อบอุ่นวาบหวาม(2)
ชายหนุ่มพูดอธิบายเพื่อหวังให้คนเป็นแม่ทำให้ถูกวิธี ก่อนยื่นสมุดเล่มบางให้หญิงสาว เมื่อพิจารณาแล้วดูเหมือนว่าหญิงสาวนั้นจะมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เธอขาดวุฒิภาวะและจิตวิญญาณความเป็นแม่
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ช่วงนี้ฉันเครียดหลายเรื่อง ต้องเลี้ยงทั้งลูกต้องทำทั้งงาน บางทีฉันก็คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”
คุณแม่ยังสาวพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยหน่าย ใบหน้าเธอเศร้าสลด ปรมะเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเธออาจมีปัญหาชีวิตมากมายจนทำให้เกิดความเครียด ถึงได้แนะนำจิตแพทย์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทให้หญิงสาวได้รู้จัก
“ฉันยังสติดีอยู่ ฉันต้องไปหาจิตแพทย์ด้วยหรือคะ”
หญิงสาวเอยถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอคิดว่าคนที่จะไปหาจิตแพทย์คือคนที่มีจิตใจไม่ปกติ แต่ความจริงแล้วคนปกติที่อยู่ในสภาวะซึมเศร้าหรืออาจมีปัญหาชีวิตหนักหนาจนจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็สามารถที่จะขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์
“ขนาดผมยังต้องพบจิตแพทย์เลยครับ แต่ไม่ได้แปลว่าผมสติไม่ดีนะ แต่บางครั้งผมเครียดจนไม่รู้ว่าจะจัดการตัวเองยังไงก็เลยต้องพึ่งจิตแพทย์”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมุมมองความคิดเกี่ยวกับจิตแพทย์ของเธอก็เปลี่ยนไป หญิงสาวยินดีที่จะทำตามนี้คำแนะนำของหมอหนุ่ม
คุณหมอปรมะกว่าจะตรวจคนไข้เสร็จเวลาก็ล่วงเกินไปถึง 5 โมงเย็น ชายหนุ่มรีบขึ้นไปดูอาการของหญิงสาวด้านบนก่อนจะเห็นว่าเธอนั้นกำลังหลับอยู่โดยมีแผ่นประคบแปะอยู่ด้านหลัง
ผิวขาวเนียนทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรง เขานั่งลงข้างเธอก่อนยื่นมือสัมผัสบริเวณที่บาดเจ็บ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกร้อนใจที่เห็นหญิงสาวนั้นบาดเจ็บขนาดนี้
ม่านมุกลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ เมื่อเห็นว่าปรมะนั่งอยู่ข้างๆหญิงสาวก็พยายามหยัดตัวลุกขึ้น
“คุณหมอ”
“ไม่ต้องลุกหรอก พักผ่อนเถอะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว ชายหนุ่มลงไปเตรียมข้าวต้มและยาแก้ปวดให้พยาบาลสาว ก่อนที่เขาจะอนุญาตให้เธอนั้นนอนค้างที่คลินิก
“ฉันขอโทษนะคะที่ไปกับคุณหมอไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อน”
หญิงสาวมีท่าทางกังวลใจอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเธอนั้นไม่เคยนอนค้างคืนกับผู้ชายมาก่อน ทั้งเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มเตรียมมาให้สำหรับผลัดเปลี่ยนก็วาบหวิวเสียจนเธออดถามไม่ได้
“ชุดของใครคะ”
“ผมได้มาตอนวันเกิดน่ะ เพื่อนผมให้มา มันอาจจะโป๊หน่อย แต่คุณใส่ได้ใช่ไหม”
ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเนินอกที่โผล่พ้นผ้า เขาพยายามเก็บงำความรู้สึกบางอย่างก่อนจะล้มตัวลงนอน
ม่านมุกไม่ค่อยสบายใจ เธอรู้สึกประหม่า ยิ่งเห็นชุดนอนสายเดี่ยวที่ตัวเองสวมอยู่ก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ปกติเธอไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ แม้กระทั่งตอนอยู่บ้านคนเดียว เธอก็แต่งตัวมิดชิดตลอดเวลา
นั่นเพราะเธอมีปมบางอย่าง คิดถึงเรื่องนั้นแล้วหัวใจหญิงสาวก็เต้นแรง ความทรงจำนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตเธอเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุผลที่ม่านมุกไม่เคยคบใครได้นาน
“เป็นอะไรหรือเปล่า นอนไม่หลับเหรอ”
คุณหมอเมื่อเห็นหญิงสาวกระสับกระส่ายไปมาเขาก็เอ่ยถามขึ้น ม่านมุกสูดลมหายใจลึกก่อนพยักหน้า ปรมะดึงหมอนข้างที่กั้นอยู่ออกก่อนหันมองหน้าหญิงสาว
“ยังเจ็บหลังอยู่ไหม”
ม่านมุกส่ายหน้า ดูเหมือนว่ายาแก้ปวดจะออกฤทธิ์ได้ดี ทำให้อาการปวดหายปลิดทิ้ง ขณะนั้นหญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็เอื้อมมือมาเขี่ยปอยผมออก ทั้งสองสบตากันโดยไม่พูดอะไร ปรมะขยับใบหน้าเข้าใกล้ม่านมุกก่อนที่ริมฝีปากทั้งสองจะทาบทับสัมผัสกันแผ่วเบา
หัวใจหญิงสาวเต้นแรง เธอควรจะปฏิเสธ ชายหนุ่มแต่กลับกลายเป็นว่าร่างกายนี้ตอบสนองเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านมุกรู้สึกแปลกใจที่อาการกลัวของเธอหายไป เหลือเพียงแต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบเท่านั้น
หญิงสาวหยัดกายแอ่นขึ้นยามที่ชายหนุ่มโถมร่างกายทาบทับ ร่างบางสั่นคลอนไปตามแรงกระทั้นของปรมะ สองร่างเปลือยเปล่าโอบกอดแนบชิดขณะที่ริมฝีปากบดเบียดอย่างดูดดื่ม
ปรมะยกร่างกายขึ้นก่อนพลิกตัวเธอหันหลัง เขายึดสะโพกผายแน่นก่อนโถมร่างเข้าไปอีกครั้ง ม่านมุกหยัดตัวขึ้นก่อนอกแกร่งจะสัมผัสแผ่นหลังบาง ลำแขนชายหนุ่มตวัดกอดรัดเอวบางขณะที่เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพลายเต็มใบหน้าทั้งสอง
หญิงสาวแทบขาดใจ มือบางเกาะลำแขนแกร่งแน่นก่อนที่เสียงหวานจะพัดกระพืออารมณ์ของชายหนุ่มให้โหมกระหน่ำมากขึ้น
“คะ คุณหมอคะ”
หญิงสาวฟุบหน้าลงบนที่นอนนุ่มก่อนที่คุณหมอจะรั้งเธอเข้ามากอดทั้งเขายังกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนเบาๆ