บท
ตั้งค่า

ซาลาเปาแป้งนุ่ม

 พ่อบ้านเฉินเดินนำหน้าตามด้วยจูจิ้น แป๋มและเสี่ยวซงตามหลังบนเนิน ผักเขียวขจีตัดกับขอบฟ้าสีฟ้าสดใส

“แป๋มตื่นเต้นเมื่อเห็นผักบุ้งกับ หัวผักกาดกำลังงอกขึ้นมาจากดินสีดำเป็นต้นเล็กๆ เขียวเหลืองน่ารัก

“ท่านพ่อพวกมันงอกออกมาแล้ว”

จิ้มมือลงไปยังใบรูปหัวใจชนกันสองใบเล็กๆ บนพื้น

“นั่นล่ะรอให้มีใบ จริงของพวกมัน ออกมาจึงนำไปลงที่แปลงใหญได้”

“ทำไมต้องเอาไปปลูกที่แปลงใหญ่ปลูกในนี้ไม่ได้หรือไร”

"ในนี้เขาเรียกแปลงเพาะเราจะคัดเฉพาะต้นที่แข็งแรง" ไปปลูกในแปลงใหญ่ เราว่านเมล็ดที่นี่หนาแน่นเกินไปปลูกแปลงใหญ่จึงมีพื้นที่ให้พวกมันเติบโต”

“ยุ่งยากเหมือนกันแฮะ”พึมพำเบาๆ

“หากเราไม่อยากยุ่งยากจะต้องหว่านห่างหน่อยและต้องหมั่นโกยขี้หมูมาใส่พวกมัน แล้วก็ไม่ได้คัดสรรเอาเฉพาะต้นที่แข็งแรงในแปลงเพาะพวกที่เหลือยังพอเก็บไว้กินได้สำหรับข้า ผักที่ดีที่สุดคือผักสด เก็บสดๆ กินสดๆ ปรุงสดๆ ”

แป๋มยิ้มกว้างเฮ้อโชคดีจังได้ หลุดมาในสวนผัก อย่างที่บอกผักสดๆ อร่อยจริงๆ เก็บเลยแกงเลย สุดยอด

ทางไปบนเขา เป็นทางเล็กๆ คดเคี้ยวเหมือนกับทางเดินเท้าทั่วไป ข้างทางข้างหน้านั่นสูงชันไปเรื่อยๆ แป๋มแบกน้ำหนักตัวที่เกินไปแม้จะรู้สึกว่าตัวเบาไปบางแล้วทว่าก็เหนื่อยหอบได้ง่ายเพราะไม่เคยออกกำลังกาย เสี่ยวซงส่งมือบางเหมือนลำเทียนให้แป๋มจับ แป๋มเหลือบตามองสบตา เสี่ยวซงค้นหาบางอย่าง บางอย่างที่ว่า 555อะไรกันตัวเองอย่างกะตุ่มใครกันจะพิศวาสยิ่งมองตอนนี้เสี่ยวซงยิ่งดูหล่อเหลาไม่มีภาพของคนจรเหลืออยู่ แขนที่อัดแน่ไเป็นด้วยมัดกล้ามเพราะสองสามวันนี้ทำแต่งานที่ใช้แรง ดวงตาสีกาแฟ จ้องมองตอบก่อนจะยิ้มให้

“ให้ข้าช่วย”

“เขาว่ามิตรภาพยามคับขันย่อมไม่จีรังท่านไม่ต้องมาช่วยข้าหรอกข้าไม่อยากได้ความไม่จีรังนั้น”

“หากในยามนี้ข้ามีกำลังวังชาจนสามารถอุ้มเจ้าได้ข้าจะไม่ลังเลแม้แต่น้อยและมันมิใช่มิตรภาพยามคับขันหากแต่เป็นความ….จริงใจของข้า”

แป๋มอายจนหน้าแดงโดนหนุ่ม โบราณหยอดคำหวาน ส่งมืออ้วนป้อมให้เขาอย่าลืมตัวเสี่ยวซงดึงมือ แป๋มขึ้นไปบน ช่องทางเดินที่ชันขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสอบอุ่นกับมือบางเย็นเฉียบทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นเสียจริง

ท่านเจ้าบ้านกับจูจิ้น นั่งพักเหนื่อยรออยู่ไม่ไกลนักจูจิ้น แลบลิ้นใส่แป๋ม เหมือนจะรู้ทันว่าแป๋มกำลังคิดไปไกลกับ เสี่ยวซงคนนี้

“จูเจี่ยแกล้งเดินช้าหรือเปล่า”มาถึงนางก็เล่นงานเลย

“จูจิ้นน้องรักหากเจ้าจะพูดจาน่ารักกว่านี้หน่อยเห็นทีว่าพี่สาวคนนี้จะรักเจ้ายิ่งชีวิต แต่ตอนนี้ ข้า กำลังเหนื่อยๆ ไม่อาจต่อกรกับเจ้า”จูจิ้นเบ้ปาก

