ตอนที่ 17 คุณลวนลามผมอีกแล้ว
“สามีขา ภรรยากลับมาแล้วววว!!”
พรู๊ดดดด!! แค่ก! แค่ก!
เสียงหวานใสค่อนไปทางออดอ้อนที่ดังมาจากทางประตูบ้านทำเอาชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถึงกับไอสำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง
“คุณ! ดีขึ้นไหมคะ?”จางซิ่วอิงเข้ามาในห้องนอนทันได้เห็นสามีทีกำลังไอสำลักอย่างหนักก็ตรงเข้าไปลูบแผ่นหลังของเขาทันที
“แค่ก! แค่ก! แค่ก!! อืมม ผมดีขึ้นแล้ว”แม้จะยังคงไออยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าตอนแรก พลันหันมองใบหน้าภรรยาที่ยืนทำหน้าตาใสซื่อราวกับไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่พูดอะไรออกมา
“คุณมองหน้าฉันแบบนี้คือ?”
หยางซีห่าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ภรรยาคงไม่รู้จริง ๆ สินะว่าคำพูดของเธอทำให้สามีสำลักน้ำเกือบตาย ช่างน่าจับมาตีก้นจริง ๆ
“ช่างเถอะ เรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ?”ถึงอย่างนั้นก็ยังคงถามถึงเรื่องวุ่นวายของวันนี้ด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี พลางเชิดหน้าขึ้น เสียงใสตอบกลับไปอย่างภาคภูมิใจโดยไม่ลืมถามกลับไปเช่นกัน
“แน่นอนสิคะ ว่าแต่คุณหิวหรือเปล่า?”
“นิดหน่อยครับ รอทานมื้อเย็นทีเดียวก็ได้”เมื่อภรรยาถามสามีที่ซื่อสัตย์อย่างหยางซีห่าวจึงตอบออกไปตามตรง แต่เขาสามารถอดทนรอมื้อเย็นได้ ภรรยาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำอาหาร ตั้งแต่ตื่นนอนหญิงสาววิ่งวุ่นแทบไม่ได้หยุดพัก เห็นเธอกลับมาเหนื่อย ๆ ก็อยากให้พักสักหน่อย
อีกอย่างการทานอาหารสามมื้อสำหรับชนบทออกจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปมองว่าฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำไป ตั้งแต่เด็กจนโตหยางซีห่าวล้วนผ่านการอดอาหารมานับครั้งไม่ถ้วน ดื่มน้ำในลำธารประทังความหิวเขาก็เคยทำมาแล้ว ตอนนี้หากจะอดทนรออีกสักเล็กน้อยจะเป็นอะไรไป
แต่เหมือนคนเป็นภรรยาจะไม่ได้สนใจฟังคำพูดของเขาเท่าที่ควร ราวกับว่าร่างบางนั้นไม่ได้คิดตามในสิ่งที่สามีอย่างเขาต้องการจะสื่อด้วยซ้ำไป
“ฉันไปหาอะไรให้คุณทานดีกว่า เดี๋ยวฉันมานะคะ ฟอดดด!!”แค่คิดถึงผลไม้สดในมิติดวงตาคู่เรียวพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที เห็นทีต้องไปปอกผลไม้เป็นของว่างมื้อบ่ายให้สามีสักหน่อย แต่ก่อนจะออกไปปอกผลไม้หญิงสาวบุคลิกขี้เล่นไม่ลืมฝังจมูกลงบนแก้มสากของสามีสักฟอดใหญ่ ๆ ก่อนไป
“นี่ภรรยา!! คุณลวนลามอีกผมแล้ว!!”เสียงทุ้มร้องท้วงขึ้นมาแทบจะทันที แต่ก็ไม่ทันคนเป็นภรรยาที่หัวเราะร่าวิ่งออกจากห้องไปก่อนแล้ว ทว่าสัมผัสของปลายจมูกเชิดรั้นยังคงตราตรึงอยู่แก้มขวา พอนึกได้ว่าภรรยาแสดงความรักกับเขาเป็นครั้งที่สองริมฝีปากหยักก็ปรากฎรอยยิ้มราวกับคนโง่งมก็ไม่ปาน
กลับบ้านมาคราวนี้ภรรยาของเขานั้นเปลี่ยนไปจนแทบเป็นคนละคน หากเป็นเมื่อก่อนอย่าว่าแต่การแสดงความรักเลย แค่การแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้ายังแทบนับครั้งได้ เพราะจางซิ่วอิงคนก่อนนั้นทั้งเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก ในบางครั้งเขายังสงสัยว่าภรรยาเคยรู้สึกอะไรกับเขาบ้างหรือไม่?
