รอยอดีต (30%)
สี่ปีที่แล้ว
แม้จะก้าวขาเรียวสวยเข้ามาโดยสารในลิฟต์ตัวใหญ่ น้ำตาก็ยังไม่เหือดแห้งไปจากร่องแก้มอิ่มของวาเนสซ่า ปิเอโร่ เจ้าของร่างเซ็กซี่ในชุดเดรสสีแดงเพลิงยี่ห้อหรู ที่สั่งตรงมาจากห้องเสื้อดังของปารีส เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนลืมสนใจสิ่งรอบข้าง แล้วจู่ๆ ก็มีใครบางคนยื่นผ้าเช็ดหน้ามาตรงหน้า ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะคิดว่าตัวเองอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง ถึงกับผงะถอยหลังมาหนึ่งก้าว แล้วแหงนหน้าขึ้นมองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ปักตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า ‘PJ’ ไว้ตรงมุมขวาอย่างประณีต ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ผ้าเช็ดหน้า ซับน้ำตาเสีย เดี๋ยวหน้าสวยๆ ก็เปื้อนคราบเครื่องสำอางหมดหรอก” เจ้าของใบหน้าสวยหากแต่เลอะไปด้วยคราบน้ำตา ยกแขนเรียวเสลาขึ้นกอดอกเชิดหน้าทำท่าเมินผ้าเช็ดหน้าที่มีผู้หวังดีหยิบยื่นให้ วาเนสซ่าก็เป็นอย่างนี้ หากไม่ใช่คนรู้จักและสนิทสนมเธอก็จะค่อนข้างถือตัว
เห็นท่าทางอวดดี ชายหนุ่มก็แกล้งยื่นผ้าเช็ดหน้าเจ้าปัญหาไปให้หญิงสาวตรงหน้าแรงๆ ทำเอาร่างระหงผงะจนเกือบหงายหลัง ยังดีที่ขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงคู่สวยทรงตัวไว้ได้ทัน
“เก็บผ้าเช็ดหน้าของคุณไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ” หญิงสาวสะบัดเสียงใส่อย่างไม่แยแส
คำพูดตัดรอนที่หลุดออกมาจากกลีบปากเย้ายวน ทำให้หนุ่มหล่อมาดเท่ถึงกับสะอึก ก่อนเปลี่ยนความตกตะลึงด้วยคาดไม่ถึงเป็นหงุดหงิดอารมณ์เสีย เนื่องจากไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าปริปากปฏิเสธไมตรีจิต จากปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี มาก่อน จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักหรอกที่จะทำเรื่องแบบนี้ แต่เห็นท่าทางสาวสวยตรงหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก ก็นึกเวทนา
“รับไปเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมมีหลายผืน” ยิ่งเห็นเธอออกอาการพยศถือดี เขาก็ยิ่งคะยั้นคะยอเพราะอยากเอาชนะ และความทู่ซี้ของเขา ก็สร้างความหงุดหงิดให้วาเนสซ่าอยู่ไม่น้อย คนเอาแต่ใจและไม่เคยโดนใครขัดใจมาก่อน เริ่มหน้าหงิกงอ
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” ป้ายน้ำตาออกจากดวงหน้าพริ้มเพราอย่างลวกๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วเค้นเสียงห้วนออกมาจากลำคอแห้งผาก ไล่ตะเพิดชายแปลกหน้าทว่าหล่อบาดใจ ก่อนจะสะบัดหน้าแรงๆ เมินไปอีกทาง
วาเนสซ่ายอมรับว่า บุรุษหนุ่มที่เธอกำลังเผชิญหน้า เป็นคนหล่อชนิดหาตัวจับยาก และอาจทำให้ใจสั่นไหวได้ไม่ยาก หากหัวใจเธอไม่มีเพียงมาร์โบโล คอฟอร์ด จนกลายเป็นสาวหม้ายขันหมาก เพราะรักไม่สมหวังดังใจหมายเสียก่อน
ดวงตาสีมรกตมองคนอวดดีอย่างเอาเรื่องแกมหมั่นไส้ คำพูดของเธอมันไม่ต่างอะไรจากการท้าทายอำนาจของเจ้าพ่อค้าเพชรรายใหญ่แห่งเวเนซุเอลา จนเขาอยากกระชากร่างอรชรเข้ามากระหน่ำจูบสั่งสอนให้หนำใจนัก
‘เอ๊ะ…หรือว่าที่แม่คุณทำอย่างนี้ เพราะคิดว่าเราสนใจ ต้องการขึ้นค่าตัวหรืออย่างไรกัน เห็นเราทำท่าสนใจเข้าหน่อยก็ทำเป็นเล่นตัว แต่พอเห็นเงินคงตาลุกวาวและกระโจนเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต นี่แหละหนาผู้หญิงสมัยนี้ หาดีไม่ได้’ ปีเตอร์แอบบิดปากด้วยความสมเพชหญิงสาว ก่อนจะชักผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาด กลับมาซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงดังเดิม
“ไม่อยากได้ผ้าซับน้ำตา แต่อยากได้จูบซับน้ำตาจากผมหรือไงกันสาวน้อย ถึงได้ทำลีลาท่ามากขนาดนี้” เสียงกระซิบที่ดังข้างหูของเจ้าของแผงอกกำยำที่ยืนอยู่ใกล้แค่คืบ ทำเอาใจของวาเนสซ่า ปิเอโร่ เต้นไม่เป็นส่ำ แต่สรรพนามท้ายประโยค ทำให้คนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นสาวน้อย เพราะอายุย่างเข้ายี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์ ได้แต่กำหมัดแน่นและนับในใจให้ถึงสิบ เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆ
“ว่าไง เอาไหม จูบซับน้ำตาน่ะ” ปีเตอร์ยังมีแก่ใจลอยหน้ายียวนไม่เลิก
“อย่ามาพูดจาพล่อยๆ นะ คนบ้าพูดจาไม่รู้เรื่องอย่างคุณ ฉันไม่พิสมัยนักหรอก เชิญไปลดแลกแจกแถมจูบ ที่คุณแสนจะภาคภูมิใจให้สาวอื่นเถอะ” คราวนี้สาวสวยถึงกับเลือดขึ้นหน้า ตะเบ็งเสียงตวาดลั่นลิฟต์ ใจจริงคุณหนูเล็กแห่งตระกูลทรงอิทธิพลของสวีเดน อยากจะกรีดร้องออกมาให้เขาหูแตกนัก แต่ก็ทำได้เพียงกำหมัด จนหลังมือขาวเนียนปรากฏรอยเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา
‘ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน ถึงได้บังอาจมาตามตอแยแม่สาวขี้วีนอย่างเรา’
“แล้วอย่ามาหลงเสน่ห์ผมทีหลังก็แล้วกัน” คนมั่นใจในตัวเองสูงไหวไหล่ทรงพลังเบาๆ อย่างไม่แยแสกับคำพูดที่หญิงสาวตอกใส่หน้าด้วยความถือดี
“ชิ…ฝันไปเถอะ แม้แต่หางตาฉันยังไม่อยากแล” หญิงสาวใบหน้าร้อนซู่ รีบสำรวมท่าทีแล้วเชิดหน้าเบ้ปากโต้ตอบอย่างอวดดี ทั้งที่ในใจกำลังเต้นผิดจังหวะ เพียงแค่ได้ชิดใกล้ผู้ชายคนนี้ไม่กี่วินาที
“พูดอะไรให้มันตรงกับใจหน่อยสิคุณ หรือจะเป็นจริงที่เขาว่า ผู้หญิงปากกับใจมักไม่ตรงกัน” ปีเตอร์ทำหน้ามึนตีขลุมเข้าข้างตัวเอง น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังอยู่เหนือศีรษะ ที่ปกคลุมด้วยผมยาวสลวย หากแต่แววตาคู่คมกลับแฝงไปด้วยความขบขันเสียเต็มประดา
“ท่าเชิดหน้าคอตั้งแบบนี้ ผมขอซื้อได้ไหม” อยู่ๆ ผู้ชายที่ยืนหายใจรดต้นคอ ก็เปรยขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ จนหญิงสาวต้องแหงนหน้าขึ้นมองอย่างเดือดจัด
