ตอนที่ 1
ภายในห้องทำงานสุดหรูของ ‘คิมหันต์’ ทายาทคนเดียวของตระกูลอัครพลไพศัลย์สวัสดิ์ ทุกวันนี้เขานั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารของโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวในเมืองไทย และยังมีรีสอร์ตอีกหลายสาขากระจายอยู่ในเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของหลายประเทศ
“โธ่... คุณแม่นะคุณแม่”
คิมหันต์ถอนใจดังแรง ก่อนทรุดร่างสูงใหญ่ลงบนเก้าอี้หนังสีดำ แผ่นหลังกว้างเอนพิงพนักเก้าอี้ สองมือ ประสานไว้หลังท้ายทอย ปลายเท้ายกขึ้นวางไขว้กันบนโต๊ะด้วยความเคยชิน สายตาคมกริบจับจ้องมองเพดานเหมือนกำลังค้นหาลายแทงปริศนา หากแท้จริงแล้วเป็นเพราะว่ากำลังครุ่นคิดถึงปัญหาที่กำลังรบกวนจิตใจ
นิ้วยาวเคาะลงบนโต๊ะเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนตัดสินใจกดโทรศัพท์ เรียกเลขาประจำตัวเข้ามาในห้อง
“พี่หมอน…”
คิมหันต์เรียก
“คะบอส...”
รวดเร็วทันใจ รับสายแล้ว ‘สายสมร’ เลขาสาวใหญ่วัยแตะสี่สิบ สวมแว่นตากรอบดำหนา ผมดัดหยิกหย็องทั้งศีรษะพองฟูเหมือนขนสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลสีดำ หอบแฟ้มเอกสารก้าวฉับๆ คล่องแคล่วเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นนาย
“เรื่องงานเอาไว้ก่อน...”
คิมหันต์ทำหน้าเบื่อ สะบัดมือใส่แฟ้มเอกสารกองโตที่เลขาสาวใหญ่หอบเข้ามาวางตรงหน้า ด้วยคิดว่าบอส
ตามงาน
“ไม่คุยเรื่องงานแล้วบอสเรียกหมอนเข้ามาทำไมคะ”
หัวคิ้วหนาสักด้วยเลเซอร์สีดำแบบห้ามิติเป็นปื้นหนา เหมือนเอาปลิงสองตัวมาแปะ ชิดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“ผมมีเรื่องกลุ้มใจ... เมื่อวานคุณหญิงแม่เรียกผมไปพบแล้วยื่นคำขาดว่าถ้าสิ้นปีนี้ผมยังไม่มีหลานให้ท่านอุ้ม... คุณแม่จะตัดผมออกจากกองมรดก”
“อุ๊ย... คุณหญิงแม่ของบอสพูดเล่นหรือเปล่าคะนี่”
สายสมรคิดว่าคุณหญิงชดช้อยผู้เป็นมารดาของคิมหันต์ น่าจะล้อเล่น
“คราวนี้ไม่เล่น... ท่านเอาจริง เพราะว่าคุณแม่เรียกผมไปคุยต่อหน้าทนายความประจำตระกูล ราวกับว่าต้องการให้บุคคลที่สามรับรู้ข้อตกลงร่วมกัน”
คิมหันต์เล่ารายละเอียดให้เลขาฟัง
“ว้าย... ถึงขนาดนี้แสดงว่าคุณหญิงเอาจริงค่ะ”
สายสมรยกมือขึ้นทาบอก ตกใจ
“นั่นสิ ก็ผมถึงได้กลุ้มใจอยู่นี่ไง คุณหญิงแม่ท่านคงเบื่อพฤติกรรมของผม ที่ชอบทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยมาลอยไป ไม่จริงจังกับผู้หญิงคนไหนสักที”
“แล้วเรื่องนี้หมอนจะช่วยอะไรได้คะบอส”
เลขาอึ้งไปชั่วขณะ จ้องหน้าบอส ด้วยว่าคิมหันต์เป็นคนคาดเดาอารมณ์ยาก ทุกครั้งที่เกิดปัญหาเขามักจะมีวิธีแก้ไขที่ต่างไปจากคนอื่น เป็นตรรกะพิเศษเฉพาะบุคคล ห้ามลอกเลียนแบบ แต่ทุกครั้งก็ได้ผลเกินคาด ทว่าอาจจะไม่ใช่กับกรณีนี้
“ในเมื่อคุณแม่อยากได้หลานนัก... ได้... ผมจะทำลูกให้ท่านอุ้ม”
คิดหันต์หรี่ตาคิด แท้จริงแค่อยากเอาชนะมารดา
“ว้าว... ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าบอสจะลั่นระฆังวิวาห์แล้วใช่ไหมคะ”
สายสมรดีใจ
“เปล่า... ฉันยังไม่อยากมีเมีย”
คิมหันต์ส่ายหน้า
“อ้าว... ไม่มีเมียแล้วจะมีลูกยังไงคะบอส?”