“เหนื่อยตรงไหนข้าเห็นชัดๆ ว่าพี่ชายเสี่ยวซง ช่วย ดึงมือพี่สาวแทบจะพยุงข้าเสียอีกต้องเดินขึ้นมาเพียงลำพัง มีคนช่วยปานนั้นยังบอกว่าเหนื่อย”

“จูเจี่ยคราวหลังจะต้องหมั่นขยับกายหลายวันมานี้ อาภรณ์ของเจ้าแม่เจ้าเย็บให้ใหม่หลายตัว บอกว่าเจ้าใส่แล้วมันหลวมโคลงไม่น่ารัก พ่อว่าเจ้ารูปร่างดีขึ้นไม่น้อยหากตั้งใจจริงยิ่งกว่านี้จูเจี่ยของเราจะต้องงดงามหาใครเปรียบ”

เสี่ยวซงอมยิ้ม แป๋มอายม้วนต้วน

ป่าไผ่ ละลานตา ที่เห็นอยู่ข้างหน้า หลังจากที่เดินมาประมาณ สามร้อยเมตร ด้านล่าง ลงไปเป็นธารน้ำเล็กๆ ไหลรินถัดขึ้นมาเป็นป่าไผ่ยืน อวดกันสีเขียวสด สวยจน แป๋มอยากจะหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้หากมีโทรศัพท์คงได้ไปหลายรูปแล้ว ข้างๆกอหน่อไม่มีหน่อไม้หน่อใหญ่มหึมาแทงขึ้นมาจากดินมากมาย ….หน่อไม้จีน ..แป๋มตื่นตาตื่นใจหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ท่านเฉินหยิบเหล็กแบนเหมือนมีดแต่มีหัวตัดเหมือนเสียม แซะหน่อไม้ด้วยความชำนาญ เสี่ยวซงยืนมองก่อนจะขอลองทำดูบ้าง

“ลึกไปมันจะแก่ต้องกะให้พอดี ระหว่างร่องของข้อหน่อไม้แชะเข้าไปจึงจะ หลุดออกมาง่ายดาย"

แป๋มคันไม้คันมืออยากจะลอง เผลอตัวเข้าไปแย่ง เหล็กแซะจากเสี่ยวซง ตั้งท่า123…

”ปึก ปึก”

“555จูเจี่ยตัวก็อ้วนแรงก็เยอะแต่ ไม่ได้เรื่องจูจิ้น หยิกอีกตามเคย”

เสี่ยวซงจับด้ามไม้เหนือมือของแป๋มสองแรงแข็งขัน แวะหน่อไม้หน่อใหญ่ หลุดออกจาก โคนสีขาวสะอาดตาของหน่อไม้ น่ากิน เหลือเกิน

“อ่อนไปหน่อยหากกะให้พอดีจึงจะไม่ต้องเสียเนื้อหน่อไม้บางส่วนไป”

ท่านเฉินอธิบายอย่างใจดี จูจิ้นยิ้มเมื่อเห็นว่าเสี่ยวซง ขยับตัวเข้าใกล้แป๋มยิ่งขึ้น

“จูจิ้นเก็บใบไผ่ไปสักมากหน่อย อีกไม่กี่วันถั่วแดง ก็จะถึงเวลาเก็บแล้ว แม่เจ้าจะได้ เอาใบไผ่ ห่อบะจ่างให้พวกเจ้าได้กินกัน”

 บะจ่าง แป๋มทำตาโต ของโปรด บะจ่างหนึ่งในอาหารที่แป๋มชอบกินที่สุด

จูจิ้นเลือกเก็บใบไผ่ใบที่กว้าง

และใหญ่ เมื่อท่านเฉินโค่นลำไผ่ลงมากองกับพื้นก่อนจะตัดลำไผ่เป็นท่อนๆ ผ่าเป็นซีกมัดรวมกัน

“ท่านลุงท่านนำไม้ไผ่ไปทำอะไร”

“หลัวผักของเรามีน้อยไปหน่อยข้าจึงตั้งใจจะสานหลัวใหม่เพิ่มอีกไม่น้อย”

เสี่ยวซงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ หน่อไม้กองพะเนินเป็นภูเขา

“ปอกมันเสียหน่อยจะได้ แบกไปได้สบายไม่หนักอย่างที่ควรจะเป็น”

“แล้วจะยังสดอยู่ไหมท่านพ่อ”

“อันที่ปอกเปลือกข้าตั้งใจนำไปดองเค็มไว้กินยามที่ หมดฤดูหน่อไม้ แต่บางส่วนนำลงไปทั้งเปลือกส่งเข้าวังหลวงทันทีเพื่อรสชาติที่ดีของมัน”แป๋มยิ้ม

“แล้วเราจะเอาไปทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะขนาดนี้”

“ให้แม่เจ้าทำพะโล้ไก่ตุ๋นหน่อไม้จีน”

“หาหน่อไม้เอามาทำพะโล้ได้ด้วยหรือ”

