ชะตาพลิกผัน (ุ60%)
สะบัดศรีษะที่ปกคลุมด้วยผมสลวยขนาดประบ่า เพื่อขับไล่เรื่องราวของพี่ชายออกไปจากหัวสมอง แล้วหันมาดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันร่มรื่นและสวยงามเบื้องหน้า พร้อมกับการจิบกาแฟร้อนๆ ทว่าหอมกรุ่น จนใจเย็นลงถึงได้วางถ้วยกาแฟเปล่าไว้บนโต๊ะ แล้วตั้งสมาธิให้กลับมาจดจ่อเพื่อที่จะได้วาดภาพให้เสร็จ ก่อนกลุ่มหมอกควันที่ปกคลุมต้นซากุระจะเลือนหายไปพร้อมกับแสงตะวันที่เข้ามาแทนที่และให้ความอบอุ่น
ครบกำหนดเวลากับการทำงานให้แม่เลี้ยงคำหล้า เมื่องานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์และผ่านพ้นไปด้วยดี ลักษณ์ณาราก็ตีตั๋วรถทัวร์กลับบ้านที่อยู่ฝังธนบุรีของกรุงเทพมหานครทันที กว่าจะกลับถึงบ้านได้ก็เป็นเวลาพลบค่ำ กดกริ่งหน้าบ้านไปหลายทีก็ไร้วี่แววพี่ชายมาเปิด จึงไขประตูเข้าไปภายในบ้านหลังน้อยที่มืดสนิท
ซึ่งก็เป็นไปตามคาด บ้านเงียบสงัดไร้เงาของพี่ชาย อธิปคงจะอยู่ที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ในวงพนันของบ่อนการพนันที่ไหนสักแห่ง สิ่งที่เธอวาดหวังว่าพี่ชายจะหันหลังให้การพนันอย่างที่เขารับปากอย่างแกนๆ คงไม่เป็นผล เพราะขนาดติดหนี้มากถึงห้าหมื่นเขาก็ยังไม่คิดที่จะเลิกนิสัยเดิมๆ สักที
ปึง…ปึง…ปึง
เสียงทุบประตูของผู้มาเยือนในเวลาค่ำมืดดังแรงระรัวติดกันสามที ทำให้ร่างงดงามที่นอนแผ่หราเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนุ่มหลังน้อยถึงกับสะดุ้งโหยง กระเด้งตัวผุดลุกขึ้นจากพื้นเตียง แล้วค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอนมายืนชิดประตูบานใหญ่ของบ้าน และเงี่ยหูฟังเสียงคนกระทำการอุกอาจถือวิสาสะบุกรุกบ้านคนอื่นในยามวิกาล ใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามจนจะทะลุออกมานอกอกซ้าย หวาดกลัวว่าคนภายนอกจะเป็นโจรผู้ร้าย ครั้นจะเรียกให้เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมาช่วย เสียงเคาะประตูด้วยแรงเน้นหนักกว่าเดิมก็ดังขึ้นอีกครา
“ไอ้อธิป ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ เปิดประตู!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นชิดอีกฟากฝั่งของประตูทำให้คนฟังครั่นคร้าม เรือนกายเพรียวระหงสั่นเทา ยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมา ก่อนจะตัดสินใจทำใจกล้าเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับคนภายนอก เพราะคิดว่าคงหนีไม่พ้นแล้ว ก็อีกฝ่ายเล่นมาจวนตัวเสียขนาดนี้
เสียงเปิดประตูแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าพริ้มเพราของลักษณ์ณาราโผล่พ้นขอบประตูออกมาเล็กน้อย พยายามใช้แรงเท่ามดดึงรั้งประตูในฝั่งของตนไม่ให้แง้มมากเกินกว่าที่เธออยากจะให้เป็น แต่เพียงไม่นานมือเรียวก็ต้องปล่อยจากขอบประตู แล้วผงะถอยหลังออกมาสามก้าว เมื่อเห็นลูกน้องหน้าเหี้ยมของอาเสี่ยพุงพลุ้ยนามว่าวันชัยใช้มือหยาบกร้านผลักประตูเข้ามาเต็มแรง
“พี่ชายเธอไปไหนจ๊ะ คนสวย” เสี่ยวันชัยเจ้าของบ่อนการพนันใหญ่ถามพลางใช้สายตาหยาบโลนมองโลมเลียตั้งแต่หัวจรดเท้าของลักษณ์ณาราโดยไม่คิดจะเกรงใจ ท่าทางและสายตากักขฬะสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้เจ้าบ้านจนขนกายลุกเกรียว
