้าไปล่ะท่านช่วยพี่สาวเก็บไข่เป็ดด้วยนะ”
ส่งตะกร้าในมือให้เสี่ยวซงตัวเองวิ่งหายวับไปกับตา แป๋มเผลอสายตาคม ของอีกคนที่บัดนี้กลับ ไม่ได้มีท่าทีเขินอายทว่ากลับมองเหมือนคนใหม่ ท่าทีไม่เหมือนคนเร่ร่อนอีกต่อไปจากที่ครั้งแรกมองอย่างไรก็เหมือนคนไร้บ้านตอนนี้กลับมองว่า หน้าตาต่างจากคนบ้านไร่ไม่น้อย
เสี่ยวซงย่อตัวมุดเข้าไปในเล้าเป็ดด้วยเขาตัวสูงลิบ
“แป๋มทำท่าจะเข้าไปบ้างแต่อีกคนกลับส่งเสียงออกมาเสียก่อน
“เจ้าไม่ต้องเข้ามาข้าเก็บไข่ให้เอง”
แป๋มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ทางเข้าเล้าเป็ด สภาพเล้าเป็ดไม่ต่างจากเล้าไก่นัก เสี่ยวซงหมุดออกมาจากเล้าเปิดยื่นตะกร้าไข่เป็ดที่มีไข่อยู่เต็มตะกร้า
“ข้าเพิ่งจเคยเก็บไข่เป็ดครั้งแรก”
"ขะ ข้าก็เหมือนกันหลายอย่างที่เคยทำครั้งแรก”เสี่ยวซงขมวดคิ้ว
“เจ้าเป็นลูกสาวบ้านนี้ทำไมบอกว่าครั้งแรก”
ไม่สิดันพูดความจริง
“ท่านก็เป็น คนเร่ร่อนมาก่อนไม่น่าเชื่อว่าจะเคยทำเรื่องพวกนี้ครั้งแรก”
ดีนะที่ฉลาด5555ไม่ได้แดกพี่หรอกไอ้น้อง
“ขะข้าๆๆ ก็แค่ไม่เคยมีไร่มีสวนมาก่อน อีกทั้งพ่อแม่เป็นใครก็ไม่เคยรู้ เจ้าเสียอีกพูดออกมาได้อย่างไรแบบนั้นว่าไม่เคย”
อ้าปากค้าง นึกคำตอบไม่ออก
“จูเจี่ย ากินข้าวได้แล้ว”
เสีย ยายป้าตะโกนดังมาจากในบ้าน ลมหนาวพัดโชย แป๋มรีบวิ่งกลับเข้าไปข้างใน รอดตัวไปไม่ต้องตอบคำถามที่ตอบไม่ได้
เมนู ที่ทำเอาแป๋มเบ้ปาก
ผักต้ม ผักผัด ผักดอง
“จูเจี่ย อาหารทุกอย่างอร่อยในตัวของมันเอง วันนี้พ่อสั่งให้แม่เขาทำสุดฝีมือเพื่อเจ้า"
เหลือบตามองอโวคาโด้ราดน้ำผึ้ง ที่สีสันน่ากินเป็นบ้า เหลืองอมเขียวราดด้วยน้ำเชื่อมสีน้ำตาลของผึ้งป่า
“นั่นเป็นสูตรพิเศษเชียวลองกินดู ไม่กี่วันจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง”ท่านพ่อช่างมีน้ำใจ
“ข้ากินเฉพาะสิ่งนี้ได้หรือไม่”ชี้มือไปที่อโวคาโด้ราดน้ำผึ้ง”ฮูหยิน เฉินยิ้ม
“กินเสร็จแล้วไปเก็บมาเพิ่ม เจ้ารู้ไหมผลไม้ชนิดนี้กว่าจะสุกต้องมาเก็บไว้เสียหน่อยจึงจะรสดีสีสวย”
แป๋มยิ้ม ถือเอาถ้วยอาโวคาโด้ราดน้ำผึ้งมากิน แทนข้าวรสดีจนเผลอเลียปาก เสี่ยวซง เหลือบตามองไปที่ของหวานในมือแป๋ม
"ท่านลุง ทำไมอาหารรสชาติหวานจึงทำให้ผอมลงได้"
"ผลไม่ชนิดนี้ไร้แป้งและนำตาลเติมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มรสชาติให้มีรสหวานกลิ่นหอมของน้ำผึ้งป่าทำให้ยิ่งน่ากิน อีกทั้งรสหวานมัน ยิ่งทำให้กินได้มากินแล้วจึง รู้สึกสบายท้องขับถ่ายง่าย"