ยิ่งคุยกันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มหน้าสายสมร
“อุ้มบุญ... ผมจะจ้างผู้หญิงสักคนมาอุ้มบุญลูกของผม... เรื่องนี้ไงที่ผมอยากให้พี่หมอนช่วย”
คิมหันต์บอกในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด
“ว้าย... อย่าบอกนะว่าบอสจะให้หมอนเป็นแม่อุ้มบุญ”
สายสมรทำท่าตกใจ มองหน้าบอสแล้วยิ้มเขิน อายม้วนหน้าแดง
“เอิ่ม... ไม่ใช่อย่างที่พี่หมอนเข้าใจ ผมแค่อยากให้พี่หมอนช่วยหาผู้หญิงให้สักคน ขอที่สะอาดสะอ้าน ฉลาด และที่สำคัญต้องเวอร์จิ้น สวยหุ่นดี”
“เอ่อ... เอาจริงหรือคะบอส”
หัวคิ้วของสายสมรกดชิดเข้าหากัน
“จริงสิ…”
สุ้มเสียงของคิมหันต์ไม่ได้บอกว่าพูดเล่น
“ช่างบังเอิญ... เมื่อวานมีผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งมาเขียนใบสมัครงานทิ้งเอาไว้ค่ะ สวยมากค่ะบอส แล้วเพิ่งสลัดคราบนักศึกษามาหมาดๆ ด้วยค่ะ หน้าตาสะสวยยังกับดารา หมอนเชื่อว่าต้องถูกสเปคบอสแน่ๆ หุ่นงี้ยังกะนางแบบ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ให้หมอนนัดเข้ามาสัมภาษณ์ไหมคะ... แต่ไม่รับประกันว่าเธอจะรับเป็นแม่อุ้มบุญ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เป็นใครก็คิดหนัก”
สายสมรรีบแนะนำ
“ใช้เงินสิ... เงินบันดาลได้ทุกอย่าง”
คิมหันต์กล่าวอย่างเศรษฐีที่ยอมจ่ายเงินเพื่อแลกความสุขมานักต่อนัก เขาถูกเลี้ยงให้เติบโตมาด้วยความติดที่ว่า ‘เงินสามารถ’ ซื้อทุกอย่างได้ ก็แน่ละสิ… เพราะว่าเขาคือว่าที่ทายาทเศรษฐีหมื่นล้านที่จะสืบทอดมรดกของวงศ์ตระกูลสืบต่อไป
“ค่ะบอส...”
เลขาพยักหน้ารับ
“งั้นช่วยหาข้อมูลให้ผมทีว่าเรทค่าจ้างแม่อุ้มบุญอยู่ที่เท่าไร ผมพร้อมจ่ายไม่อั้น”
เขากล่าวยาวผู้ชายสายเปย์เงินหนา
“ค่ะบอส... จัดให้ค่ะ…”
เลขาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ คำสั่งบอสถือเป็นบัญชา ไม่มีใครกล้าขัด
ในเวลาต่อมา
ตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานัดสัมภาษณ์ หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ทรวดทรงองเอวอะร้าอร่าม อกตึงสะโพกผายสะดุดตา ผิวขาว ผมยาวเคลียบ่า ใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาคม เดินตามสายสมรเข้ามาในห้องทำงานของคิมหันต์ แวบแรกที่บานประตูถูกผลักเข้ามา สาวน้อยใบหน้าหวานก็ทำเอาซีอีโอหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าตะลึงมองตาไม่