“พี่อธิปเขาไม่อยู่ เสี่ยมีอะไรกับเขาก็ค่อยมาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” ถึงแม้ภายในจิตใจจะหวาดหวั่น แต่ลักษณ์ณาราก็ยังข่มกลั้นบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหว มองหน้าคู่สนทนาตาไม่กะพริบ หากอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อเธอจะได้หาทางหนีเอาตัวรอดได้ทันท่วงที
“พรุ่งนี้ไม่ได้หรอกสาวน้อย เพราะไอ้อธิปมันนัดให้เสี่ยมาเอาเงินวันนี้” ขณะที่พูดอยู่นั้นสายตาจาบจ้วงของเสี่ยวันชัยก็ยังคงมองแทะโลมทั่วทั้งร่างอรชรอ้อนแอ้นไม่เลิก
“พี่อธิปติดเงินเสี่ยอยู่เท่าไหร่” ถามพลางยกสองแขนเรียวเล็กขึ้นกอดอก เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาหยาบคายของอาเสี่ยหน้าเลือดกำลังจับจ้องอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าอกของเธอ
“ห้าแสน” เสี่ยวันชัยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ห้าแสน!” ลักษณ์ณาราอุทานตาโตทวนคำเจ้าหนี้ของพี่ชาย ตกใจจนแทบล้มทั้งยืน นี่พี่ชายเธอมือเติบขนาดนี้เชียวหรือ หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็ได้รับการยืนยันคำตอบเป็นการพยักหน้าจากเสี่ยวันชัย
“เงินมากมายขนาดนี้ฉันไม่มีให้เสี่ยหรอก เอาไว้ต้นเดือนหน้าก็แล้วกัน” ลักษณ์ณาราต่อรอง อย่าว่าแต่ห้าแสนเลย แสนเดียวเธอก็ไม่มีในตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้พี่ชายเธอก็ผลาญไปแล้วตั้งห้าหมื่น แล้วไหนจะยังค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอื่นๆ อีกจิปาถะ
“ถ้าไม่มีเงิน เธอก็ต้องไปกับเรา” อาเสี่ยใจหยาบบอกเสียงแข็ง พร้อมบุ้ยปากส่งสัญญาณให้ลูกน้องหน้าเหี้ยมทั้งสองเข้าจับตัวลักษณ์ณารา เพียงชั่วพริบตาข้อมือน้อยก็ไปตกอยู่ในอุ้งมือหยาบกร้านของชายฉกรรจ์ที่มีหน้าตาไม่ต่างจากโจรห้าร้อย
“พวกแกจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ!” เสียงแหลมหวีดร้องพร้อมทั้งดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม แต่การกระทำของเธอกลับไม่ทำให้ร่างสูงใหญ่สะเทือนเพียงนิด ไม่ต่างอะไรจากการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
“แล้วเธอคิดว่า ผู้ชายจะเอาผู้หญิงไปทำอะไรได้บ้างล่ะ สาวน้อย” เสี่ยพุงพลุ้ยยกมือหยาบกร้านขึ้นลูบปลายคางเหลี่ยมๆ พลางมองร่างดงามเบื้องหน้าตาเป็นมัน ส่งผลให้หญิงสาวขนกายลุกชูชันหวาดผวากับสายตาและท่าทางของเสี่ยใจหยาบ
“ฉันขอเวลาห้าวัน แล้วจะหาเงินมาคืนเสี่ยให้ครบทุกบาททุกสตางค์” เมื่อเห็นว่าเอากำลังเข้าแก้ปัญหาเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล ลักษณ์ณาราจึงเปลี่ยนมาเจรจาด้วยความประนีประนอม เอ่ยปากต่อรองอย่างคนใช้สมองมากกว่าที่จะใช้กำลัง พร้อมกันนั้นก็พยายามบิดข้อมือออกจากอุ้งมืออันน่าสะอิดสะเอียน
“ฮะๆๆ ใครเชื่อเธอก็บ้าแล้วคนสวย หากฉันให้เวลาเธอตามที่ขอ เธอก็ชิ่งหนีกันพอดี” เสี่ยงวันชัยแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะแสดงเจตนาด้วยการพูดกลั้วหัวเราะว่าจะไม่ยอมให้เธอประวิงเวลา