เสี่ยวซงพยักหน้าช้าๆพุ้ยข้าวใส่ปากไปไม่กี่คำก็บอกว่าพอ
“เสี่ยวซง ตัวเล็กบอบบางราวกับจะปลิวได้ ข้าเติมข้าวให้อีกถ้วย จึงดี”
ท่านแม่รับถ้วยข้าวของเสี่ยวซงมาตักข้าวในหม้อเติมลงไปแต่แป๋มมองว่าอีกคน ไม่อยากจะกินผักเช่นกัน
ห้องเครื่องในวังหลวง
“ฮองเฮาและองค์หญิงล้วนนิยมเสวย อาหารที่ทำจากเมนูผักหลากชนิด ว่ากันว่าเสวยผักไปเพียงไม่นาน ผิวพรรณสดใสใบหน้ากลับเต่งตึงไร้รอยหมอง”
“ผักส่วนมากรับมาจาก บ้านเฉินที่ไร่ของท่านเฉินที่นั่นล้วนมีผักมากมาย กลายเป็นไร่แห่งเดียวที่ส่งผักที่ดีเข้ามาในวังหลวง”
“ฮะแฮ่ม รีบเตรียมเครื่องเสวยมัวแต่พูดคุย จะไม่ทันเวลาเสวยตอนดึก”
ตำหนักใหญ่ฮ่องเต้
“ปีนี้ข้าวปล่าอาหารขาดแคลนชาวบ้านรำเข็ญ ทว่า มีไร่แห่งหนึ่งปลูกผักได้ดี จึงส่งเข้าวังหลวงเสียหมด ชาวบ้านล้วนอดอยาก เช่นไรจึงจะ เรียนรู้วิธีปลุกผักของพวกเขา เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับปัญหาขาดแคลนอาหาร"
“ฝ่าบาท ไท่จือเสด็จออกเที่ยวเล่น เดิม หม่อมฉันตั้งใจให้ไท่จือลงไปจัดการเรื่องเหล่านี้ชาวบ้านจะได้อุ่นใจ”
“หลายวันมานี้ไท่จือไม่มาที่ท้องพระโรงคงออกไปเล่นสนุกเหมือนเคย งานในราชสำนักยังไม่เคยแตะต้องเจ้าคิดว่าจะให้เขาไปสนใจเรื่องการปลุกผักเห็นทีจะ ไม่ได้ผล”
“ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาจะดีไหมลูกคนนี้ แม้จะให้ทำยังไม่อยากทำ บางเรื่องไม่พูดแต่กลับเร่งรีบที่จะทำมันยากจะเข้าใจ ฝ่าบาทมีพระบัญชาลงไปคาดว่าไม่น่าจะกล้าขัดบัญชาฝ่าบาทอย่างแน่นอน”
“องค์หญิงแคว้นใต้ เร่งเดินทางมาแต่เข้าตำหนักบูรพาป่านนี้ข้ายังไม่เห็นตัวไท่จือ องครักษ์ตามตัวไท่จือมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“ฝ่าบาทพระอาญาไม่พ้นเกล้าไท่จือหนีออกไปนอกวังหลวงอีกแล้ว”
“หนี หนีอีกแล้วหรือลูกคนนี้ช่างไร้สำนึกเที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ ไม่ทำเรื่องใดให้ได้สบายใจ”
ทรุดกายลงจนฮองเฮาและสนมสองสามคนต้องเข้ามาพยุง
“สั่งให้องครักษ์ค้นหาจนทั่วพบตัวจับกลับมาอย่าให้เที่ยวเล่นสนุกสนานอีกเป็นอันขาด ข้าจะบ้าตายอีกไม่กี่วันองค์หญิงแคว้นใต้ก็จะเดินทางมาถึงยังทำตัวเหมือนเด็กเที่ยวเล่นไม่สนใจราชสำนัก”
“ฝ่าบาท ถนอมพระวรกายด้วย ไท่จืออาจไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายตามประสาบุรุษอีกไม่นานก็คงกลับมา”ฮองเอาพูดปลอบใจในแบบที่ไม่แน่ใจว่าซงหยวนจะกลับมาเมื่อไหร่