หลอก
ป้ายรถเมล์
“แกเห็นไหมยัยหนึ่ง มีแต่เงินๆ ๆ ๆ ทั้งนั้นเลย” โฉมตาลุกวาวเมื่อในกระเป๋าสะพายของเธอ มีแต่เงินแบงก์พันอยู่เต็มไปหมด มันคือเงินที่เสี่ยให้มาเพื่อเป็นค่าตัวของสองลูกสาวคนเล็กของเธอ
“หะ...เห็นจะแม่”
“ในชีวิตนี้ ไม่เคยคิดไม่ฝันว่าฉันจะได้จับเงินล้าน พวกเราจะสบายกันแล้วนะ” โฉมพูดด้วยความดีใจ แววตาของเธอดูมีความสุขมากและไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปเลยสักนิด
“......” หนึ่งถอยหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้เธอรู้สึกกังวลและคิดไม่ตกหลังจากที่รู้ว่าแม่ตัดสินใจขายน้องสาวเพื่อแลกกับเงินจำนวน2ล้าน
“ยัยสองนี่มันตัวเงินตัวทองสำหรับพวกเราจริงๆ แค่มันคนเดียว ก็ทำให้พวกเราสบายไปทั้งครอบครัว”
“......”
“รู้แบบนี้ ฉันน่าจะเพิ่มเงินกับไอ้เสี่ยมันอีก ดูท่ามันจะชอบยัยสองมาก ขนาดยังไม่ได้เจอยัยสองแบบตัวเป็นๆ มันยังยอมยอมควักเงินจ่ายให้ฉันเป็นล้านขนาดนี้” โฉมยังนึกเสียดายไม่หายเมื่อเห็นว่าเสี่ยยอมจ่ายเงินให้เธอง่ายๆ แบบไม่ต่อรองเลยสักนิด
“มะ...แม่จะขายน้องจริงๆ หรอ?” หนึ่งตัดสินใจถามผู้เป็นแม่อีกครั้ง ในใจลึกๆ ยังหวังว่าให้ผู้เป็นแม่คิดได้แล้วเปลี่ยนใจไม่ขายน้องสาวของเธอ
“ก็เออสิวะ! รับเงินเขามาขนาดนี้แล้ว อีกอย่างฉันก็ส่งมันไปขายตัวให้ไอ้เสี่ย ไม่ได้ส่งมันไปตาย เลิกทำหน้าเบื่อโลกแบบนี้ได้แล้ว!”
“......”
“ขอให้ไอ้เสี่ยมันหลงยัยสองจนหัวปักหัวปำด้วยเถอะ พวกเราจะได้สบายกันสักที” โฉมเอ่ยขึ้นเสียงดังก่อนจะยกมือไหว้ท่วมหัว
“แม่เอาเงินไปคืนเสี่ยเถอะนะ หนึ่งไม่อยากให้แม่ทำแบบนี้ หนึ่งสงสาร
น้อง”
พลั่ก! โฉมใช้มือพลักไปที่หัวของหนึ่งอย่างแรง เมื่อได้ยินคำพูดคำจาที่ไม่เข้าหู เธอกำลังอารมณ์ดีแท้ๆ แต่กลับต้องอารมณ์เสียเมื่อได้ยินในสิ่งที่หนึ่งพูด
“อีโง่! แกคิดดูนะ ว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเราจะมีปัญญาได้จับเงินเป็นล้าน
ไหม!”
“......”
“หรือแกอยากให้ฉันตาย อยากให้ไอ้พวกเจ้าหนี้ตามมาฆ่าฉันหรือไง!”
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้นนะแม่” หนึ่งส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้างั้นก็หุบปาก อย่าบอกเรื่องนี้ให้ไอ้สองรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม!”
“......”
“ฉันถามว่าเข้าใจไหม!?” โฉมถามด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม ก่อนจะใช้เล็บคมจิกลงไปบนต้นแขนของหนึ่ง
“เข้าใจจ่ะแม่” หนึ่งตอบอย่างไม่มีทางเลือก
“ถ้ายัยสองมันรู้เรื่องนี้ ฉันเอาแกตายแน่!”
“......”
“มาแล้วหรอจ้ะ ทำไมถึงได้กลับมาเร็วนักล่ะ?” สองเอ่ยถามเมื่อเห็นแม่และพี่สาวกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าที่เธอคิด
“พอดีว่าเสร็จธุระไวน่ะ” โฉมตอบ ก่อนจะสอดส่องสายตามองหาลูกชายคนเล็ก
“แล้วไอ้สามมันหายหัวไปไหน ตั้งแต่เข้าบ้านมา ฉันยังไม่เห็นมันเลย”
“น้องไปนั่งเล่นอยู่หลังบ้านน่ะแม่”
“เออ! ดีแล้ว ฉันกลับมาเหนื่อยๆ ขอไปกินน้ำเย็นๆ ให้หายเหนื่อยก่อนแล้วกัน” พูดจบโฉมก็เดินออกมาจากตรงนั้น
สองได้แต่มองแผ่นหลังของแม่ที่เดินออกไป ก่อนจะหันกลับมามองพี่สาวที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่
“พี่เป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าเครียดเชียว”
“......”
