Chapter 6 ขอร้องล่ะ
“พี่ดาควรรับปาก และมาช่วยฉันหาทางให้หวานไปอยู่บนเตียงของคินดีกว่า” หน้าตายิ้มร้าย รู้สึกพึงใจกับแผนการของตัวเอง โดยที่กรองจิตไม่ได้คิดถึงหัวอกของใครทั้งนั้น
ยิ่งคนเป็นแม่แบบลัดดาคงรู้สึกปวดใจ ที่กรองจิตทำ คือไม่เห็นค่าของลูกสาวของนางเลย
“หรือว่า พี่จะให้ฉันคุยเรื่องนี้กับหวาน” กรองจิตยื่นไม้ตาย
“แล้วคุณคินจะรับผิดชอบหวานไหม”
“พี่ดา” กรองจิตทำเสียงเข้มยิ่งกว่าเดิม
“ฉันยังอยู่ทั้งคน ฉันจะไม่ให้หวานน้อยหน้า หรือตกต่ำหรอก ขอเพียงมีทายาทให้กับเรา ฉันสัญญา พี่กับลูกจะอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต” จ้องตากับลัดดาอย่างมั่นคง
ลัดดาก้มหน้าลง รับรู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ค่ารักษาพยาบาลสามี เพื่อยื้อชีวิตหมดไปเกือบ จำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาท ก็ได้คุณกรองจิตนี่แหละที่ช่วยในขณะนั้น แต่ก็ช่วยพร้อมกับการเซ็นรับรู้การเป็นหนี้ เรื่องนี้ ลัดดาไม่เคยบอกกับลูก ๆ ของนางเลย
เพราะในตอนนั้น อารัณกับอาทิตยายังเล็กอยู่ พูดไป ก็คงจะไม่เข้าใจและรับรู้ ที่ต้องทนอยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่ เหตุผลก็เพราะเรื่องหนี้ก้อนนี้ด้วย ที่ทำให้ลัดดาไปไหนไม่ได้
หัวใจเหมือนถูกบีบบังคับ แต่จะทำอย่างไรได้ ลัดดากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงไปในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ตกลงค่ะ”
กรองจิตถึงกับยิ้มหน้าบานขึ้นมาเลยทีเดียว ที่ได้รับคำตอบที่ชื่นหัวใจ พร้อมกับหายใจออกมาแบบโล่ง ๆ
“เอาเป็นว่า วันไหนก็ตามที่หวานตั้งท้อง ฉันจะฉีกสัญญาเงินกู้ก้อนนั้นในทันที”
มันก็เป็นเพียงเศษเงินของคุณกรองจิต หนึ่งล้านห้าแสนบาท ไม่ได้ทำให้การเงินของคุณกรองจิตสั่นสะเทือนไปได้หรอก
“ขอบคุณพี่มากก็แล้วกัน ฉันให้พี่ตัดสินใจว่า พี่จะบอกหวานเรื่องนี้ให้รู้ตัวก่อนไหม หรือว่า จะทำตามแผนของฉัน”
“แผนของคุณกรองเป็นอย่างไรคะ”
“วางยาคิน”
“วางยา”
“ใช่ คนเราพอได้เสียกันแล้ว อะไร ๆ มันก็ดีเองแหละ วางยาเสร็จ จับโยนให้ไปนอนบนเตียงด้วยกัน ก็เท่านั้นเอง มันแยบยลที่สุดแล้วค่ะพี่ดา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้า และพยักหน้าน้อย ๆ
“ค่ะ” ได้แต่รับปากสั้น ๆ เพราะไม่รู้จะไปบอกลูกว่าที่ต้องทำเพราะเหตุผลกลใด
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็แยกย้าย คุณกรองจิตได้แต่กระซิบว่าจะนัดหมายวันที่ที่จะลงมืออีกครั้งหนึ่ง
พันถึงกับหน้าตาตื่นกับสิ่งที่ได้ยินเต็มสองรูหู
'โอ้... คุณกรองคิดได้ยังไงนะ จับลูกแกะไปใส่ปากเสือ เสืออย่างคุณคิน'
'แม่น้องหวานก็ยับเยินนะสิ'
'แต่ก็ดีเหมือนกันนะ บ้านเราจะได้มีไอ้หนู หรือว่าอีหนูตัวเล็ก ๆ'
ในตอนนั้นเอง
ครรชิตคนดูแลสวน และเป็นเหมือนยามรักษาการณ์ทุกอย่างที่นี่
