1.สองทางเลือก
นิ้วมือเรียวยาวไล้ไปตามกระจกเงาที่สะท้อนใบหน้าอันแสนงดงามชวนตะลึง ในขณะที่เธอกำลังพยายามตั้งสติประตูไม้พังๆนั่นก็ถูกถีบออกจนไม้ที่ผุพังกระจายไปทั่วพื้น
เธอช้อนสายตามองหน้าผู้ชายสุดหล่อในชุดเกราะเหล็กแวววาวที่พึ่งเข้ามาใหม่ด้วยแววตาที่ตื่นตระหนกและตกใจ
ให้ตายเถอะ! เมื่อครู่เธอคิดว่าแสงสว่างจ้าเบื้องหน้ามันคือสัญญาณว่าเธอตายไปแล้ว และเธอตายไปแล้วแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เธอกำลังตกใจกับใบหน้าของเจ้าของร่างนี้โดยที่สติของเธอยังไม่ได้ได้เข้าที่เข้าทางเลย เธอจะต้องตกใจกับความหล่อเหลาของชายที่เข้ามาใหม่อีก
นี่พระเจ้าจะให้เธอตกใจตายไปอีกครั้งหรืออย่างไร ถึงได้ทรงปั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของมนุษย์ออกมาได้สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ เขาตรงเข้ามาหาเธอและ..แน่นอนว่านี่มันคงจะเป็นนิยายโรแมนติกสักเรื่องที่เธอและเขาอาจจะเป็นพระเอกและนางเอก หรือว่าตัวประกอบในนิยายที่ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ..
หัวใจพลันเต้นแรงพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เขาสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวเธอพร้อมกับโอบกอด....
"อย่าส่งเสียงร้องถ้าไม่อยากให้ดาบนี่แทงทะลุหน้าสวยๆของเจ้า"
อะ..เอ่อ มันเกินเลยคำว่าโอบกอดไปมากเพราะว่าตอนนี้เขากำลังดึงผมเธอเพื่อให้เธอเงยหน้าไปด้านหลังพร้อมกับมีดสั้นที่สะท้อนแสงแวววาวจนเธอรู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบเมื่อมันสัมผัสกับผิวหนังบริเวณคอของเธอ
"อ่า..คือข้าคิดว่านี่จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอนค่ะ"
เขามองหน้าเธอก่อนจะลดมีดที่กำลังทาบลงบนต้นคอเธอลง
"มีทางเลือกให้เจ้าสองทางคือหนึ่งตายตรงนี้.."
เธอไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์เบื้องหน้ามากนักแต่เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่านี่จะต้องไม่ใช่ฉากโรแมนติกในนิยายอย่างแน่นอน เพราะว่าเขาไม่ได้มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เจือปนด้วยความชื่นชอบแม้แต่นิดเดียว
"เช่นนั้นข้าขอฟังทางเลือกที่สองหน่อยค่ะ"
"ไปเป็นโสเภณีเพื่อต้อนรับแขกชนชั้นสูง"
เธอกวาดสายตาไปรอบๆเพื่อที่จะหาทางหนี ในใจกำลังคิดอย่างหนักว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เธอไม่ได้รู้เรื่องเหตุการณ์ตรงหน้าเลย แถมยังไม่รู้แม้แต่ชื่อของตัวเอง
"ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวข้าถึงเหลือทางเลือกเพียงแค่สองทางในเมื่อท่านสามารถเพิ่มทางเลือกที่สาม..อย่างเช่นการปล่อยข้าไปจากที่นี่"
"แกล้งโง่รึไงเลดี้เชอรีน เจ้าเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น เพราะฉะนั้นเจ้าจึงไม่สมควรมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ"
เธอขมวดคิ้วมองคนหล่อที่พร่ำอยู่คนเดียว โดยที่เธอไม่รู้เรื่องเลย
"ขอโทษนะคะคือข้าจำอะไรไม่ได้เลย พอตื่นขึ้นมาข้าก็เดินไปที่กระจกแล้วท่านก็ถีบประตูเข้ามาทำท่าจะปาดคอข้า แล้ว..เชอรีนคือชื่อของข้าอย่างนั้นหรือคะ?"
เขาเงียบไปสักพักก่อนจะดึงผมเธอเพื่อให้เธอก้มหน้าลง ด้านหลังตรงท้ายทอยของเธอมันมีเลือดไหลซึมออกมาแห้งเกรอะกรังไปหมด เขาถอนหายใจก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
"ความงดงามของเจ้านั้นหายากยิ่งนักเชอรีน บอกข้ามาหน่อยว่าเจ้าอยากมีชีวิตรอดหรือไม่?"
เธอพยักหน้าเร็วๆ
"เช่นนั้นเจ้าก็บอกกล่าวแก่พ่อของเจ้าว่าเจ้าต้องการแต่งงานกับแกรนด์ดยุคโอนิกซ์ เขากำลังต้องการเจ้าสาวที่พร้อมจะแต่งงานกับเขาอยู่พอดี เจ้าก็แค่แต่งงานกับเขาแล้วสืบเรื่องของเขามารายงานให้แก่ข้า.."
หมอนี่มัน..ตัวร้ายชัดๆเลย เป็นคนหล่อที่สารเลวสุดๆเอาชีวิตของเธอไปแขวนบนเส้นด้ายแล้วก็แกว่งไปแกว่งมาเพื่อล้อเล่นกับชีวิตของเธอ คอยดูเถอะเธอจะต้องหาทางเอาคืนอย่างแน่นอน
"ได้ค่ะ ขอแค่ท่านให้โอกาสข้า ข้ายินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อที่จะทำตามความปรารถนาของท่านเลย..ว่าแต่ท่านชื่ออะไรอย่างนั้นเหรอคะ"
เขามองหน้าเธอนิ่งๆก่อนจะลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอเบาๆ ริมฝีปากที่กำลังแสยะยิ้มของเขาบดขยี้ลงมาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เธอกัดฟันเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ลิ้นที่น่ารังเกียจของเขาลุกล้ำเข้ามาด้านใน
"เป็นจูบที่รสชาติห่วยชะมัด"
เขากล่าวพร้อมกับลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป
"เจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นใครก็ต่อเมื่อเจ้าเห็นข้าอีกครั้ง..อย่าลืมหน้าที่ของเจ้านะเชอรีนเพราะว่าข้าจะส่งคนไปจับตาดูเจ้าจนกว่าเจ้าจะสามารถแต่งงานกับแกรนด์ดยุคได้"
เธอมองหน้าเขานิ่งๆพร้อมกับกำมือแน่น เชอรีนอย่างงั้นเหรอ? เจ้าของร่างนี้ชื่อเชอรีนสินะ ขนาดเธอสวยขนาดนี้เขายังไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้มีความหลงใหลหรือว่าจังหวะตกหลุมรักอะไรเลย
ที่นี่มันยังไงกันนะ..
เชอรีนยกมือขึ้นมาเช็ดปากตัวเองเธอถูไปมาจนริมฝีปากบวมเป่งด้วยความรังเกียจ และในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากบ้านไม้พังๆหลังนี้ทหารจำนวนหนึ่งก็กรูกันเข้ามาหาเธอ
"พบตัวคุณหนูแล้วครับ!!"
เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับความง่วงนอนที่ถาโถมเข้ามา เธอพยายามลืมตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย สิ่งสุดท้ายที่เชอรีนมองเห็นคือสาวใช้ผู้หนึ่งที่วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
นี่เธอปลอดภัยแล้วใช่ไหมนะ?
เชอรีนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นมาจนอดจะรู้สึกหนวกหูไม่ได้ พอเธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็มีหญิงชราตรงดิ่งเข้ามาโผกอดเธอเอาไว้
"เชอรีนลูกรัก ลูกปลอดภัยดีใช่ไหม พ่อกับแม่ตามหาลูกซะทั่วเลย.."
เธอมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า แน่นอนว่าเธอในตอนนี้ไม่ใช่เชอรีนตัวจริงและหมอก็บอกกล่าวแก่ทุกคนเอาไว้แล้วว่าเธอถูกตีที่ศีรษะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ความทรงจำของเธอจะขาดหายไปกับในบางเรื่อง
"เชอรีน? อย่าบอกนะว่าลูกจำอะไรไม่ได้เลย พระเจ้าช่วย!"
หญิงสาววัยกลางคนเป็นลมล้มลงในทันทีจนสาวใช้ต้องรีบวิ่งเข้าไปรับร่างกายที่กำลังไร้สติของบารอนเนส ส่วนท่านบารอนไมเลสเขากำลังพูดคุยกับหมอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"คุณหนูคะ จำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ นี่เพนนีเองค่ะเป็นคนรับใช้คุณหนูตั้งแต่ที่คุณหนูยังเด็ก"
เธอได้แต่ส่งยิ้มจางๆให้กับสาวใช้และผู้คนในห้อง
"ขอโทษนะแต่ว่าข้าจำอะไรไม่ได้จริงๆ.."
......
"ลูกจะต้องแต่งงานอย่างเร่งด่วนที่สุดที่รัก เพราะว่าข่าวเรื่องที่เชอรีนหายตัวไปสองวันจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก"
ในชนชั้นสูงถือว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากทีเดียว
"จะให้ลูกแต่งงานทั้งที่ยังจำเรื่องอะไรไม่ได้แบบนี้เนี่ยนะคะ คุณยังมีความเป็นพ่ออยู่รึเปล่า?"
"ก็เพราะว่าผมรักลูกนี่ไง ถึงจะต้องทำแบบนี้หรือว่าคุณอยากจะส่งลูกสาวของเราไปที่สำนักชีเพื่อออกบวชตลอดชีวิต!"
บารอนเนสยกมือขึ้นมาปิดหน้าก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
"วางใจเถอะที่รัก เขารับปากแล้วว่าจะดูแลลูกสาวของเราเป็นอย่างดีอีกทั้งเชอรีนจะได้เป็นแกรนด์ดัชเชสด้วยนะ ท่านแกรนด์ดยุคโอนิกซ์ยื่นข้อเสนอการแต่งงานมาให้เราเพราะว่าท่านเองก็ต้องการสตรีสักคนเพื่อที่จะแต่งงานด้วย.."
ในธรรมเนียมของการสืบทอด ผู้ที่แต่งงานแล้วเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดเป็นผู้นำตระกูลอย่างถูกต้อง ความต้องการของสองตระกูลนั้นตรงกันคือพวกเขากำลังต้องการจัดงานแต่งงานขึ้นเพื่อที่ชื่อเสียงของตระกูลจะได้คงอยู่ต่อไป