ตอนที่ 2
กะพริบ หล่อนสวยจริงอย่างที่สายสมรว่า
“นี่คุณคิมหันต์ซีอีโอของบริษัทค่ะ”
สายสมรแนะนำผู้เป็นนาย
“สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวใบหน้าสวยหวานปานน้ำผึ้ง กระพุ่มมือไหว้อ่อนช้อย สายตาตะลึงมองคิมหันต์ นึกชมอยู่ในใจว่าตัวจริงเขาหล่อกว่าภาพบนหน้าปกแมกกาซีนที่หล่อนเคยเห็น ผู้ชายคนนี้ชื่อดัง เขาคือนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เข้าตำราที่ว่า ‘อายุน้อยร้อยล้าน’ เป็นซีอีโอที่สังคมกำลังจับตามองอย่างชื่นชม
“คุณคิมจะเป็นคนสัมภาษณ์”
กล่าวจบสายสมรรีบใส่เกียร์ถอยหลังกลับออกมาจากห้อง ทิ้งหญิงสาวให้อยู่ลำพังในห้องทำงานของบอสสองต่อสอง
“นั่งสิ...”
มือใหญ่ผายไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตรงหน้าโดยมีโต๊ะทำงานคั่นกลาง
“ขอบคุณค่ะ”
ตอบพลางหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้หนังสีน้ำตาลเข้ม สองมือประสานกันไว้ที่ตัก ท่าทางเกร็งจนเห็นได้ชัด เมื่อต้องมานั่งอยู่ต่อหน้าคิมหันต์ ผู้ชายที่สาวๆ เห็นแล้วต้องละลายไปตามกัน
“รีแลกซ์...”
คิมหันต์ยิ้มกว้าง หงายฝ่ามือสองข้าง อยากให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกผ่อนคลายที่จะพูดคุยกับเขา
“ชลันดา...”
เขาสะกดชื่อของหล่อนที่ปรากฏอยู่ในใบสมัคร สายตากวาดไปตามแถวของตัวอักษร
“ค่ะ... ชลันดา”
หล่อนตอบ
“ชื่อเพราะนะ”
กล่าวโดยไม่มองหน้าหล่อน สายตาคมกริบยังคงกวาดไล่ลงมาอ่านประวัติที่กรอกไว้ด้วยลายมือสวย เส้นสายปากกาสีน้ำเงินของตัวอักษรดูสม่ำเสมอ ชลันดาจบปริญญาตรีจากคณะครุศาสตร์สาขาปฐมวัยของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
“จบครุศาสตร์ทำไมไม่ไปเป็นครู”
เขาสงสัย
“รอเปิดสอบบรรจุค่ะ”
หญิงสาวตอบ แม้ว่าตามแผนการสอบบรรจุจะเปิดในปีหน้า หากก็รู้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะสอบได้ ใช่ว่าทุกคนที่เรียนครูจะได้เป็นครูหลังเรียนจบ ทุกวันนี้คนสมัครเป็นหมื่นเป็นแสน แต่รับได้แค่เพียงหลังร้อยหลักพัน
“รักเด็กไหม...”
คิมหันต์ถามยิ้มๆ ใช้คำถามราวกับว่าหล่อนมาสมัครประกวดนางงาม ลักษณะการคลี่ยิ้มมุมปากและดวงตาวาววาบ แฝงประกายเจ้าชู้ชัดเจน วิธีการที่เขามองหล่อน ทำให้ชลันดารู้ว่าผู้ชายรูปหล่อถึงขั้นทำเอาใจสะท้านคนนี้เจ้าชู้นัก
“ค่ะ... ที่ดิฉันเลือกเรียนสาขาปฐมวัยก็เพราะรักเด็กค่ะ ชอบทำงานกับเด็ก”
ชลันดาตอบตามจริง
“ดี... ฉันก็รักเด็กเหมือนกัน...”
