บทที่ 6
พอเขารู้แน่ชัดแล้วว่าพ่ออยู่ที่ไหน ชายหนุ่มก็รีบเดินตรงมาที่รถ
"เดี๋ยวเราได้รู้กัน" ที่เขาพูดแบบนี้หมายถึงว่า ต้องรู้ให้ได้ว่าพ่อของเขาเอาผู้หญิงที่ไหนไปกกอยู่บ้านตากอากาศกันแน่
พอขึ้นประจำตำแหน่งคนขับ เขาก็ขับมุ่งตรงไปในทิศทางที่คิดว่าพ่อจะอยู่ที่นั่น
หลายชั่วโมงผ่านไป..
ภาคินทร์เป็นคนที่ชอบความเร็ว เวลาไปที่ไหนใกล้ไกลในประเทศชอบเลือกเดินทางด้วยรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์คันใหญ่ของตัวเอง
รถสปอร์ตคันหรูได้ขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังงามติดกับชายทะเล
เท้าแกร่งก้าวลงรถแล้วเดินไปที่ประตูบ้านแบบช้าๆ ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา ถึงแม้เขาจะทำงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านตากอากาศหลังนี้ แต่ก็ไม่ได้แวะมาที่นี่หลายปีแล้ว ที่นี่ยังดูเหมือนเดิม เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เคยมา.. มาพร้อมกับพ่อและแม่ ตอนนั้นเหมือนกับพวกท่านยังพูดคุยกันปกติแบบครอบครัว
แต่ช่วงหลังมาตั้งแต่เขาได้ยินแม่พูดเรื่องเมียน้อยของพ่อ ก็ไม่เคยเห็นท่านทั้งสองจะพูดคุยกันปกติสักครั้ง
"คินทร์!?" ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่โซฟาในห้องรับแขกถึงกับตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาเป็นใคร
"ถึงกับตกใจเลยเหรอครับพ่อ"
"ใครบอกแกว่าพ่ออยู่ที่นี่" เพราะกวินทร์คงไม่บอกภาคินทร์แน่ว่าท่านอยู่ที่นี่
"ไม่จำเป็นต้องมีใครบอกหรอกครับ ผมไม่ได้โง่"
ช่วงที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ไลยากำลังอาบน้ำอยู่บนห้อง เพราะกว่าที่ภาคินทร์จะมาถึงก็ค่ำมากแล้ว
"แล้วนี่คู่ขาของพ่อไปไหนซะล่ะ.. ทำไมถึงปล่อยให้ตาแก่นั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียว" เขาพูดพร้อมกับกรอกสายตาไปทั่วบริเวณ
"แกจะพ่นคำอะไรออกมาจากปากคิดดูให้ดีก่อน"
"จำเป็นต้องได้คิดด้วยเหรอครับ พ่อบอกตัวเองดีกว่าไหมให้ทำนิสัยให้ดีกว่านี้ แก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว ยังพาเด็กมากกมากอดถึงที่...." บ้านตากอากาศหลังนี้เขารู้ดีว่าพ่อรักมาก ถึงขั้นอยากมาตายอยู่ที่นี่ แต่ไม่คิดว่าพ่อจะพาผู้หญิงคนอื่นมาค้างบ้านหลังนี้แทนแม่ได้
"พอเถอะคินทร์ ลูกเข้าใจพ่อผิดใหญ่แล้ว"
"พ่อก็พูดมาให้ผมเข้าใจถูกสักทีสิ"
ที่ท่านยังไม่บอกภาคินทร์เพราะกลัวว่าลูกชายจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับแม่ แล้วเรื่องทุกอย่างที่คิดไว้มันก็จะพังลงหมด เพราะถ้าภรรยารู้ว่าท่านป่วย ถึงขั้นอยู่ได้อีกไม่นาน นางต้องคิดทำอะไรกับสมบัติของท่านแน่ ก่อนที่นางจะรู้ ต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อน
และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็มีแค่สุพจน์และไลยา ส่วนกวินทร์กลับไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว เพราะต้องได้รีบไปดูงานก่อสร้างที่ภูเก็ต
บริษัทของพวกเขาเป็นบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เรื่องบ้านจัดสรรคอนโดภาคินทร์และกวินทร์ได้ศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับทางด้านนี้มาโดยตรง จะเรียกว่าทั้งสองคือวิศวกรคนหนึ่งก็ว่าได้
ตึก! ตึก! ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินลงบันไดมา
หญิงสาวในชุดนอนลายหมีพูห์น่ารัก กำลังเดินตรงมาที่ห้องรับแขก
"ทานยาก่อนนอนแล้วก็ขึ้นนอนกันเถอะค่ะ" เธอพูดออกมาโดยที่ยังไม่ได้มองว่าตอนนี้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ในนั้นด้วย
เพล้ง!!
แก้วน้ำและยาที่ถือลงมาด้วยตกลงแตกกระจาย และหญิงสาวเหมือนกับกำลังช็อค เมื่อเห็นผู้ชายที่คุ้นหน้ามากยืนอยู่ในห้องรับแขกนั้น
"ขะ! คุณ!?" หญิงสาวจำได้ทันทีเลยว่าเขาเป็นใคร ผู้ชายคนที่เธอยืนจูบอยู่หน้าห้องน้ำในผับวันนั้น
"หึ! ถึงกับตกใจเลยเหรอ" ชายหนุ่มแสยะขำออกมากับท่าทางที่ผู้หญิงของพ่อตกใจตอนที่เห็นเขา
"หนูลัยมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวสักพักฉันจะขึ้นไปเอง" สุพจน์ตัดปัญหาไม่อยากให้ทั้งสองเผชิญหน้ากันตอนนี้
"ค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ.. กลัวผมจะทำอะไรผู้หญิงของพ่องั้นเหรอ" เขาก้าวแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ
หญิงสาวกำลังจะออกจากห้องนั้นก็ได้ถูกมือหนาของผู้ชายคนนั้นกระชากกลับเข้ามาก่อน
"โอ้ย!"
"หยุดนะภาคินทร์"
"ภาคินทร์?" เธอรีบมองสบตาเขาทันที เธอจำชื่อนี้ได้แล้วว่า แม่ของเคยพูดว่าจะให้แต่งงานกับลูกชายท่านที่ชื่อภาคินทร์ ทำไมโลกมันถึงกลมขนาดนี้ นึกว่าจะไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว แต่เขากลับเป็นคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย นี่เราเสียจูบแรกให้กับผู้ชายที่เราจะแต่งงานด้วยงั้นเหรอ?
"สนุกมากไหม กับการที่ทำให้ครอบครัวของคนอื่นแตกแยกกัน" คำพูดที่เปล่งออกมาแต่ละคำมันไม่น่าฟังเลย
พอชายหนุ่มได้สบตากับหญิงสาว เขาถึงกับหยุด ..ทำไมผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นจังเหมือนเราเคยเจอที่ไหนมาก่อน..