2 ส่วนใหญ่เข้าหาเพราะเงิน
“ลองบอกมาก่อนสิว่าคุณจะให้ผมทำอะไรถ้าเกิดเป็นเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาผมก็ซวยแย่สิ”
“โธ่...คุณไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอะไรหรอกนะ ง่ายๆ เองตกลงไหม”
“แน่นะครับ”
“ค่ะ ฉันแค่จะขอยืมมือคุณแค่นั้น”
“ยืมมือผมเอาไปทำอะไร” ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัย
“เถอะน่า ตกลงไหมล่ะ”
“อือ แล้วผมต้องทำยังไง” ภาวินท์ตอบตกลงเพราะเขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไรต่อ
“คุณนั่งจับช้อนกับตะเกียบไว้แบบนั้นนะ ทำเหมือนกำลังจะกินก๋วยเตี๋ยว ฉันขอถ่ายรูปคุณแป๊บเดียวเอง”
“ถ่ายรูปเหรอ”
“ก็ใช่นะสิ”
“จู่ๆ จะมาถ่ายรูปกันได้ไง”
“ฉันไม่ถ่ายให้เห็นหน้าคุณหรอกน่า ฉันถ่ายแค่ข้อมือเองนะ”
“แล้วคุณจะเอารูปผมไปทำอะไร”
“ฉันก็แค่จะโพสต์ลงในสตอรี่ว่าฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชาย”
“ผมว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ นะ”
“ไม่แปลกหรอกน่าตกลงนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบเธอถ่ายรูปเขาจากนั้นก็โพสต์ลงสตอรี่ทันที
“นี่ไงคะ” พูดแล้วเธอยื่นโทรศัพท์ให้กับชายหนุ่มดู
“ก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้หวานมาก คืออะไร” เขาอ่านข้อความใต้ภาพแล้วถามขึ้นและมองหน้าเธอสลับกับโทรศัพท์
“ก็หมายความว่าวันนี้ฉันมากินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ชายไงล่ะ”
“จะไม่มีปัญหาตามมาทีหลังแน่นะ”
“ไม่หรอก เพราะไม่ได้เห็นหน้าคุณสักหน่อย”
“แล้วทำไมคุณถึงโพสต์ลงไปแบบนั้นล่ะ”
“ก็ฉันอยากจะให้คนอื่นรู้ไงว่าตอนนี้ฉันมีคนมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยแล้วไม่ได้กินคนเดียวอย่างเคย”
“ถ้าเดาไม่ผิดคงอยากจะให้แฟนคุณหึงใช่มั้ยล่ะ”
“เรียกว่าแฟนเก่าดีกว่าค่ะเพราะฉันกับเขาเลิกกันแล้วและตอนนี้ฉันก็กำลังมีคนใหม่”
“คุณคงไม่ได้หมายถึงผมใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้หมายถึงคุณหรอกค่ะ ก็แค่โพสต์ไปอย่างนั้นเอง เอาล่ะตกลงเราแยกกันตรงนี้นะเดี๋ยวฉันจะจัดการจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวให้”
“คุณจะไม่ให้ผมโอนค่าก๋วยเตี๋ยวคืนให้แน่นะครับ”
“ไม่ต้องหรอกแค่นี้ก็ถือว่าหายกันแล้ว”
“เอาไว้เจอกันครั้งหน้าผมจะเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณตกลงไหม”
“ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้งนะคะ แต่ฉันว่าคงยากค่ะ ไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินไปชำระเงินค่าก๋วยเตี๋ยวสามชามจากนั้นก็เดินหายเข้าไปในซอย
ภาวินท์มองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เธอทำเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีน้ำใจอยู่มาก เธอกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่เธอก็ชำระค่าก๋วยเตี๋ยวให้เขาซึ่งถ้าหากเธอไม่ทำแบบนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าแม่ค้าจะยอมให้เขาติดเงินค่าก๋วยเตี๋ยวไว้ก่อนไหม วันนี้เขารีบออกมาจากบริษัทจนไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาอีกทั้งแบตโทรศัพท์ก็หมดอีกด้วย
ชายหนุ่มกลับมายังคอนโดมิเนียมของตัวเองในเวลาเกือบจะเที่ยงคืน เขาอาบน้ำแต่งตัวและมานั่งทำงานต่อดึก
ภาวินท์เรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์และทำงานหาประสบการณ์อยู่สี่ปีก่อนจะลาออกมาเปิดบริษัทรับสร้างบ้านและออกแบบบ้านครบวงจรจากบริษัทเล็กๆ เมื่อหลายปีก่อนตอนนี้กลายเป็นบริษัทที่มีโครงการระดับใหญ่ซึ่งมันก็หมายถึงเขาต้องรับผิดชอบมากขึ้นด้วย
ชายหนุ่มชวนรุ่นพี่และรุ่นน้องที่เคยเรียนด้วยกันเขามาทำงาน ด้วยกันอยู่หลายคน แม้ตำแหน่งที่เขาทำอยู่จะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ทุกครั้งที่ไซต์งานมีปัญหาเขาก็มักลงไปดูแลและช่วยวิศวกรที่คุมโครงการแก้ปัญหาเพราะตนเองก็ผ่านงานด้านนี้มาก่อนจึงมีประสบการณ์ค่อนข้างมากอยู่
เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้จากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีบิดามารดาทำงานรับราชการเป็นครูทั้งคู่และท่านก็ไม่เห็นด้วยเลยที่เขาลาออกจากบริษัทใหญ่เพื่อมาเปิดบริษัทของตัวเอง
เนื่องจากบิดามารดาของเขากลัวว่าลูกชายจะไปไม่รอด แต่ภาวินท์ก็พิสูจน์ตัวเองให้ท่านทั้งสองเห็นแล้วว่าเขาสามารถประคับประคองบริษัทและขยายจนมันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาห้าปีเท่านั้น
ชายหนุ่มทำให้บิดามารดาภูมิใจมากแต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่สามารถทำให้บิดามารดาได้ตามที่ท่านร้องขอก็คือการแต่งงานและมีครอบครัว เพราะยังสนุกกับการใช้ชีวิตแบบนี้และไม่อยากมีข้อผูกมัดหรือพันธะกับใครทั้งนั้น
ภาวินท์คิดว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันอิสระและมีความสุขมากกว่าการที่ต้องกลับบ้านไปเจอคนเดิมๆ กินข้าวกับคนเดิมๆ ซึ่งเขาคิดว่าตนเองไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น ชายหนุ่มต้องการความสนุกและความตื่นเต้น เขาไม่มีผู้หญิงคนไหนที่คบอย่างจริงจังเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาเขาไม่มีใครจริงจังกับเลย พวกเธอก็เห็นแก่เงินของเขาทั้งนั้น
ที่เขาคิดแบบนี้ก็เพราะผู้หญิงบางคนเขาเคยคุยด้วยตอนที่ทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทพวกเธอไม่สนใจจะมองเขาด้วยซ้ำ
แต่เมื่อกลายมาเป็นเจ้าของบริษัทพวกเธอกลับให้ความสนใจและอยากจะคุยด้วย ซึ่งมันทำให้เขาเข้าใจดีว่าพวกเธอไม่ได้ชอบที่ตัวตนของเขาแต่ชอบเงินของเขามากกว่า ตอนนี้ภาวินท์ยังไม่เจอผู้หญิงที่ชอบเขาด้วยใจจริงและคิดว่าคงยากมากที่จะเจอผู้หญิงแบบนั้นเนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาค่อนข้างดูถูกผู้หญิงและไม่เปิดใจคบหากับใคร