“ฉันจะทำยังไง มันหนักส่วนไหนของคุณไม่ทราบ!” คิ้วเรียวสวยที่บรรจงตกแต่งให้เข้ารูปรับกับดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสเลิกขึ้น พร้อมกระแทกเสียงขุ่นเขียวใส่อีกฝ่าย อย่างไม่คิดจะเกรงใจและรักษามารยาท
“ก็ไม่ได้หนักส่วนไหนของผมนักหรอก แต่ผมเป็นห่วง กลัวคอสวยๆ ของคุณจะเคล็ดเสียก่อนมีสามีเป็นตัวเป็นตนเหมือนอย่างชาวบ้านเขา” ปีเตอร์ยักไหล่กว้างเบาๆ อย่างไม่สะทกสะท้านกับวาจาเหน็บแนม ที่สาวสวยตั้งใจกระแทกใส่หน้า ส่วนหญิงสาวก็ได้แต่ค้อนจนตาคว่ำให้คนที่จงใจรวนเธอ
สายตาคมกริบมองท่าทางระงับอารมณ์ของอีกฝ่ายอย่างชอบอกชอบใจ แล้วไหนจะยังกลีบปากสีกุหลาบที่เจ้าตัวเม้มเสียจนเกือบจะเป็นเส้นตรงนั่นอีก มองแล้วชวนให้ง้างมันออกด้วยปากตัวเองยิ่งนัก อยากรู้เหมือนกันว่า ปากที่เอาแต่ด่าเขาฉอดๆ นั้นจะหวานได้ใจพอๆ กับคำพูดเผ็ดร้อนและดุดันไหม การมาสวีเดนของเขาครั้งนี้ ดูไม่น่าเบื่อก็เพราะเธอนี่แหละ ผู้หญิงอะไรสวยเซ็กซี่เสียเปล่า แต่ร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวรราวกับเด็กน้อย
ติ๊ง!
ยังไม่ทันที่มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อกระชากใจ จะได้ต่อปากต่อคำกับแม่สาวน้อยขี้วีนต่อ เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสร้างความอภิรมย์เสียก่อน ปีเตอร์จึงต้องตัดใจ ยั้งคำพูดที่กำลังจะพรั่งพรูออกมา เงยหน้าขึ้นมองจึงรู้ว่า อีกสองชั้นก็จะถึงที่หมายของเขาแล้ว เนื่องจากชายหนุ่มขึ้นลิฟต์ไปผิดชั้นจึงต้องกลับลงมาใหม่ เพื่อจะได้ไปเยี่ยมคนป่วยหลังจากที่เอ้อระเหยลอยชายมานาน บอกเพื่อนจะมาถึงตั้งแต่แปดโมงเช้า จนป่านนี้ปาเข้าไปสิบโมงก็ยังไปไม่ถึงห้อนคนป่วย
“ถ้าอยากได้จูบซับน้ำตา ก็เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะสาวน้อย วันนี้ผมรีบจริงๆ” คนมาเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลบอกอย่างอารมณ์ดี พลางยกนิ้วเรียวสวยขึ้นเคาะหน้าปัดนาฬิกายืนยันคำพูด ตบท้ายด้วยการขยิบตาให้อย่างกะล่อน
“เอ๊ะ…คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ฉันบอกว่าไม่ต้องการจูบสับปะรังเคของคุณแม้แต่น้อย ได้ยินไหม!” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่อย่างขุ่นเคืองสุดๆ ดวงตากลมโตมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ชายหนุ่มกลับไม่แยแส แถมยังลอยหน้ายียวนกวนโมโหไม่เลิก
“จุ๊ๆๆ พูดไม่เพราะแบบนี้ มันน่าจับมาจูบสั่งสอนเสียให้เข็ด” เจ้าพ่อค้าเพชรทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจในลำคอหนา แล้วแกล้งขู่ด้วยท่าทางเอาจริง หากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความขบขัน จนแทบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ก็ลองดูสิ จะชกให้ตาเขียวเชียว”