แต่ดูจางซิ่วอิงในตอนนี้เถอะ นี่พึ่งผ่านไปแค่วันเดียวเธอก็ขโมยหอมแก้มเขาถึงสองครั้ง แถมยังไร้ท่าทีเขินอายอย่างที่ควรจะเป็น ไม่เพียงเท่านั้นยังหัวเราะร่าราวกับจงใจกลั่นแกล้งกัน พาลเอาหัวใจแกร่งเต้นระรัวไปหมด เขาอยากให้ขาหายเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ อยากจะจับภรรยาจอมทะเล้นมาทำโทษให้รู้ความเสียบ้าง ว่าอย่าขยันทำให้จิตใจสามีสั่นไหวบ่อยนัก เพราะมันอันตรายกับตัวเธอเอง
“สาลี่หวานกรอบมาแล้วค่ะ สามีขา”จางซิ่วอิงยิ่งเห็นท่าทีเขินอายของสามีก็ไม่วายเรียก ‘สามีขา’ ด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อมอีกครั้ง พร้อมขยิบตาส่งไปให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างด้วยท่าทีขี้เล่น
เจ้าของเสียงหวานถือจานสาลี่เนื้อขาวที่ถูกหั่นอย่างดีวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สาลี่ในมิติลูกค่อนข้างใหญ่ เธอปอกเพียงสองลูกก็วางเต็มจานแล้ว
“นี่เอามาจากในมิติคุณเหรอครับ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายหลังจาถูกภรรยากลั่นแกล้ง
“ใช่ค่ะ คุณลองทานดูสิคะ!”
หญิงสาววางจานสาลี่บนที่นอนข้าง ๆ ลำตัวของสามีเพื่อให้เขาหยิบได้สะดวก ส่วนตนเองเดินออกไปยกเก้าอี้ไม้สำหรับให้ตัวเองนั่งข้างเตียงเพื่อกินสาลี่พร้อมกับสามี
มือเรียวหยิบสาลี่ชิ้นแรกขึ้นมาส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้เคี้ยวสาลี่เนื้อสีขาวราวหิมะรสชาติหวานสดชื่นที่อบอวลอยู่ในปากช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาทั้งวันได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหลับตาพริ้มเพื่อสัมผัสรสชาติหวานหอมและความกรุบกรอบนั้นเชื่องช้า
พลันเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับนัยน์ตาคมกริบของสามีที่กำลังมองจ้องใบหน้าของเธออยู่ “รอให้ฉันป้อนเหรอคะ?”
ใบหน้าเรียวเล็กคลี่ยิ้มทะเล้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อให้สามีได้มองหน้าเธอได้อย่างเต็มที่
“อะแฮ่ม! อย่ามัวแต่พูดเล่นสิครับ”หยางซีห่าวแกล้งไอออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเสมองไปทางอื่น จังหวะหัวใจเขาเต้นรัวแรงจนเกรงว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน เมื่อสบเข้ากับแววตาซุกซนคู่นั้น ทำเขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งกาย
“ไม่แกล้งแล้วค่ะ คุณต้องไปหาหมออีกทีวันไหนคะ? มีเอกสารมาด้วยหรือเปล่า?”จางซิ่วอิงปรับสีหน้าให้ดูจริงจังมากขึ้น ก่อนจะกลับมานั่งหลังตรงอย่างเช่นยามปกติ
จากที่ได้ดูบาดแผลของสามีคาดว่าคงต้องให้หมอติดตามอาการอีกนานมากทีเดียว เขาเป็นทหารที่ปกป้องประเทศจนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อยก็ควรมีสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาบ้าง
“อยู่ในกระเป๋าครับ รบกวนภรรยาหยิบให้ผมหน่อย”ชายหนุ่มนึกทึ่งกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของภรรยา ก่อนจะชี้นิ้วไปยังกระเป๋าที่ติดตัวมาจากกรม ในนั้นมีเพียงเสื้อผ้าหนึ่งชุดและเอกสารสำคัญบางส่วนเท่านั้น
จางซิ่วอิงหยิบกระเป๋าของสามีขึ้นมาให้เขาเป็นคนหาเอกสารนั้นด้วยตนเอง แม้จะเป็นสามีภรรยาแต่ทุกคนย่อมมีพื้นที่ส่วนตัวและเธอไม่คิดจะก้าวก่าย
เธอรับเอกสารชุดหนึ่งมาจากมือสามี ก่อนจะไล่อ่านรายละเอียด เกี่ยวกับผลการวินิจฉัยก่อนหน้า และสรุปได้ว่าอีกสองวันจะถึงวันนัดตรวจนั้น
“เดี๋ยวฉันพาคุณไปเองค่ะ”
หยางซีห่าวขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างนึกแปลกใจ ภรรยาของเขาเรียนจบเพียงชั้นประถมต้นไม่ใช่หรือ แล้วเธออ่านตัวอักษรออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สีหน้าที่ดูเหมือนจะเข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์เหล่านั้นอีก ชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจ เขารู้สึกชอบภรรยาในตอนนี้มากกว่าภรรยาในเมื่อก่อน จึงไม่อยากเอ่ยซักไซ้อะไรให้มากความ เพราะเกรงว่าเธอจะเสียความมั่นใจและอาจจะกลับไปเป็นจางซิ่วอิงคนก่อน
“ขอบคุณครับภรรยา”เสียงทุ้มกล่าวขึ้น จากนั้นจึงทานสาลี่ในจานที่ภรรยาปอกไว้คำแล้วคำเล่า รสชาติหวานหอมที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งหลังจากเริ่มทานคำแรกเขาก็หยุดมือไม่ได้อีก จนสาลี่ชิ้นสุดท้ายถูกกลืนลงท้องในที่สุดภายในเวลาอันรวดเร็ว
มื้อเย็นจางซิ่วอิงทำน้ำแกงปลาเพื่อบำรุงสามี มีผัดผักหนึ่งจานวางคู่กัน และไข่ต้มสามฟองเช่นเดิม และตบท้ายด้วยบัวลอยไข่หวานที่หญิงสาวนึกอย่างกิน จึงนำออกมาเผื่อสามีด้วยหนึ่งถ้วย
หยางซีห่าวค่อนข้างติดใจน้ำแกงปลาของภรรยาเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ไม่เคยกิน แต่รสชาติน้ำแกงที่เคยกินมาทั้งชีวิตไม่ได้อร่อยกลมกล่อมเช่นนี้ เพียงไม่นานอาหารบนโต๊ะก็ถูกกวาดลงท้องจนเกลี้ยง
แม้แต่ขนมหวานในถ้วยเล็กที่คนภรรยาเรียกว่าบัวลอยไข่หวาน เขาก็ทานหมดไม่มีเหลือ รสชาติที่หวานมันกำลังดีทำให้เขาที่ไม่ชอบขนมหวานสามารถทานได้จนหมดถ้วยถือว่ารสมือของภรรยานั้นดีมากจริง ๆ
หญิงสาวแยกตัวไปล้างจานและเก็บอุปกรณ์ในครัว ปล่อยให้สามีทานยาหลังอาหารและนั่งย่อยรอเธอสักพักก่อน
“คุณอยากออกไปนั่งรับลมด้านนอกหน่อยไหมคะ?”วันนี้สังเกตว่าด้านนอกพระอาทิตย์ยังไม่ตก สามีของเธออุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวันจึงอยากจะพาเขาออกไปสูดอาการปลอดโปร่งด้านนอกดูบ้าง
“คุณจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?”ชายหนุ่มถามภรรยาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ตั้งแต่เช้าเขายังไม่เห็นเธอหยุดพักเลย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ปริปากบ่นแม้สักคำ ตัวก็เล็กแค่นี้รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนัก
“ไม่เหนื่อยค่ะ ฉันอยากทำ”ใบหน้าเรียวยิ้มกว้าง ก่อนจะเข็นรถที่มีสามีตัวโตนั่งอยู่พาออกไปข้างนอกอย่างไม่รีบร้อน ทันทีที่ก้าวพ้นประตูบ้านเธอพาสามีมายังข้างบ้านที่เคยเป็นแปลงผัก
“ตรงนี้ตอนแรกฉันคิดว่าจะปลูกผักไว้ทาน แต่ตอนนี้คิดว่าคงไม่ปลูกแล้ว”
หยางซีห่าวมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังพื้นดินว่างเปล่า ดินตรงนี้ถูกถอนหญ้าออกจนหมด ทั้งยังยกร่องดินเรียบร้อยแล้ว เห็นจะขาดแต่การเอาเมล็ดมาปลูกเท่านั้น แต่หากภรรยาจะไม่ปลูกต่อเขาก็ไม่คิดคัดค้านแต่อย่างใด เขาเองก็กลัวว่าร่างบางจะเหนื่อยเกินไปด้วยซ้ำ “ถ้าเหนื่อยเกินไป ก็ไม่ต้องทำหรอกครับ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าก่อนฤดูหนาวเราจะย้ายบ้านกัน”จางซิ่วอิงตอบกลับอย่างหมายมั่น เธอตั้งใจไว้แบบนั้นจริง ๆ และคิดว่าเธอต้องทำมันให้ได้
“ย้ายบ้าน? คุณอยากย้ายไปที่ไหนครับ?”เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ หญิงสาวชนบทที่มีความคิดก้าวหน้าและรู้จักวางแผนอย่างภรรยาเขาในตอนนี้นับว่าหาได้ยากมาก
“ในตัวอำเภอค่ะ ที่จริงก่อนคุณกลับมาฉันไปถามราคามาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปดูบ้านจริงเลย ไว้เราไปดูด้วยกันนะคะ”
“ผมจะเป็นภาระของคุณเปล่า ๆ คุณเลือกเองได้เลย ผมตามใจคุณ”เขารู้ตัวเองดี เพราะตอนนี้ขาที่ไม่สามารถใช้การได้ การไปไหนมาไหนเกรงว่าจะเป็นภาระเสียเปล่า ๆ อีกอย่างเขาอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าภรรยาเลือกที่ไหนเขาล้วนไม่ติดขัดแต่อย่างใด
“ไม่ได้สิคะ เอาไว้วันที่คุณไปหาหมอ เราไปดูบ้านด้วยกันนะคะ”เสียงใสค้านขึ้นอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะกล่าวรวบรัดตัดจบเพื่อไม่ให้สามีเอ่ยแย้งได้อีก
“ครับ”เมื่อภรรยาต้องการเช่นนั้น เขาหรือจะขัดใจเธอ
ในระหว่างสองสามีภรรยากำลังแลกเปลี่ยนความคิดกัน ท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลาย กลับมีเสียงแหลมเล็กดังอาละวาดด่าทออยู่หน้ารั้วบ้าน ทำเอาจางซิ่วอิงกรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย
อยู่เฉย ๆ เรื่องก็มาหาถึงบ้านอีกแล้วสินะ เฮ้ออออ!!
“สะไภ้สาม! นางแพศยา! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!! แกสร้างเรื่องอะไรไว้ ฉันจะตีแกให้ตาย ออกมาเดี๋ยวนี้!!!! ออกมา!!”
