5 เริ่มต้นใหม่
เวลาเที่ยงครึ่งพิมพ์พริมาก็เดินทางมาถึงตึกสูงแห่งหนึ่งเมื่อแจ้งกับประชาสัมพันธ์ด้านล่างตึกแล้วเขาก็ให้เธอขึ้นไปยังชั้นเก้าซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพีวีคอนสตรัคชั่น
ในการมาสัมภาษณ์ครั้งนี้ทางบริษัทเรียกแค่พิมพ์พริมาคนเดียว เพราะตอนนี้พนักงานบัญชีคนเดิมลาออกอย่างกะทันหันทำให้ตำแหน่งนี้ว่างลง ส่วนตำแหน่งอื่นตามที่ประกาศรับสมัครนั้นต้องรอให้ถึงวันหมดเขตแล้วจึงนัดให้มาสัมภาษณ์
คนที่มาสัมภาษณ์ในวันนี้คือหัวหน้าแผนกบัญชีชื่อสุกัญญาซึ่งทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
คำถามส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกความรู้ทั่วไป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทัศนคติในกาทำงานร่วมกันเป็นทีมรวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวถ้าหากถูกเรียกมาทำงานในวันหยุดหรือต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับพิมพ์พริมาเลย
“ตกลงพี่รับว่านเขาทำงานเลยก็แล้วกันนะ พร้อมจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” คุณสุกัญญาหัวหน้าแผนกบัญชีบอกกับพิมพ์พริมาหลังจากคุยกันมาสักพัก
“วันจันทร์นี้ก็ได้ค่ะ” พิมพ์พริมาตอบด้วยความมั่นใจเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกสองวันและคิดว่าการร่วมงานวันจันทร์น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
“เริ่มงานได้เร็วกว่าที่พี่คิดไว้นะ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้ที่แผนกก็ค่อนข้างจะยุ่งมาก”
“ค่ะพี่สุ”
“ตกลงวันจันทร์ว่านมาถึงก็เข้าไปขอบัตรประจำตัวและรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลก่อน จากนั้นก็ไปหาพี่ที่แผนกบัญชีนะ”
“ค่ะพี่สุ ขอบคุณนะคะที่รับว่านเข้าทำงาน”
“พี่เห็นประวัติการทำงานของว่านแล้วนะ ว่านเคยทำงานในบริษัทใหญ่มาก่อนการมาทำงานที่นี่ก็คงช่วยงานพี่ได้มาก”
“ว่านต่างหากที่ต้องขอคำแนะนำจากพี่ค่ะ ประสบการณ์ของว่านมันน้อยมากเมื่อเทียบกับพี่”
“พี่ก็ไม่รู้จะแนะนำว่านได้มากแค่ไหน เอาเป็นว่าเรามาช่วยกันทำงานดีกว่านะ”
“ค่ะพี่สุ”
“แต่ก่อนที่เราจะร่วมงานกันพี่ขอถามได้ไหมว่าทำไมว่านถึงลาออกจากบริษัทใหญ่ขนาดนั้นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” สุกัญญาถามลูกน้องคนใหม่ แต่เรื่องนี้เธอไปสืบมาแล้วว่าที่พิมพ์พริมาลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องงานเลย แต่เป็นเพราะเธอมีปัญหากับแฟนหนุ่มและไม่อยากจะทำงานในบริษัทเดียวกันก็เท่านั้น แต่ที่ต้องถามพิมพ์พริมาอีกครั้งก็เพราะอยากจะฟังคำตอบจากปากของเธอว่าจะตอบตรงกับเรื่องไปสืบมาหรือเปล่า
“ที่ว่านลาออกจากบริษัทเดิมว่านไม่มีปัญหาเรื่องงานหรอกค่ะแต่ว่านมีปัญหากับคนมากกว่า” หญิงสาวตอบไปตามความจริงเพราะถ้าจะร่วมงานกันเธอก็ไม่อยากจะปกปิดอะไร
“หมายถึงทะเลาะกับคนในแผนกเหรอ” สุกัญญาแกล้งถามต่อ
“เปล่าหรอกค่ะ ว่านไม่ได้ทะเลาะกับใครในแผนกแต่ว่านมีปัญหากับแฟนเก่าค่ะ แฟนเก่าของว่านกับแฟนใหม่ของเขาทำงานอยู่ที่นั่นว่านไม่อยากเจอพวกเขาก็เลยตัดสินใจลาออกค่ะ”
“แค่นั้นใช่มั้ยไม่ได้มีปัญหาอื่นแน่นะ”
“แน่ค่ะพี่สุ ว่านไม่มีปัญหากับใครในบริษัทเลยพี่สุจะโทรไปถามฝ่ายบุคคลที่นั่นก็ได้นะคะ การลาออกของว่านจะเรียกว่าการลาออกเพราะอกหักค่ะ”
“แล้วตอนนี้ทำใจเรื่องนั้นได้แล้วใช่ไหม”
“ทำใจได้แล้วค่ะ ว่านถึงมาสมัครงานและคิดว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ”