“เอ็งมาทำอะไรตรงนี้หึ... พัน”
“ลุงชิต บ้าจริง มาไม่ให้สุ้มให้เสียง” พันสะดุ้งโหยง ตกใจมาก พอนึกได้ว่าตัวเองทำเสียงดัง ก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก
“เอ็งนั่นแหละ มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงนี้”
“เปล่า” ปฏิเสธทำเสียงสูง
“หรือว่าเอ็งอู้งานหึ ดีล่ะ ฉันจะไปฟ้องคุณกรอง”
“โอ้ ๆ ลุงชิต อย่านะ อย่าเชียวน่า” แววตาขอร้อง
“งั้นก็บอกมาสิ มาทำอะไร” จ้องหน้าแบบค้นหา ครรชิตเห็นหลังไว ๆ ของคุณกรองจิตกับลัดดาแล้ว
“อ้อ... มาแอบฟังเจ้านายคุยกัน”
“เปล่าสักหน่อย” แม้จะปฏิเสธ แต่หน้าตามันฟ้อง
“เอ็งนี่นา หาเรื่องจริง ๆ ได้ยินอะไรก็เหยียบเอาไว้แล้วกัน” มองแบบคาดโทษ
“อะ... อ้าว พูดแบบนี้ แสดงว่า ลุงก็ได้ยินนะสิ”
ครรชิตถอนหายใจแทนคำตอบ
“โธ่! ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
“ปัดเหนี่ยว” ครรชิตยกมือง้างขึ้น
พันรีบหลบเป็นพัลวัน แล้ววิ่งหายไปในทันที
ครรชิตเอาแต่ถอนหายใจ ได้แต่คิดว่า เรื่องที่กรองจิตจะทำคงจะทำให้ที่นี่ร้อนเป็นไฟขึ้นมาก็ได้ หรือก็อาจจะไม่แน่ เพราะหนูหวานน่ารัก
'ขออย่าให้เป็นเหมือนข้อแรกเลย'
'หนูหวานน่ารัก คงจะมัดใจคุณคินได้'
ในสวนหลังบ้าน
“มาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ครับ” ชายหน้าตาดี ท่าทางสันทัด หน้าตาหลุดไปทางโอปป้าเกาหลี เขามีรอยยิ้มพิมพ์ใจ อาคิรา หรือว่าแซน เป็นน้องชายต่างแม่ของอคิน ลูกชายคนเดียวของคุณกรองจิต
แม่ส่งให้ไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย การได้ไปอยู่ต่างประเทศและไปอยู่คนเดียว ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคนแปลกหน้า แปลกถิ่น ต่างภาษา ทำให้อาคิราดูสุขุม และเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
อาคิราไม่ได้บอกใครว่าเขาเรียนจบหมอด้านอายุรกรรมมา นอกจากอคิน เขาตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ให้กับแม่ในวันที่เขาไปทำงานวันแรก
“คุณแซนมีอะไรหรือเปล่าคะ” อารัณเอ่ยถาม
“เปล่าครับ ผมไม่ได้ต้องการอะไร”
“ว่างมากอะนะ ที่จริง ก็น่าจะหางานทำ ไม่ใช่ลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้ ถึงแม้จะมีกินก็เถอะ”
อาทิตยาหรือหวาย น้องสาวคนเดียวของอารัณ หันไปจ้องหน้าของอาคิรา เธอยังจำฝังใจไม่ลืม อาทิตยาพูดไม่ไว้หน้าเขาเอาเสียเลย
แต่เจ้าตัวคนที่โดนว่ากลับไม่สะทกสะท้าน ตอนเด็ก ๆ อาคิราเป็นเด็กที่เกกมะเหรกเกเรมาก ๆ เขาอายุมากกว่าอาทิตยาสามปี โตทัน ๆ กัน เขาชอบแกล้งเธอ โดยเฉพาะแก้มป่อง ๆ ของเธอ ที่อาคิราจะหาโอกาสหยิกจนเจ็บ จนใบหน้าของเด็กสาวในตอนนั้นต้องออกสีแดง แล้วเขาก็จะหัวเราะร่า เพราะว่าอาทิตยาส่งเสียงร้องไห้ ก่อนจะไล่ตีเขาไปทั่วบ้าน สร้างความปั่นป่วนให้กับคฤหาสน์หลังนี้ ไม่ใช่น้อย
อาคิรายังคงเดินก้าวขามาหาทั้งสองคน