“จูเจี่ย อร่อยที่สุดท่านแม่ทำพะโล้ตุ๋นหน่อไม้จีนรสดีที่สุด”

จูจิ้นออกปากเสียเองแป๋ม เริ่มรู้สึกว่าตัวเองน้ำลายสอ

“ก่อนอื่น กินกลางวันกันก่อนดีกว่า”

ท่านเฉินเอ่ยปากเพราะเห็นว่ากำลังใจเลยเวลากลางวันไปแล้วและทุกๆ คนต่างออกแรงและปีนเนินเขาขึ้นมาเหนื่อยล้า

ฮูหยินเฉิน เตรียมซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาให้หลายลูกอุ่นร้อนๆ ห่อมาในผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแดงถึงสามชั้น

“ถั่วแดงของเราใกล้จะหมด พรุ่งนี้ควรจะเก็บเกี่ยวถั่วแดงมาเก็บไว้ดีที่หิมะแรกยังไม่มาไม่เช่นนั้น การทำงานในแปลงผักค่อนข้างลำบาก”

พูดไปก็ส่งซาลาเปาไส้ถั่วแดงให้ก้บทุกคน สีของซาลาเปาไม่ขาวจั๊วะหากแต่ออกสีน้ำตาล (สีตุ่นๆ) แป่มรับเอามาถือไว้ทำไมมันยังอุ่นๆ กัดลงไปทันทีเพราะความหิวแป้งซาลาเปานุ่มอย่างไม่น่าเชื่อกลิ่นถั่วแดงหอมเข้าไปในปากส่งไปถึงจมูกและลิ้นที่รับรส หวานหอมของไส้ถั่วแดง ที่ปนไปด้วย เนื้อหมูสับละเอียด ทำไมรสดีขนาดนี้ ทั้งนุ่มหอมหวานและลงตัวอย่างที่สุดหมูที่ถูกสับแล้วนำมาโลกรวมกับถั่วแดงนึ่งสุกผสมน้ำผึ้ง และเกลือลงไปเล็กน้อย แป้งซาลาเปาที่ไม่หนาไม่บาง เมื่อกัดลงไปคำแรกก็สามารถลิ้มรสไส้ถั่วแดงแบบเต็ม แป๋มถึงกับนิ่งงัน น้ำตาแทบไหลกับรสชาติที่สุดยอดนั้น

"ท่านพ่อทำไมยังอุ่นๆทั้งที่นำมาตั้งแต่เช้า"แป๋มอดสงสัยไม่ได้อีกตามเคย

"แม่เจ้าห่อผ้าฝ้ายมาถึงสามชั้น อากาศเย็นเล็ดลอดเข้าไปในผ้าไม่ได้ซาลาเปาจึงยังอุ่นๆ"

“อร่อยที่สุด ท่านแม่เก่งเสียจริง”ท่านเฉินยิ้มเมื่อเห็นอาการของแป๋ม

“ไว้ ช่วยแม่เจ้าทำซาลาเปา สักวันหนึ่งจูเจี่ยจึงจะเป็นยอดฝีมือด้านการทำอาหารเช่นฮูหยินเฉินของเรา"

“ท่านลุงไส้ถั่วแดงเหตุใดต้องมีเนื้อหมูปนลงไปด้วย”

เสี่ยวซงสงสัยเพราะปกติไส้ถั่วแดงที่นิยมทำกันคือถั่วแดงกวนนำมาทำไส้ซาลาเปาแต่นี้ถูกกวนไปพร้อมกับเน้อหมูปรุงรสให้กลมกล่อมไม่หวานไม่เค็มนับว่าทำให้รสชาติขึ้นมาทีเดียว

ซาลาเปายังเหลืออีกหลายลูก แป๋มนึกถึงหมั่นโถวที่ในซีรีส์จีนชอบกินกัน เคยคิดว่าคงไม่อยากจะกินมันหากต้องกินเข้าไปจริงๆ มาวันนี้พอมาจริงๆ สิ่งที่ได้กินกลับเป็นซาลาเปารสเลิศ

“ท่านพ่อทำไมแป้งซาลาเปาถึงนุ่มขนาดนี้”

ท่านเฉินยิ้มจะตอบใครก่อนดี

“แป้งซาลาเปายิ่งหมักเชื้อไว้นานยิ่งนุ่ม แม่ของเจ้าใช้เวลาเตรียมแป้งสาลีหมักเชื้อถึงหนึ่งวันเต็มๆ แล้วยังผสมไขมันของหมูลงไปทำให้แป้งนุ่ม”

แป๋มเลิกคิ้วสูงถ้าเป็นสมัยนี้ใส่ยีสต์ใส่ลงไป แต่ก็ไม่นุ่มแบบนี้ แป๋มนี่อยากกลับไปเรียนทำซาลาเปากับฮูหยินเฉินเสียทันทีเผื่อกลับไปที่โลกปัจจุบันจะทำซาลาเปาที่แป้งนุ่มไส้ถั่วแดง อร่อยแบบนี้ขายรับรองจะต้องขายดีแน่ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel