บทที่ 6 พบกันครั้งแรก 2
“ทำอะไรกันอยู่ครับคุณแม่” ปราณปวิชถามขณะทรุดกายนั่งข้างมารดา หลุบตามองพวงชมพูที่นั่งนวดเท้านารถลดาแล้วเบ้ปาก เพราะคิดว่าเรื่องที่พวงชมพูทำคือการสร้างภาพ “ชมมานวดเท้าให้คุณแม่หรือครับ”
“ใช่จ้ะ มานวดให้ทุกวันเลย แม่เลยไม่ปวดเท้า เท้าก็ไม่ชาตอนเช้าด้วย ไม่เพียงแค่นวดเท้านะ ชมยังนวดตัวเก่งอีกด้วย เวลาแม่เมื่อยก็ได้ชมนี่แหละคอยบีบนวดให้” คำบอกเล่าที่ได้ยิน ทำให้ปราณปวิชนึกแผนด่วนขึ้นมาได้ทันใด
“พูดถึงเรื่องนวด ผมกะว่าวันนี้ช่วงบ่ายจะไปนวดซะหน่อย นั่งเครื่องบินมาสบกว่าชั่วโมงหลังรู้สึกร้าวยังไงไม่รู้ ปวดเนื้อเมื่อยตัวไปหมด แต่พอหัวถึงหมอนกลับหลับซะงั้น สงสัยพรุ่งนี้คงต้องไปหาร้านนวดดีๆ สักร้าน” ปราณปวิชพูดไปก็บิดตัวไป ราวกับว่าปวดเมื่อยจริงๆ
“ชมนวดได้นี่ลูก นวดดีกว่าหมอนวดซะอีกนะ” นารถลดาพูดแบบนี้ก็เข้าทางคนเป็นลูก
“ผมไม่กล้ากวนชมหรอกครับ นวดให้คุณแม่แล้วก็ต้องมานวดให้ผมอีก ผมทนได้แค่คืนเดียวเอง พรุ่งนี้จะไปนวดที่ร้าน”
ปราณปวิชออกตัวเป็นพิธี ลุ้นอยู่ว่า นารถลดาหรือพวงชมพูจะเอ่ยคำใด ในหัวก็คิดแผนสำรองไว้ด้วย
“ชมนวดให้พี่ปราบได้นะคะ อาจจะไม่ดีเท่าหมอนวดที่เคยนวดพี่ปราบ แต่ก็เชื่อว่าช่วยให้พี่ปราบหายเมื่อย นอนหลับสบายค่ะ”
พวงชมพูไม่ขัดข้อง เธอเต็มใจทำให้ครอบครัวปริญญา ถือว่าตอบแทนบุญคุณไปในที
“แม่รับรองว่า ปราบจะต้องหลับสบายยันเช้าแน่นอนจ้ะ” นารถลดากล่าวเสริม
“คุณแม่พูดแบบนี้ ผมคงไม่ลองไม่ได้” ปราณปวิชยิ้มในใจที่แผนสำเร็จ “ขอบใจชมล่วงหน้านะที่จะนวดให้พี่”
“ชมยินดีค่ะพี่ปราบ” พวงชมพูยิ้มให้ปราณปวิช
และเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าตกอยู่ในมนต์สะกดอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่รอยยิ้มนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น แต่เหตุใดใจมันกระตุกก็มิทราบได้ หรืออาจเป็นเพราะ เป็นรอยยิ้มบริสุทธิ์บนใบหน้าที่ไร้การปรุงแต่ง มันจึงสวยสดงดงามจับใจ เขารีบสะบัดความรู้สึกนั้นให้หลุดไปจากสตินึกคิด เขาจะโอนอ่อนคล้อยตามความสวยงามตรงหน้าไม่ได้ มันคือการเสแสร้ง เป็นมายาของลูกผู้หญิงแพศยาแย่งสามีมารดาตนไป
“ขอบใจอีกครั้งนะ” เป็นคำพูดที่ซ่อนความร้ายกาจไว้เต็มที่
“คุณป้ารอชมแปปนึงนะคะ ชมไปเอาน้ำมันนวดที่ห้องก่อน ชมเพิ่งซื้อมาเมื่อวานซืนค่ะ ใช้น้ำมันนวดกลิ่นของมันจะทำให้คุณป้านอนหลับสบายค่ะ” พวงชมพูพูดจบก็ยกกะละมังน้ำไปเทในห้องน้ำ ก่อนเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหยิบของที่ต้องการ
“ชมเป็นเด็กดีนะลูก น่ารัก นิสัยก็ดี ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ชมก็มานวดให้แม่ทุกวัน ดูแลแม่อย่างดีเลยนะ”
ปราณปวิชแปลกใจกับคำชื่นชมจากปากมารดา พวงชมพูเป็นลูกเอมอรภรรยาน้อยสามีที่ควรจะไม่ให้เข้าใกล้หรือพูดให้รู้สึกได้ว่า ให้ความรักความเมตตา แต่สำหรับปราณปวิช เขาคิดว่าการกระทำของพวงชมพูคือการเสแสร้งแกล้งทำเป็นดีด้วย เพื่อกลบความผิดของมารดา
“ดูเหมือนคุณแม่จะรักและเมตตาชมมากเลยนะครับ ทั้งที่ชมเป็นลูกของน้าอร เมียน้อยคุณพ่อ”
“ก็ชมเป็นเด็กดีจริงๆ นี่ลูก อีกอย่างแม่ก็ยอมให้อรกับชมเข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ก็ต้องยอมรับอรกับชมไม่ใช่หรือลูก” นารถลดาตอบบุตรชาย “แม่อยากให้ปราบมองอีกมุมของอรกับชมนะลูก สองแม่ลูกคู่นี้เป็นคนดี แม่สัมผัสด้วยตัวเองแม่เลยพูดได้”
‘คนดีของคุณแม่เป็นเมียน้อยคนอื่นนี่น่ะครับ สำหรับผม ผมถือว่าเป็นคนเลว’
เป็นคำพูดโต้แย้งในใจ ทว่าคนเป็นลูกไม่คิดเช่นนั้น ปราณปวิชเกลียดชังสองแม่ลูกมากกว่าจะมองเห็นด้านดี แต่ที่ไม่อาละวาด ไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงเพราะต้องการแก้แค้นเงียบๆ ให้เอมอรกับลูกเจ็บจนกระอัก
“ผมจะพยายามทำเพื่อคุณพ่อกับคุณแม่ครับ” เขาต้องพูดดีไว้ก่อน “อีกอย่างจะค้านหรือทำอะไรตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ สู้ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นดีกว่าครับ”
“แม่ดีใจนะที่ปราบคิดอย่างนี้ และขอบใจลูกมาก”
การสนทนาของสองแม่ลูกยุติลงเมื่อพวงชมพูเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับน้ำมันนวดตัว
“ผมไปรอชมที่ห้องนะครับ จะได้อาบน้ำเลย เผื่อผมหลับตอนชมนวด” ปราณปวิชขอไปเตรียมตัว
“จ้ะลูก” นารถลดารับคำลูกชาย พวงชมพูบีบนวดให้เจ้าของห้องอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งใช้เวลาราวสามสิบห้านาทีการนวดจึงเสร็จสิ้น จากนั้นหมอนวดจำเป็นเดินออกจากห้องนารถลดา ไปยังห้องของปราณปวิชคนที่ตนต้องนวดเป็นคนต่อไป