บทที่ ๔ ‘จำใจ’
บรรยากาศลานหน้าเรือนของจอมโจรเงียบสนิท แม้แต่นกสักตัวยังไม่กล้าส่งเสียงร้อง ราชันจ้องมองใบหน้าอัปลักษณ์นิ่ง ใบบัวยกมือไหว้ค้าง น้ำตาคลอเต็มสองเบ้าตา สวยมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชา สองยืนกระสับกระส่าย วิตกกังวลกว่าใบบัวที่กำลังจะตายเสียอีก
“พี่ราชัน ฉันว่า..”
“มึงหุบปากไปไอ้สอง! กูยังไม่ได้ลงโทษที่มึงทำงานพลาด”
สองหุบปากฉับ ถึงมันจะไม่อยากให้ผู้หญิงแปลกหน้าต้องตาย แต่มันก็ไม่อยากตายแทนเหมือนกัน
“เก่งนักนะมึง”
ราชันทาบใบมีดคมกริบกับแก้มขาวนวลเนียน ฝั่งที่ไม่มีร่องรอยน่าเกลียดนั่น มาถึงตอนนี้ใบบัวเริ่มตัวสั่น น้ำตาที่คลอเบ้าร่วงหล่นเป็นทาง
“ให้ใบบัวตาย ฮึก.. ดีกว่าต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น”
“อย่างนั้นหรือ” ถามพลางกดมีดลง เนื้อแก้มขาวนวลบุ๋มลงตามรอยใบมีด
ใบบัวค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ กลั้นลมหายใจเตรียมรับความเจ็บปวด
เจ็บเพียงครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวก็จะได้หลุดพ้นจากชีวิตเลวร้ายนี้แล้ว
แต่ทว่า.. ไม่กี่อึดใจต่อมาใบมีดเย็น ๆ ก็ถอยห่างออกไป
“แต่กูไม่ฆ่าคนว่ะ”
พูดจบ มีดแหลมคมก็ถูกเก็บเข้าฝัก สองโล่งใจจนล้มลงไปกองกับพื้น
“แต่ใบบัวไม่กลับไปนะจ๊ะ!”
ถึงรอดตายได้แต่ใบบัวกลับไม่ดีใจสักนิด เธอขึ้นเสียงใส่ราชันจนสองใจหายใจคว่ำ
แม่สาวน้อยช่างไม่รู้อะไรเสียเลย พี่ราชันไม่ใช่คนเอาใจใคร ขึ้นเสียงใส่แบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ตายเข้าจริง ๆ หรอก
“กูก็ไม่ได้บอกให้มึงกลับ”
“มะ หมายความว่า..”
ราชันกวาดตามองเรือนกว้างใหญ่ของตนเอง แล้วหันกลับมาสบตากลมโต ที่ยามนี้เป็นประกายอย่างมีความหวัง
“เรือนกูมีงานให้ทำเยอะ ถ้าอยากอยู่ มึงก็ต้องทำงาน”
“ขอบคุณ ชอบตึฯนะจ๊ะ!”
ใบบัวเก็บสีหน้าดีใจไว้ไม่มิด หญิงสาวยิ้มกว้าง แก้มทั้งสองข้างบุ๋มเป็นจุดดูน่ารักขึ้นเป็นกอง
ราชันเบนสายตาหนี
“กูหิว มึงไปทำอะไรมาให้กูกิน ถ้าไม่อร่อยกูจะให้ไอ้สองเอามึงไปส่งบ้านไอ้มิ่งเหมือนเดิม”
“ดะ ได้จ้ะ! ใบบัวจะทำให้เดี๋ยวนี้!”
“ครัวอยู่ทางโน้น”
“ขอบคุณจ้ะพี่”
ใบบัวยกมือไหว้ปลก ๆ ก่อนร่างน้อยจะรีบเดินเร็ว ๆ ไปที่ครัว ด้วยกลัวว่าราชันจะเปลี่ยนใจพาเธอไปส่งที่เดิม
หน้าเรือนใหญ่เหลือเพียงสองหนุ่มและหนึ่งสาว ราชันไม่ได้สนใจใครอีก ขายาวรีบก้าวขึ้นเรือนไปก่อนที่สวยจะเรียกไว้ได้ทัน
“ขวัญเอ้ยขวัญมานะไอ้สอง”
สองลูบอกตัวเองแล้วเดินกลับไปผ่าฝืนต่อ ทิ้งให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญยืนโกรธจนตัวสั่นอยู่ตามลำพัง
ดวงตาคู่สวยลุกเป็นไฟ สวยมองไปที่ครัว สลับกับก้มมองกับข้าวที่ตนเองทำมา ในใจเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์จับใจ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้พูดคุยกันแม้แต่ครึ่งคำ
.
.
ราชันขึ้นเรือนมาด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวใดเข้าสิงถึงได้ออกปากรับภาระมาเพิ่ม ถึงผู้หญิงตัวแค่นั้นจะกินใช้ไม่สิ้นเปลือง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรให้ต้องเก็บไว้
จะเก็บไว้ให้ไอ้มิ่งช้ำใจก็ไม่ได้ผล เอาทำเมียก็ทำไม่ลง แค่เห็นหน้าตาอัปลักษณ์นั่นก็พาลหมดอารมณ์ขึ้นมาดื้อ ๆ
“พี่ราชัน”
สองขึ้นมาบนเรือนหลังจากผ่าฟืนเสร็จ ร่างกายแกร่งโชกไปด้วยเหงื่อมันรีบคลานเข่าเข้ามาประจบประแจงลูกพี่ หวังว่าโทษหนักจะกลายเป็นเบาได้บ้าง
“มึงทำงานพลาด”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ แต่เมื่อคืนมันมืดมาก แล้วปกติห้องนั้นมันห้องของลูกจันทร์ไม่ใช่หรือ”
“กูเสียดายที่ไม่ได้แก้แค้นอะไรไอ้มิ่งมันเลย”
“ให้ฉันกลับไปจับลูกจันทร์อีกรอบดีไหมจ๊ะ รอบนี้ฉันสัญญาว่าจะไม่ผิดตัวอีก”
ผลั่ก!
ราชันอดใจไม่ไหว ยกตีนขึ้นถีบไหล่ลูกน้องจนมันหงายหลังตึง
“มึงโง่หรือวะ! ครั้งนี้ไอ้มิ่งคงโง่ให้มึงขึ้นเรือนมันง่าย ๆ อีกหรอก!”
“ฉันขอโทษจ้ะพี่”
สองรีบสอพลอ มือบีบนวดขาให้ราชันไม่หยุด
ราชันสะบัดขาออกห่าง บ่งบอกว่าที่เจ้าสองทำไปมันไร้ประโยชน์
“กูอยากกินหมูป่า มึงเข้าไปจับมาสักตัวสิ ไปคนเดียวนะ”
“คะ คนเดียวหรือ!”
“เออ! คนเดียว จับไม่ได้ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า”
สองอ้าปากค้าง บทลงโทษของราชันครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก จับหมูป่าคนเดียวก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเปล่า ๆ
“พี่ราชันจ๊ะ พี่..”