“ได้โปรดเถอะ ฉันไม่เบี้ยวเสี่ยแน่นอน” เมื่อไม่มีทางเลือกลักษณ์ณาราจึงยอมลดศักดิ์ศรี ปรับโทนเสียงให้ดูน่าฟัง เอ่ยขอร้องอาเสี่ยใจร้ายอีกครา
ทั้งที่ไม่รู้ว่าภายในระยะเวลาห้าวันจะไปหาเงินตั้งห้าแสนมาจากไหน แต่เธอก็อยากจะขอยืดลมหายใจของตัวเองออกไปบ้าง เพราะรู้ดีว่าอาเสี่ยใจหยาบคนนี้ไม่เพียงเปิดบ่อนการพนันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขายังทำธุรกิจมืดค้ามนุษย์อีกด้วย ซึ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยในละแวกนี้หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ เพราะคนในครอบครัวติดเงินเสี่ยวันชัยแล้วไม่มีเงินใช้หนี้ และเธอก็กลัวว่าตัวเองจะต้องประสบชะตากรรมเหมือนกับผู้หญิงเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
“อย่าพูดมาก เอาตัวไป!” เสียงกระด้างของเสี่ยวันชัยตวาดดังก้อง ชักรำคาญกับความลีลาท่ามากของแม่สาวน้อยวัยกำดัด ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้ลูกน้องจัดการอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ขาดคำของเจ้านายชายหน้าเหี้ยมก็จัดการสาวร่างเล็กทว่าพยศเหลือใจด้วยการโปะผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มไปด้วยยาสลบลงไปบนสันจมูกเชิดรั้น ร่างบางที่ดิ้นรนเอาตัวรอดพลันอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ในชั่วพริบตา และคงจะล้มลงหัวฟาดพื้นหากลูกน้องของเสี่ยวันชัยไม่ช้อนอุ้มเธอเสียก่อน
จากนั้นผู้กระทำการอุกอาจทั้งสามก็อุ้มร่างไร้สติของลักษณ์ณาราไปขึ้นรถ และขับออกไปจากบ้านหลังน้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ว่าไงเฮนรี่” เพียงเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้อาเสี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นเท่าทวี รีบกดรับสายของอีกฝ่ายแล้วกรอกเสียงลงไปทันที
“ฉันเสียดายจังที่ไม่ได้ลิ้มลองเธอสาวน้อย” หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จเสี่ยวันชัยก็ใช้มือหยาบกร้านลูบไล้แก้มเนียนใสอย่างแสนเสียดาย เหตุก็เพราะว่าผู้ร่วมขบวนการเพิ่งโทรมากำชับว่าห้ามแตะต้องสินค้าให้มีรอยราคี เพราะการประมูลครั้งนี้มีแต่เหล่าบรรดามหาเศรษฐีกระเป๋าหนักซึ่งเงินก็ทำให้เสี่ยวันชัยตาโตจนยอมที่จะละความตั้งใจในการลิ้มรสลักษณ์ณารา
“สวยและเซ็กซี่อย่างเธอคงทำเงินให้ฉันได้ไม่น้อย” พูดกับตัวเองอย่างพออกพอใจ ยอมรับด้วยสายตาประจักษ์ว่าน้องสาวไอ้อธิปมันสวยชนิดหาตัวจับยากและเซ็กซี่ขยี้ใจ เหมือนที่พี่ชายมันเคยคุยโวโอ้อวดเอาไว้ไม่มีผิด อยากจะพาขึ้นเตียงไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้า แต่ก็ต้องหักใจเพราะงานใหญ่และเงินกำลังรออยู่
“แล้วเสี่ยจะเอายังไงต่อไปครับ” ผู้ที่นั่งในตำแหน่งคนขับเอี้ยวหน้ากลับมาถามไถ่ผู้เป็นนายเพียงนิด ก่อนจะหันกลับไปมองเบื้องหน้าของท้องถนนดังเดิม
“ส่งตัวเธอขึ้นเรือไปสวีเดนทันทีที่ถึงท่าเรือ” สั่งลูกน้องเสร็จเสี่ยวันชัยก็เมินหน้าเหลี่ยมๆ ของตัวเองออกไปมองนอกกระจกรถด้วยเกรงว่าหากจับจ้องที่ใบหน้าสวยสะพรั่งดั่งดอกไม้แรกแย้มของคนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มไปนานๆ จะทำให้เขาตบะแตกขึ้นมาได้