“พี่ได้ยินที่ฉันพูดไหม พี่หนึ่ง พี่หนึ่ง!” สองตะโกนเรียกพี่สาวด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าหนึ่งนั้นเงียบไป ราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด
“วะ...ว่าไงหรอสอง?” เมื่อได้สติจึงรีบตอบกลับน้องสาวในทันที
“ฉันถามว่าพี่เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเครียดเชียว”
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้ววันนี้แม่พาพี่ไปไหนมาหรอ เล่าให้สองหน่อยสิ” สองถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะปกติไม่ว่าจะไปที่ไหน เธอกับพี่สาวมักจะไปด้วยกันตลอด
“พี่ปวดหัวน่ะ ขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“แล้วจะพี่ไม่กินข้าวก่อนหรอ สองทำกับข้าวเย็นเสร็จพอดี”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่หิว” พูดจบหนึ่งก็เดินเลี่ยงออกไปอีกทางแต่ทว่าสองกลับเดินมาขวางหน้าไว้ได้ทัน
“พี่หนึ่งไม่สบายหรอ เดี๋ยวสองไปซื้อยาให้นะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินไปหาหมอ” เสียงของผู้เป็นแม่ดังแทรกขึ้นมา ก่อนจะส่งสายตากดดันไปให้หนึ่งที่ยืนอยู่ ราวกับรู้ทันความคิดของหนึ่งว่ากำลังจะหลุดปากพูดอะไร
“ขอตัวก่อนนะจ้ะ” พูดจบ หนึ่งก็รีบสาวเท้าเดินออกมาจากตรงนั้น โดยมีสายตาของสองที่มองตามออกไป
“เออๆ จะไปไหนก็ไป”
“......”
“ไหนๆ มีอะไรกินหรอพี่สอง?” เสียงของสามดังขึ้น ปลุกให้สองตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองบุคคลที่เพิ่งมาใหม่คือน้องชายวัยสี่ขวบของเธอ
“มีไข่ลูกเขย กับไข่ตุ๋น”
“ไข่อีกแล้วหรอพี่ กินแต่ไข่ทุกวันเลย”
“อร่อยจะตาย กินไปเถอะน่า” สองพลักหัวน้องชายเป็นเชิงหยอกล้อ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเอาแต่ทำหน้าบูดบึ้ง
“นั่นดิ มีแต่ไข่ๆ ๆ ๆ ๆ กินจนหน้าฉันจะเป็นไข่อยู่แล้วเนี่ย” โฉมถอนหายใจ พร้อมมองไปยังจานข้าวด้วยความเบื่อหน่าย
“อดทนหน่อยนะแม่ อีกไม่กี่วันเงินพี่หนึ่งกับสองก็ออกแล้ว”
“ไอ้เงินแค่ไม่กี่พันของพวกแก มันจะไปพอยาไส้อะไรวะ!”
“......” สองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเห็นท่าทางของแม่และแววตาของน้องชายที่มองมาทางเธอ
สองพยายามคิดปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อย เธอก็ยังมีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน มันดีกว่าที่ครอบครัวของเธอต้องไปเร่ร่อนนอนตากแดดตากลมอยู่ใต้สะพายลอยเป็นไหนๆ
“นี่ยัยสอง!” โฉมสะกิดแขนสองเบาๆ ในขณะที่พวกเธอกำลังนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่
“อะไรหรอจ้ะแม่?”
“พรุ่งนี้แกไปลางานกับเถ้าแก่สักสามสี่วันนะ ฉันจะพาแกไปทำธุระ”
“แต่แม่เพิ่งไปธุระตอนเช้ามาเองไม่ใช่หรอจ้ะ?”
“ไปแล้วก็ไปอีกได้”
“......” เธอแม้จะงงงวยในคำพูดของแม่ แต่สองก็เลือกที่จะไม่ถามเซ้าซี้อะไรต่อ
“พรุ่งนี้ตอนเช้าแกรีบอาบน้ำ ทาแป้ง แต่งตัวให้มันสวยๆ เลยนะ อย่าให้แม่ต้องรอนาน”
“แล้วแม่จะพาสองไปไหน ทำไมถึง...”
“อย่าถามมาก ฉันสั่งอะไรก็ทำตาม!”
“จ่ะแม่”