“หรือมึงมันกระจอกกว่าหมูป่าวะ มิน่าถึงไม่มีเมียเสียที”
ราชันจงใจดูถูกถากถางสอง ทว่าในใจโจรหนุ่มไม่ได้อยากต่อว่ามันเท่าไรนัก ที่ต้องทำเพราะมันเป็นกฎ
ในกลุ่มโจรมีกฎเหล็กว่า ถ้าใครก็ตามทำงานพลาดจะต้องถูกไล่ออกจากหมู่บ้านทันที นอกเสียจากจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตอบแทนได้
ราชันรู้ว่าสองไม่มีที่ไปนอกจากที่นี่ มันเป็นเด็กกำพร้า ตัวติดราชันตั้งแต่เด็ก เขาจึงเสนอทางเลือกที่ดีกว่า
ล่าหมูป่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น สมัยนี้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่ไอ้สองมันขี้ขลาด กลัวขึ้นสมองจนบางครั้งก็ถูกดูแคลน
นับว่าการลงโทษที่เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะทำให้สองได้อยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ราชันยังได้ฝึกความกล้าให้ลูกน้องไปในตัว
กลิ่นอาหารหอม ๆ ทำให้บทสนทนาที่ตึงเครียดเบาบางลง สองขยับตัวเปิดทางให้ใบบัวได้วางอาหาร กลิ่นไก่ย่างตัวโตส่งกลิ่นหอมพาลให้น้ำลายไหลจนลืมเรื่องหมูป่าไปหมดสิ้น
“ใบบัวทำไก่ป่าย่างสมุนไพร แกงส้มปลาช่อน ผักต้มจิ้มน้ำพริก พี่ราชันลองกินดูว่าถูกปากหรือไม่”
ราชันมองอาหารตรงหน้า หน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย แต่รสชาติยังไม่รู้ โจรหนุ่มรับจานข้าวที่ใบบัวตักให้ไปถือ
“ถ้าไม่อร่อยกูจะโยนทิ้ง และไล่มึงออกจากที่นี่”
ใบบัวคอตก ดวงตาฉายแววกังวล แม้จะมั่นใจในรสมือของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกปากราชันหรือเปล่า
ราชันตักน้ำสีส้มขึ้นซดเป็นอย่างแรก รสชาติกลมกล่อมลอยคลุ้งในปาก ปลาไม่มีกลิ่นคาว ผักนิ่มกำลังดี
“พอกินได้”
ใบบัวเริ่มเหงื่อตก พอกินได้กับอร่อยมันยังห่างไกลกันเหลือเกิน
ราชันฉีกเนื้อไก่เข้าปาก จอมโจรเคี้ยวช้า ๆ ลิ้มรสสมุนไพรและความนุ่มของไก่อย่างเพลิดเพลิน
“พอกินได้”
คราวนี้ใบบัวนั่งไม่ติดพื้น มือชื้นไปด้วยเหงื่อ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
เธอเหลือแค่น้ำพริกเป็นอย่างสุดท้าย ถ้าหากราชันยังไม่พูดคำว่าอร่อย แปลว่าเธอต้องกลับไปอยู่ที่นั่น
ราชันจิ้มผักกับน้ำพริกแล้วเอาเข้าปาก รสชาติเผ็ดจัดแผ่ซ่าน ตัดกับผักหวาน ๆ ที่ต้มจนนิ่ม
ใบบัวกลั้นลมหายใจรอคำพิพากษา
"ก็พอกินได้"
“พี่ราชัน อย่าไล่ใบบัวไปเลยนะจ๊ะ!”
ใบบัวยกมือไหว้จอมโจรอีกครั้ง เนื้อตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ราชันแสร้งเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าหล่อคมเข้มดูยุ่งยากใจ ราวกับว่ากำลังคิดแผนการปล้นครั้งใหญ่
“กูจะถือว่าทำบุญก็แล้วกัน”
ราชันพูดอย่างจำใจ ทำสีหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาขม ๆ ก็ไม่ปาน
“กูจะไม่ส่งมึงกลับไปก็ได้ แต่มึงต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้กูกินแลกกับที่อยู่”
“ได้จ้ะ! ใบบัวสัญญาว่าจะทำกับข้าวให้อร่อยกว่านี้”
“เออ จะไปไหนก็ไป เหม็นเหงื่อไคล ห้องนอนมึงอยู่ฝั่งโน้น”
ราชันชี้ไปที่ท้ายเรือน ห้องเก็บของเก่า ๆ ขนาดเล็กแคบคือบ้านใหม่ของใบบัว
สองลอบมองสีหน้าดีอกดีใจของสาวน้อย สลับกับใบหน้าตึง ๆ ของราชัน พลางคิดในใจว่าใบบัวช่างอ่อนต่อโลกเสียจริง
ราชันกินไม่หยุดปากแบบนี้ ยังเชื่ออีกหรือว่ารสชาติมันแค่พอกินได้ สองที่อยู่กับราชันมานานรู้ดีว่าถ้าหากรสชาติไม่ถูกปากจริง ๆ จอมโจรไม่มีทางฝืนกินให้ระคายท้องเด็ดขาด
ขนาดฝีมือเมียอย่างแม่มะลิราชันยังตำหนิไม่ไว้หน้า สองไม่เชื่อหรอกว่ากับข้าวฝีมือใบบัวจะแค่ ‘พอกินได้’ จริงๆ