ตอนที่2 วางมือ
วายุ
“ธุระสำคัญมากเหรอคะ เมไม่อยากอยู่คนเดียวเลย” ตังเม พูดขึ้นหลังจากผมบอกเธอว่าจะกลับบ้าน
“ฉันจะรีบกลับมา แต่ตอนนี้ต้องกลับก่อน ที่บ้านโทรตามหลายสายแล้ว” เพราะมีสายเข้าจากที่บ้านเกือบสิบสายแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ถ้าเสร็จธุระแล้วรีบกลับมานะคะ” ตังเมอ้อนออกมา
“อืม พักผ่อนได้แล้ว” ผมบอกเธอก่อนจะห่มผ้าให้แล้วเดินออกจากคอนโดของผมเพื่อกลับบ้านใหญ่
ส่วนตังเมเธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนั้นก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันเป็นพิเศษอะไร แต่มีเรื่องบังเอิญให้เราได้พูดคุยกัน แล้วก็มีความสัมพันธ์ทางร่างกายต่อกัน
แรกๆ ผมก็คิดแค่ว่าเธอเป็นคู่นอนเหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆ มา แต่ด้วยความที่รู้จักกันมานาน เธอเป็นคนที่ทำให้ผมสบายใจที่สุด และไม่เรื่องมากหรือเรียกร้องอะไร ผมเลยให้สถานะเธอพิเศษกว่าใคร จะเรียกว่าคบก็ได้ แต่ก็ไม่เชิงเป็นคนรักกัน
แต่ผมชอบเธอ รู้สึกดีกับเธอ ชอบอยู่กับเธอเพราะมันมีความสุขดีและก็สบายใจมาก อีกอย่างผมก็เป็นห่วงเธอในฐานะเพื่อนและคนรู้จักกัน เหมือนอย่างวันนี้ที่ผมต้องรีบหนีงานกลับมาเพราะว่าเธอไม่สบาย และตั้งใจอยู่ดูแลเธอ แต่ก็ต้องรีบกลับไปที่บ้านเมื่อมีสายโทรหา แน่นอนว่าถ้าไม่มีเรื่องให้กลับบ้านจะไม่มีเบอร์บ้านโทรหาผมโดยตรงแบบนี้
ผม วายุ อายุ 29 ปี นิสัยของผมอย่าให้พูดเลย รู้แค่ว่าผมไม่ใช่คนดี และผมก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยแทบไม่สนว่าผิดหรือถูก อยู่กันไปนานๆ เดี๋ยวก็รู้จักผมเองนั่นแหละ
ตอนนี้ผมดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทพ่อ ผมเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่เรียนจบได้หนึ่งปี แต่จริงๆ ผมก็เรียนรู้งานมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแล้ว การทำงานเลยไม่ได้ยากอะไรสำหรับผม
ผมเป็นลูกชายคนโตของบ้าน มีน้องชายคนหนึ่ง แต่ผมกับน้องไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ ทั้งที่เมื่อก่อนผมกับมันก็รักกันดี แต่พอโตขึ้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผมต้องทำทุกอย่างเพื่อแข่งขันกับคนที่ขึ้นชื่อว่าน้องตัวเอง
ไม่นานผมก็มาถึงบ้านใหญ่ที่พ่อกับแม่อาศัยอยู่ตอนนี้ บ้านที่ผมเคยอยู่ตอนเด็ก แต่ย้ายออกไปตอนเรียนมหา’ลัย พอเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นก็เห็นพ่อแม่รวมถึงไอ้วาโยน้องชายผมนั่งอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว
“มีอะไรครับ ถึงได้โทรหาผมเกือบสิบสาย” ผมถามพร้อมกับเดินไปนั่งโซฟาที่ว่าง
“เห็นแล้วทำไมไม่รับสายล่ะ” แม่ตำหนิออกมา
“ก็ตั้งใจจะกลับอยู่แล้วนี่ครับ เลยไม่รับ” รู้ว่าโทรไปตามไง รับไปก็เสียเวลา
ยิ่งถ้ารู้ว่าทำอะไรอยู่ก็คง...สู้กลับมาเลยดีกว่า
“ทีหลังรับสักหน่อยก็ดีนะ แม่จะได้ไม่ต้องห่วง”
“ครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอ” ผมตอบก่อนจะถามกลับ
“ฉันจะวางมือ” พ่อพูดออกมาหลังจากผมถาม แต่นั่นก็ทำให้ผมดีใจเหมือนกัน
“จริงเหรอครับ แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ครับ พ่อจะได้พักผ่อนทำงานมาตั้งนานแล้ว” ผมพูดขึ้นทั้งความดีใจที่จะได้รับตำแหน่งต่อจากพ่อ และความเป็นห่วงพ่อจริงๆ
แต่ความดีใจของผมมันก็หายไปในเวลาเพียงไม่ถึงนาที
“ไม่ต้องดีใจไปหรอกว่าแกจะได้ขึ้นมาเป็นประธานต่อจากฉัน” พ่อพูดออกมาเสียงเรียบนิ่ง และนั่นก็ทำให้ผมหุบยิ้มลงทัน
“พ่อหมายความว่าไง อย่าบอกว่าจะให้ไอ้โยมันขึ้นมาแทนตำแหน่งของพ่อน่ะ” ถ้าเป็นแบบนั้นผมไม่มีทางยอมแน่นอน
ถึงไอ้วาโยมันจะช่วยดูและงานในส่วนต่างๆ อยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เข้ามาบริหารงานจริงจังอย่างผม หนำซ้ำมันยังมีผับที่มันชอบดูแลอยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือผมเป็นพี่ชาย เป็นลูกชายคนโต จะให้น้องมาเกินหน้าพี่แบบนี้ผมไม่มีทางยอมทั้งที่ผมพยายามมามากกว่ามัน
“ตอนแรกฉันก็หวังว่าจะให้แกขึ้นมารับช่วงต่อตำแหน่งนี้ ฉันยอมรับว่าแกทำงานออกมาได้ดี...”
“แต่ความรับผิดชอบของแกที่มันมี มันไม่พอและไม่เหมาะกับตำแหน่งประธาน” พ่อพูดเสียงแข็งออกมาทันที
“แล้วเป็นไอ้โยที่เหมาะ?” ผมถามท่านออกไปอย่างไม่พอใจ
“แกไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ไอ้วา ที่พูดฉันหมายถึงว่าฉันจะให้แกกับเจ้าโยทำงาน แล้วฉันจะเป็นคนประเมินงานพวกแกสองคนเอง...”
“ถ้าใครทำงานดีมีความรับผิดชอบตามที่ฉันเห็นสมควร คนนั้นก็จะได้ขึ้นเป็นประธานต่อจากฉัน”
“เอาแบบนั้นก็ได้” ถึงแม้ผมจะไม่พอใจกับสิ่งที่ท่านทำ เพราะผมทำงานมามากกว่าไอ้วาโย แต่อย่างน้อยก็ถือว่าท่านยังไว้หน้าลูกชายคนโตอย่างผมโดยการไม่ยกตำแหน่งนี้ให้ไอ้วาโยไปเลย
และผมก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถทำงานได้ดีกว่าไอ้น้องเจ้าสำราญของผมแน่นอน
“พี่ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้อยากทำนักหรอก” ไอ้วาโยพูดขึ้นเหมือนไม่คิดอะไร แต่ผมไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่หรอก มันอาจจะทำให้ผมตายใจแล้วประมาทมันก็ได้
“พอแล้วๆ บริษัทครอบครัวเราเอง ใครทำก็เหมือนๆ กัน” แม่พูดตัดบทขึ้นเพราะท่านรู้ว่าผมกับไอ้วาโยไม่ค่อยถูกกัน
“ว่าแต่กับหนูธาราเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นพามาหาพ่อบ้าง” แล้วพ่อก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“ช่วงนี้เธอไม่ค่อยว่างน่ะครับ” ไอ้วาโยตอบกลับ
“อะไรกัน พากันทำงานหนักแบบนี้แล้วเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะมีข่าวดี แม่รอหลานมานานแล้วนะ” แม่พูดขึ้นอย่างเอ็นดู
ซึ่งพ่อกับแม่ผมท่านอยากได้หลานมาก และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ท่านให้ความสำคัญกับไอ้วาโย
“อะไรกันครับ ทำไมมาขอจากผมล่ะ ไปขอจากพี่วาสิ” แล้วมันก็โยนมาให้ผม
“หึ! แม่ก็อยากจะขอนะ แต่แกก็รู้ว่าพี่แกคบอยู่กับใคร ให้ตายแม่ก็ไม่เอาหรอก!” แม่พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
ใช่ท่านไม่พอใจการคบกันของผมกับตังเม เพราะไม่งั้นป่านนี้ผมคงมีหลานให้ท่านได้อุ้ม แล้วตำแหน่งประธานอาจจะกลายเป็นของผมโดยไม่ต้องทดสอบอะไรเลยก็ได้
“ผมมีตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ ขืนมีตอนนี้พ่อได้ยกตำแหน่งประธานให้ผมรับขวัญหลานพอดี” ไอ้วาโยพูดขึ้นทีเล่นทีจริง แต่คำพูดของมันก็ทำให้ผมหวั่นไหวได้เหมือนกัน
“ฮ่าๆๆ หลานทั้งคน ฉันให้ได้หมดนั่นแหละ” แล้วพ่อเองก็เออออไปตามมัน
นั่นยิ่งทำให้ผมกลัว กลัวว่าถ้าเกิดไอ้วาโยกับแฟนมันมีลูกขึ้นมาจริงๆ เรื่องที่พ่อพูดไปก่อนหน้านี้จะเป็นโมฆะ แล้วพ่อจะยกตำแหน่งประธานให้มันไปง่ายๆ
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่ฟังคำพูดของใคร แล้วก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรด้วย
แต่ถึงยังไงผมก็ต้องรีบหาทางทำให้ตำแหน่งประธานเป็นของผมให้ได้ ถึงไอ้วาโยจะเป็นน้องผม แต่ผมก็ไม่พร้อมจะเสียตำแหน่งนี้ให้มันไปง่ายๆ เพราะผมพยายามทุ่มเทการเรียนและเวลาเพื่อบริษัทนี้แทบไม่ได้สนใจสิ่งอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