“ครับเสี่ย” ลูกน้องหน้าเหี้ยมรับคำผู้เป็นนายอย่างแข็งขัน พลางเหยียบคันเร่งตรงไปยังท่าเรือที่เสี่ยวันชัยใช้ในการส่งผู้หญิงไปยังต่างแดนเป็นประจำ
เมื่อลักษณ์ณารารู้สึกตัวอีกที เท้าน้อยทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ได้เหยียบอยู่บนผืนแผ่นดินถิ่นสยามอีกแล้ว สิ่งที่เธอเหยียบอยู่มันคือพื้นของเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ที่กำลังล่องลอยอยู่ในน่านน้ำที่ไหนสักแห่ง ซึ่งเธอก็มิอาจทราบได้เพราะตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่เคยขึ้นเรือมาก่อน รู้แต่ว่าทุกอย่างมันดูโคลงเคลงชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน
บนเรือลำนี้มีหญิงสาวอีกนับสิบชีวิตที่ถูกจับมา และแน่นอนว่าทุกคนล้วนไม่เต็มใจ เพราะบางคนยังมีร่องรอยของคราบน้ำตาเปื้อนตามใบหน้าอยู่
เธอจะต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้จงได้ ไวเท่าความคิดลักษณ์ณาราซอยเท้าไปยังประตูทันที เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก ปากรูปกระจับก็เผยยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ก่อนจะวิ่งไปทะลุสู่อีกห้องใหญ่ที่ดูโล่งกว้าง ร่างบางหันรีหันขวาง หัวใจเต้นระทึกราวกับมีกลองเพลบรรจุอยู่นับสิบใบ
“นั่นเธอคิดจะไปไหนสาวน้อย” เสียงห้วนติดจะดุที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับมามองเจ้าของเสียงที่ยืนจังก้าอยู่ไม่ไกลจากแผ่นหลังสะท้าน ก่อนจะสาวเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปยังประตูทางออก แต่เมื่อเธอไปถึงประตูกลับล็อค
“เปิดสิไอ้ประตูบ้า” มือทั้งสองข้างทั้งบิดทั้งดึงประตูบานนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก เพราะถูกล็อคกุญแจอย่างแน่นหนาจากภายนอก อึดใจต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ มาหยุดลงในระยะประชิดแผ่นหลังบอบบาง เหลียวหลังกลับมามองทั้งดึงประตู ก็เห็นว่าลูกน้องหน้าเหี้ยมของเสี่ยวันชัยกำลังแสยะยิ้มให้
“ทำยังไงก็หนีไม่รอดหรอกสาวน้อย กลับไปห้องเดิมที่เธออยู่” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นเหนือศรีษะน้อย ไม่นานเสียงห้วนก็ตะคอกออกคำสั่งตามมา ใบหน้าถมึงทึงจนน่าขนหัวลุก ก่อนจะกระชากมือเธอออกจากลูกบิดประตู
“ไม่ ปล่อยฉันไปนะ แกไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” สะบัดแขนพร้อมดิ้นเร่าๆ ให้หลุดพ้นจากอุ้งมือสาก ชายหน้าโหดมองแม่สาวจอมพยศอย่างโมโห ดีแล้วที่นายของเขาเรียกใช้บริการขนส่งแม่สาวพวกนี้มาทางเรือ หากขนกันมาทางเครื่องบินคงไม่พ้นโดนจับเพราะความโวยวายของผู้หญิงเป็นแน่
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อพี่ชายของเธอยกเธอใช้แทนหนี้แล้ว” ร่างบางที่ดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธการร้าย พลันหยุดชะงักลง เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ช็อกกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้