บังคับ(3)
“วางโทรศัพท์ลงก่อน กินข้าวให้เสร็จแล้วค่อยเล่น” คนพูดทำเสียงจริงจัง
จริญญาทำหูทวนลม เธอแชทคุยกับเพื่อนสนิทก่อนที่จะถูกตุลาแย่งโทรศัพท์ไปเก็บเอาไว้
“คุณ!”
“กินข้าวให้เสร็จแล้วผมจะคืนโทรศัพท์ให้”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นแบบไม่สนใจอารมณ์คนตรงหน้า ก้มหน้าก้มตากินอาหารไม่สนใจท่าทาง ปั้นปึงของหญิงสาว
จริญญารีบตักอาหารใส่ปากเพื่อที่เธอนั้นจะเอ่ยขอโทรศัพท์คืนจากสามี แต่ตุลาก็ถ่วงเวลาและไม่ยอมให้เธอง่ายๆ
“ขอโทรศัพท์คืนด้วยค่ะ”
ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจ เขาต้องการเอาคืนที่หญิงสาวนั้นทำเป็นหูทวนลมเมื่อครู่ จริญญาสูดลมหายใจลึก เธอพยายามอดทนแม้ว่าวันนี้จะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“ฉันจะรีบไปทำงาน ขอโทรศัพท์คืนด้วยค่ะ”
ตุลาวางช้อนส้อมลงบนจานหยิบกระดาษมาเช็ดปาก แบบใจเย็น
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
จริญญาส่ายหน้าทันทีพร้อมกับเอ่ยปฏิเสธ เธอไม่อยากเป็นจุดสนใจ แม้ทุกคนในบริษัทจะรู้ดีว่าเธอแต่งงานแล้ว แต่จริญญาก็ไม่เคยคิดจะเปิดตัวสามีให้คนในบริษัทได้รู้จัก
อีกอย่างเธออยากใช้ชีวิตสงบๆแบบคนธรรมดา ไม่ได้อยากนั่งรถหรูไปทำงาน เพราะในบริษัทมีพวกขี้อิจฉาอยู่มากมาย หากเธอนั้นไปกับตุลาคงไม่พ้นต้องถูกแดกดันและเหน็บแนม
“ถ้าคุณไม่ให้ผมไปส่งก็อย่าหวังว่าจะได้โทรศัพท์คืน”
ตุลายื่นคำขาด ทำให้หญิงสาวไม่มีทางเลือกจำต้องขึ้นรถไปกับเขา ตุลาชำเลืองมองภรรยา เห็นเธออารมณ์ไม่ดีก็พยายามชวนคุย แต่ดูเหมือนว่า จริญญานั้นจะไม่ค่อยอยากคุยกับเขาสักเท่าไหร่นัก
“พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงที่สโมสร ผมอยากชวนคุณไปด้วย”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ฟังเผินๆดูเหมือนเป็นคำชวนแต่ความเป็นจริงแล้วนี่เป็นคำสั่ง จริญญาหันมองสามีและตอบปฏิเสธไม่ยอมไปร่วมงานเลี้ยงสโมสรกับเขา
ช่วงแรกๆที่แต่งงานกันไม่ว่าเขานั้นจะลากจูงเธอไปทางไหน เธอก็ยอมไปเพราะรู้สึกเกรงใจที่อีกฝ่ายนั้นอายุมากกว่านับสิบปี แต่พออาศัยอยู่ด้วยกันไปนานๆเธอก็เริ่มเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ เพราะรู้สึกว่าการที่เธอนั้นตามใจชายหนุ่มทุกอย่างทำให้เขาเริ่มหลงระเริงคิดว่ามีอำนาจควบคุมเธอได้ มันเป็นความอึดอัดที่คงบอกเล่าใครให้เข้าใจไม่ได้ คนอื่นคงมองว่าเธอเรื่องมากไปเอง
“ฉันไม่อยากไป”
“ทำไม”ชายหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงกระแทก
“ไม่ทำไมค่ะ ก็แค่ไม่อยากไป”
หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับลอยหน้าลอยตา เธอไม่อยากไปไหนมาไหนกับเขาเพราะรู้ว่าจะถูกบังคับให้แต่งชุดเฉิ่มเฉย
“แต่งานนี้คุณต้องไป”
ตุลาออกคำสั่งด้วยท่าทางที่มั่นใจว่าเขาเหนือกว่า ทำให้หญิงสาวนั้นจะรู้สึกไม่พอใจที่เขาทำตัวเป็นเผด็จการ พยายามบังคับเธอให้ทำนู่นทำนี่
“ฉันไม่อยากไปค่ะ ฉันมีงานต้องทำ คุณอยากไปก็ไปคนเดียวสิคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจ ทำไมพักนี้จริญญาถึงได้ดื้อรั้น แข็งข้อ ไม่เหมือนช่วงแรกๆที่แต่งงานกัน เธอเคยเป็นคนว่านอนสอนง่าย เขาแนะนำอะไรก็ทำตามเสมอ แต่หลังจากที่เรียนจบ เธอก็ปีกกล้าขาแข็ง เริ่มไม่เชื่อฟังเขาเหมือนแต่ก่อน
ตุลาจอดรถหน้าบริษัทใหญ่ มองดูหญิงสาวที่สวมกระโปรงรัดรูปแบบเมื่อวานใบหน้าก็มืดครึ้ม
“ผมจะสั่งให้แม่บ้านเอากระโปรงพวกนี้ไปทิ้งให้หมด”
คนกำลังจะลงจากรถไหวไหล่ไม่สนใจคำขู่ของสามี ต่อให้เขาขนไปทิ้งเธอก็ซื้อใหม่ได้อยู่ดี
“ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะค่ะ”
จริญญาเอ่ยอย่างท้าทาย ก้าวเดินลงจากรถและเอ่ยทักทายอนุชิตที่เพิ่งลงจากรถประจำทาง สายตาไม่พอใจของตุลามองตามคนทั้งสองที่เดินหายเข้าไปในบริษัท เขารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นหญิงสาวนั้นใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น
“ใครมาส่งเหรอจริญ”
อนุชิตเอ่ยถาม ปกติเขาไม่ใช่คนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน แต่เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับ หญิงสาวจึงได้เอ่ยถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้สนใจคำตอบ
“คนแก่ขี้บ่นค่ะ”
จริญญาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ เธออดคิดไม่ได้ว่าหากตุลาได้ยินคำนี้จะทำหน้าอย่างไร คงจะโกรธจนหน้าแดงหรือไม่ก็ถลึงตาใส่เธอเหมือนที่ชอบทำ
“ดีจังเลย มีพ่อมาส่งด้วย”
ได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้นหญิงสาวก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะทำให้อนุชิตเข้าใจผิด แต่ถึงอย่างนั้นจริญญาก็ไม่ได้จะคิดแก้ไข ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจแบบนั้น
“กัลยา”
จริญญาเหลือบไปเห็นเพื่อนสาว เธอจึงได้เอ่ยเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับโบกไม้โบกมือ กัลยาเดินเข้ามาเหลือบมองอนุชิต เธอยื่นถุงขนมให้จริญญาก่อนจะยื่นอีกถุงในมือให้ชายหนุ่ม
“ให้ผมหรือครับ”อนุชิตเอ่ยถามก่อนที่ หญิงสาวจะพยักหน้า
“ค่ะ เห็นทุกคนมาเช้าเลยคิดว่าน่าจะยังไม่ได้กินอะไร วันนี้วันหยุดราชการข้างล่างร้านอาหารปิดเยอะ กัลก็เลยซื้อซาลาเปามาเผื่อจริญกับคุณค่ะ”
จริญญาลอบสังเกตุท่าทางเพื่อนสนิท ก่อนยกยิ้มบางเบา ดูเหมือนว่ากัลยานั้นจะสนใจรุ่นพี่ร่วมแผนกของเธอโดยไม่รู้ตัว
เวลาในที่ทำงานในแต่ละชั่วโมงที่ผ่านไปช่วยให้จริญญาได้ลืมความอึดอัดใจฝนชีวิตครอบครัวไปได้บ้างแต่สุดท้ายเมื่อเธอกลับถึงบ้านความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำก็กลับมาทุกที