เมียหมอ 3
โรงพยาบาล…
“งานวิจัยและตัวยาทดลองนำเข้าที่แม่สั่งไปถึงไหนแล้ว”
“…..”
“หมอ หมอภีม ได้ยินที่แม่พูดไหม?”
“เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ที่ดังอยู่ข้างๆ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางสะบัดหัวไล่ความคิด
“แม่ถามว่างานวิจัยที่ให้ไปทำกับตัวยานำเข้าจากแคนาดาไปถึงไหนแล้ว”
“เรียบร้อยดีครับ ไม่มีปัญหา”
“วันนี้หมอเป็นอะไร ดูเหม่อๆ เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว” ผู้เป็นแม่จ้องหน้าลูกชายด้วยความสงสัย หลังจากที่เห็นว่าภีรวัฒน์เอาแต่นั่งเหม่อ คล้ายกับใจลอยคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่นานสองนาน
“ผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“ถ้าไม่มีอะไรเหมือนที่พูดก็ดีแล้ว แม่ไม่อยากให้หมอเอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมาปนกัน”
“…..”
“ตอนบ่ายมีผ่าตัดใหญ่ แม่หวังว่าหมอคงจะมีสมาธิมาก
กว่านี้นะ”
“ครับ”
ก๊อก~ ก๊อก~ ก๊อก~ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับพยาบาลสาวที่เปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะหมอภีม”
“มีอะไร?” หมอหนุ่มถามกลับ ในขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับเอกสารกองโตตรงหน้า
“มีคนไข้มาขอพบค่ะ”
“ตอนนี้เป็นเวลาพักของผม คุณช่วยไปบอกเขาทีว่าผมไม่สะดวกออกไปพบ”
“ได้ค่ะคุณหมอ” พยาบาลสาวตอบรับคำสั่งจากชายหนุ่ม ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อมาหาหญิงสาวที่นั่งคอยอยู่
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้เป็นเวลาพักของหมอภีรวัฒน์ หมอไม่สะดวกออกมาพบ”
“อีกนานไหมคะ” ฉันถามกลับด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว อุตส่าห์มาหาที่โรงพยาบาลทั้งทีแต่กลับไม่ได้เห็นแม้แต่เงา
“สักพักใหญ่ๆ เลยค่ะ ถ้าไม่อยากรอนาน เชิญตรวจกับคุณหมอท่านอื่นดูไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้” ฉันพูดอย่างไม่คิดอะไรมาก ในเมื่อตั้งใจว่าจะมาหาหมอภีมแล้ว ยังไงวันนี้ก็ต้องได้เจอหน้า จะให้ทำยังไงได้ ก็คนมันคิดถึงนี่น่า…
“อ่อ…ค่ะ ถ้างั้นรอประกาศเรียกชื่อนะคะ” พยาบาลสาวมองหน้าฉันด้วยความงงงวย อย่าว่าแต่เธอที่งง ฉันก็งงใจตัวเองเหมือนกันที่ยอมทำเพื่อผู้ชายได้มากขนาดนี้ บอกเลยว่าถ้าไม่รักหมอจริงๆ คงไม่ลงทุนทำถึงขนาดนี้
“…..”
สองชั่วโมงผ่านไป…
“คุณอันนาคะ คุณอันนา!”
“อื้ออ” ฉันขยับพลิกตัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อในขณะที่กำลังนั่งหลับฝันดีอยู่หน้าห้องตรวจ ลองคิดดูว่าฉันต้องรอพบหมอนานขนาดไหน ถึงทำให้นั่งหลับแบบนี้ได้
“ถึงคิวเข้าตรวจกับคุณหมอแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” พอได้ยินดังนั้น ฉันจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนในทันที
“งั้นเชิญที่ห้องตรวจสามเลยค่ะ”
แกร้ก~ ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องตรวจ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ประจำตัวของหมอภีมก็ลอยเข้ามาเตะจมูกฉันเป็นอย่างแรก ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็น เพียงแค่ได้เห็นสันจมูกโด่งคมข้างๆ ก็รู้สึกได้ทันทีว่าหมอน่ะหล่อมาก ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่มีแต่คนไข้และพยาบาลสวยๆ แวะเวียนกันมาหาหมอ
แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เพราะตัวจริงของหมอภีมก็คือฉันเองส่วนชะนีนางไหนที่คิดจะมาวุ่นวายกับหมอ บอกเลยว่าต้องข้ามศพฉันไปก่อนเถอะย่ะ เพราะหมอเขาเป็นของฉันคนเดียว
“หมอภีม”
หมอละสายตาจากเอกสาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฉันแค่เสี้ยววินาที แต่ไม่ได้พูดหรือเอ่ยคำทักทายใดๆ บางทีฉันก็แปลกใจว่าไปตกหลุมรักคนเย็นชาแบบอีตาหมอผีได้ยังไงกัน
“คุณออกไปดูคนไข้ด้านนอกก่อนไป เดี๋ยวคนนี้ผมดูแลเอง”
“ค่ะคุณหมอ” พยาบาลน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะเหลือบสายตามามองฉันแล้วเดินออกไป ถ้าให้เดา เธอคนนี้คงสนใจหมอภีมของฉันอยู่แน่ๆ
“…..” ฉันหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นหน้าเขา ต่างจากเขาที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้คนเดียวอยู่ตลอดเวลา
“เป็นอะไรมา?”
“ไม่สบาย ปวดหัว”
“เป็นไข้แค่กินยาพาราอยู่บ้านก็น่าจะหาย ไม่เห็นจะต้องมาถึงโรงพยาบาล ไม่รู้หรือไงว่ามันเสียเวลา คราวหลังถ้าใกล้จะตายแล้วค่อยมา เข้าใจที่พูดหรือเปล่า?”
ห๊าาาาา~ ฉันอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดร่ายยาวของคนที่ขึ้นชื่อว่าหมอ คนไม่สบายควรต้องรักษาสิ ไม่ใช่มาพูดแบบนี้ อีตาบ้า อีหมอผี!
“ถ้าหายก็ไม่ได้มาเจอหมอน่ะสิ ที่อันมาหาถึงโรงพยาบาลเพราะอยากมาเจอหมอนะ” ถึงแม้ในใจอยากจะหยุมหัวมัน แต่สิ่งที่ทำได้คือปั้นหน้าแล้วยิ้มให้สวยที่สุด
“…..”
ตึกตัก~ ตึกตัก~ เสียงหัวใจของฉันเต้นสั่นระรัวเมื่อหมอขยับเข้ามาใกล้พร้อมใช้หูฟังประจำตัววางทาบทับไปบนหน้าอกข้างซ้าย
“อัตราการเต้นของหัวใจเร็วผิดปกติ กำลังตื่นเต้นอะไรอยู่หรือเปล่า?”
“ตื่นเต้นเพราะได้อยู่ใกล้หมอไง คนอะไรหล่อชะมัดญาติ” ฉันตั้งใจพูดให้เขาได้ยิน แน่นอนว่าคำพูดของฉัน ทำเอาหมอถึงกลับถอนหายใจออกมายกใหญ่
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ?”
“ไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นผัว”
สิ้นประโยคนั้นหมอจึงหันขวับมาจ้องหน้าฉันนิ่ง หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ ก็เราสองคนมีอะไรกันแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าไม่เรียกว่าผัวเมียแล้วจะเรียกว่าอะไร
“พูดใหม่อีกทีสิ เมื่อกี้เธอบอกว่าฉันเป็นอะไรนะ?” ไม่ถามเปล่า แต่เขายังเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้พร้อมตั้งท่ารอฟังคำตอบจากฉัน
“ปะ…เป็น เป็น” พอได้เห็นสายตาที่เขามองมา ทำเอาลิ้นฉันขยับไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน ทำไมหมอถึงมีอิทธิพลกับฉันได้มากขนาดนี้นะ
แกร้ก~ เสียงเปิดประตูห้องดังขัดจังหวะขึ้น ก่อนที่หมอหนุ่มอีกคนจะเดินเข้ามาในห้อง ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาชื่อหมอภาคิน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของหมอภีมเอง
“ไม่มีมือหรือไง ทำไมไม่เคาะประตูก่อน!” หมอภีมถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก
“ลืม” หมอภาคินพูดสั้นๆ ก่อนจะหันมามองฉันที่นั่งอยู่
“โทษที ไม่รู้ว่ามึงมีคนไข้”
“มีอะไรก็พูดมา”
“แม่ฝากเอกสารมาให้”
“อืม วางไว้ตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วก็รีบออกไป”
ฉันนั่งมองหมอภาคินด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เพราะความหล่อของพวกเขาสองคนสูสีกันมากจริงๆ กินกันไม่ลง แบบที่ไม่มีใครยอมใคร บ้าจริง! พี่น้องบ้านนี้ทำไมหน้าตาดีทั้งบ้านเลยนะ
เพียะ!
“อ๊ะ! มะ…หมอ ฉันเจ็บนะ” ฉันร้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อถูกฝ่ามืออรหันต์ของหมอภีมฟาดลงบนต้นขาอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัว
“มองแค่ก็ฉันพอ”
“…..”