น้ำเสียงบอกความพึงพอใจ
“เธอเพิ่งอายุยี่สิบ... แสดงว่าเข้าเรียนเร็วสินะ”
เขาดูจากข้อมูลในใบสมัครที่หล่อนกรอกเอาไว้
“ค่ะ...”
ชลันดาพยักหน้า ตอบเพียงสั้นๆ
“บังเอิญตอนนี้ตำแหน่งที่เธอสมัครเต็มหมดแล้ว”
คำพูดของคิมหันต์ทำให้ความหวังของชลันดาดับวูบลงทันที กระทั่งเขาเอ่ยตามมาอีกประโยค
“แต่ฉันมีตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่าสำหรับเธอ... ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะรับไหม”
คำพูดของซีอีโอหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าที่ดังขึ้นอีกครั้ง จุดประกายความหวัง วาววาบขึ้นในดวงตาของชลันดาอีกหน
“สนใจค่ะ”
ตอบทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาจะให้ทำงานอะไร หล่อนจ้องตาคิมหันต์ นิ่งไปชั่วขณะ… เพื่อรอฟังว่าเขาจะให้ทำงานในตำแหน่งใด
“เธอเคยได้ยินคำว่า ‘แม่อุ้มบุญ’ ใช่ไหม”
คิมหันต์เข้าประเด็น
“เอ่อ... ค่ะ...”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาตกใจ นิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าตอบ อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนี้จะให้หล่อนเป็นคุณแม่อุ้มบุญ
“เข้าใจขั้นตอนใช่ไหมว่าทำยังไง”
ถามเหมือนทดสอบความรู้เบื้องต้น
“เข้าใจค่ะ...”
ชลันดารู้ว่าการอุ้มบุญก็คือการยืมมดลูกหญิงอื่นเพื่อตั้งครรภ์แทน กระบวนการก็คือนำน้ำเชื้อและไข่ของคู่สามีภรรยามาผสมกันภายนอก เช่นเดียวกับกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว จากนั้นจึงฉีดเข้าภายในเพื่อให้ฝังตัวในมดลูกของผู้รับฝากครรภ์หรือคุณแม่อุ้มบุญนั่นเอง
“เธอสนใจมั้ย... ถ้าฉันจะจ้างเธออุ้มบุญลูกของฉัน”
คิมหันต์ตรงเข้าประเด็น
“เอ่อ...”
เจอข้อเสนอนี้ ทำเอาชลันดาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทว่าคิมหันต์มีวิธีโน้มน้าวใจคน
“ปกติเรทค่าจ้างอยู่ที่สองแสนต้นๆ แต่ฉันให้เธอสามล้าน”
คิมหันต์กล่าวอย่างคนที่ใช้เงินซื้อความสุขมาตลอด
“อะไรนะคะ”
ชลันดาอุทานตกใจ เงินสามล้านไม่ใช่น้อยๆ ด้วยในชีวิตของหล่อนยังไม่เคยได้แตะเงินมากขนาดนี้มาก่อน สามล้านมันเยอะมาก… สำหรับคนที่เกิดในครอบครัวจนๆ และกำลังมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างหล่อน
“ตกลงค่ะ”
“แต่มีเงื่อนไขบางอย่างที่ต่างออกไปจากกรณีอุ้มบุญทั่วไป”
“ยังไงคะ”
“ฉันต้องการให้เธอเป็นแม่อุ้มบุญแท้... ”
“ยังไงคะ?”
เอากับเขาสิ… งงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ได้ยินทำเอาหัวคิ้วของชลันดาชิดเขาหากันด้วยความสงสัย แม้เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง หากก็อยากฟังอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“การอุ้มบุญครั้งนี้จะใช้ทั้งไข่และมดลูกของเธอ”
“ค่ะ...”
ชลันดาพยักหน้า เข้าใจตามที่เขาพูด อุ้มบุญแท้ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Full suroogacy ก็คือการใช้น้ำเชื้อ