“พี่ดีใจด้วยที่คิดได้และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ การทำงานมันแสดงถึงความมีคุณค่าในตัวเอง ถ้าเรามีความรู้มีความสามารถมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้บางครั้งผู้ชายก็ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตหรอกนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สุ ว่านก็คิดแบบพี่สุ แต่อาจจะคิดช้าไปหน่อยเลยปล่อยให้ตัวเองว่างงานเกือบสองเดือน”
“แต่ก็ถือว่าดีแล้วที่รู้ใจตนเองและกลับมารักตัวเอง มาเริ่มทำงานอีกครั้ง”
“ค่ะพี่สุ ว่านคิดว่าคงไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราหรอกค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้วไม่หลงเหลือความเศร้าสักนิด
สุกัญญารู้สึกถูกชะตากับลูกน้องคนใหม่เป็นอย่างมากเพราะเรื่องที่เธอตอบมันเป็นความจริงทั้งหมด อีกครั้งหญิงสาวยังตอบด้วยท่าทางที่มั่นใจไม่มีอะไรปิดบังมันเลยทำให้เธอคิดว่าจะทำงานกับพิมพ์พริมาได้เป็นอย่างดี
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นวันนี้ว่านกลับไปก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์”
“ได้ค่ะพี่สุ ว่านขอบคุณอีกครั้งนะคะที่พี่สุให้โอกาสว่านได้กลับมาทำงาน”
เมื่อบอกลาหัวหน้าแผนกบัญชีแล้วพิมพ์พริมาก็นั่งรถเมล์ กลับมายังห้องพักซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาทีเท่านั้นแต่เธอไม่รู้ว่าในวันทำงานปกติอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้ซักครึ่งชั่วโมงเพราะรถน่าจะติดและคนใช้บริการรถเมล์ก็น่าจะมากกว่าเวลาบ่ายแบบนี้
หญิงสาวรีบโทรศัพท์ไปหาอรนลินเพื่อนรักเพื่อบอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะเริ่มงานในวันจันทร์หน้า
“ดีใจด้วยนะว่าน ไปสมัครงานเมื่อวานแต่บริษัทรับเข้าทำงานวันนี้ว่านโชคดีมากๆ เลย”
“ว่านก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะรับเข้าทำงานเร็วขนาดนี้”
“เขาบอกเหตุผลหรือเปล่า”
“เขาบอกว่าพนักงานบัญชีคนเก่าลาออกกะทันหันก็เลยอยากได้คนที่พร้อมจะเริ่มงานเลย”
“อย่างนี้เราต้องฉลองกันดีไหม”
“ดีสิ แต่นุ่นจะว่างเหรอ”
“ว่างสิ ตอนนี้ว่านอยู่ไหนเหรอ”
“เพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อกี้ นุ่นล่ะ”
“นุ่นออกมาเจอลูกค้าแถวหอพักของว่านพอดี เดี๋ยวนุ่นแวะรับนะแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีไหม”
“ไม่ต้องกลับไปทำงานต่อเหรอ”
“ไม่หรอกบ่ายวันศุกร์แบบนี้ใครเขากลับเข้าไปทำงานกันล่ะว่าน ให้นุ่นไปรับนะ”อรนลินพูดแล้วหัวเราะเพราะบริษัทที่เธอทำอยู่เป็นบริษัทของครอบครัวการจะเลิกงานก่อนเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
“ได้สินุ่นอยากกินอะไรเดี๋ยวว่านเลี้ยงเอง”
“ได้ยังไงล่ะนุ่นต้องเป็นคนเลี้ยงฉลองให้กับว่านสิเพราะว่านเพิ่งได้งานอยากกินอะไรล่ะว่ามา ชาบูปิ้งย่างดีไหมหรือจะเลือกเป็นส้มตำแซ่บๆ”
“ขอเป็นส้มตำแซ่บๆ ดีกว่านะกินร้านหน้าปากซอยดีไหม”
“อือ”
“งั้นว่านลงไปสั่งไว้รอนะพอนุ่นมาถึงจะได้กินพอดี ว่าแต่อีกนานไหมกว่าจะมาถึง”
“ประมาณยี่สิบนาที”
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวว่านลงไปสั่งไว้รอนะ นุ่นจอดรถที่หน้าร้านได้เลยไม่ต้องเข้ามาที่หอ”
“สั่งเยอะๆ นะว่านตอนนี้นุ่นหิวมากเลย”
“ได้สิ รีบมานะ”
เมื่อวางสายจากอรนลินแล้วหญิงสาวก็รีบไปยังร้านส้มตำที่อยู่หน้าปากซอย เธอสั่งเมนูที่ชอบรับประทานกันเป็นประจำ รอไม่นานนักรถของอรนลินก็มาจอดที่หน้าร้าน