5
“น้องกิต” เสียงคุ้นเคยที่เรียกอยู่หน้าบ้านทำให้กิตรีบวิ่งร่าไปรับในทันที
“คุณพ่อยังไม่กลับเหรอคะ”
“ใช่ครับ วันนี้คุณพ่อติดงานน่ะครับ น่าจะกลับดึก มีแค่พี่จรรยาคอยอยู่เป็นเพื่อน แต่พี่จรรยาก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว น้องกิตเกรงใจน่ะครับ” เด็กน้อยช่างเจรจาจนจรรยานั้นถึงกับอมยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของเจ้านายตัวน้อยที่อยากหาแม่ให้ตัวเอง และหาภรรยาให้บิดาด้วย
“งั้นพี่จรรยาไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หนึ่งดูแลเอง”
“แต่พี่เกรงใจคุณหนึ่งน่ะค่ะ” จรรยาพูดแล้วหาวหวอดๆ
“ดูสิคะหาวใหญ่แล้ว คงจะเหนื่อยทั้งวัน ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องดูแลน้องกิต หนึ่งจะจัดการเองค่ะ” หนึ่งฤทัยพูดอีกครั้ง ทำให้จรรยายิ้มรับ ก่อนเดินจากมาก็หันไปทำมือทำไม้ให้เจ้านายตัวน้อยว่าทุกอย่างสำเร็จไปตามแผน
“ปกติคุณพ่อทำงานดึกแบบนี้ประจำเหรอคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยถามเด็กน้อยที่ปีนขึ้นมานั่งออดอ้อนอยู่บนตัก
“ก็ดึกบ้างไม่ดึกบ้างนะครับ คุณพ่อเป็นคนขยัน น้องกิตเข้าใจครับ แต่น้องกิตรบกวนพี่หนึ่งหรือเปล่าครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“ไม่รบกวนเลยจ้ะ มีอะไรโทรศัพท์ไปหาพี่หนึ่งได้ตลอดเวลาเลยนะ พี่หนึ่งยินดีช่วยเหลือน้องกิตทุกอย่างเลยจ้ะ” คนพูดลูบผมนุ่มสลวยของเด็กน้อยไปมาด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณนะครับพี่หนึ่ง” เด็กน้อยหอมแก้มนั้นฟอดใหญ่ โอบกอดเอาไว้อย่างแสนรักใคร่ หนึ่งฤทัยก็โอบกอดตอบกลับไป เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เอ็นดูกิตนัก เธอไม่ได้นึกรำคาญเด็กน้อยเลย แถมยังมีความสุขกับเสียงเจื้อยแจ่วของอีกฝ่ายเสียด้วย
“นี่กินอะไรหรือยังจ๊ะ”
“พี่จรรยาทำอาหารให้แล้วครับ แต่ผมไม่ค่อยหิว อยากจะรอคุณพ่อก่อน”
“ไม่หิวก็ต้องกินรู้ไหมเดี๋ยวปวดท้อง พี่หนึ่งอุ่นอาหารให้ดีไหม”
“พี่หนึ่งกินเป็นเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“เอางั้นก็ได้จ้ะ” หนึ่งฤทัยตอบตกลง เธออุ่นอาหารและรับประทานพร้อมกับเด็กน้อยก่อนจะพาอีกฝ่ายไปแปรงฟัน
“พี่หนึ่งคร้าบ” เด็กน้อยเอ่ยเรียก ทำตาปริบๆ กอดตุ๊กตาหมีและชุดนอนลายการ์ตูนรออยู่ข้างเตียง
“ว่าไงครับ”
“น้องกิตอยากฟังนิทานครับ”
“ได้ค่ะ” เพราะเห็นท่าทีนั้นก็ใจอ่อนยวบ เธอโทรศัพท์ไปบอกผู้เป็นยาย เล่าทุกอย่างให้ฟัง คุณยายนั้นเป็นคนรักเด็กอยู่แล้วจึงบอกให้เธออยู่ดูแลกิตต่อไปก่อน จนกว่าภีมพัฒน์จะกลับมา
ยังไม่ทันได้เล่านิทาน เสียงโทรศัพท์มือถือของกิตก็ดังขึ้น หลังจากที่หนึ่งฤทัยวางสายจากคุณยาย
“สวัสดีครับคุณพ่อ กินแล้วครับ กินกับพี่หนึ่ง อาบน้ำแล้วครับ แปรงฟันแล้วด้วย ฟันไม่ผุแน่นอนครับ พี่หนึ่งกำลังจะเล่านิทานให้ฟังครับ ครับ... ครับ...” เด็กน้อยรายงานบิดา ก่อนจะรับคำเมื่อบิดาขอคุยกับหนึ่งฤทัย จึงรีบยื่นโทรศัพท์ให้พี่เลี้ยงจำเป็นในทันที
“สวัสดีค่ะคุณภีม”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” ภีมพัฒน์พูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน หนึ่งเห็นว่าพี่จรรยาดูเหนื่อยๆ เลยให้ไปพักค่ะ” เธอเป็นคนช่างสังเกต จึงเห็นว่าจรรยานั้นทำงานบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ทำอะไรแบบขอไปที นั่นทำให้ค่อนข้างเหนื่อยมากในแต่ละวัน แต่ภีมพัฒน์ก็ไม่ไว้ใจจ้างใครมาทำงานง่ายๆ จรรยาเองก็ต้องทดลองงานก่อน เขาถึงจะอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านได้
เธอเข้าใจภีมพัฒน์เนื่องด้วยคนเดี๋ยวนี้ไว้ใจได้ยาก จะจ้างใครมาทำงานทั้งทีนอกจากตรวจสอบประวัติแล้วยังต้องดูนิสัยและทัศนคติในการทำงานด้วย
การเป็นแม่บ้านนั้นต้องรักความสะอาดเป็นหลัก ชอบทำงานบ้านและทำอาหาร ไม่เช่นนั้นก็คงจะทำงานเป็นแม่บ้านไม่ได้เพราะมันเป็นงานจุกจิกและต้องใส่ใจ
จรรยานั้นเป็นคนสะอาดสะอ้าน เธอเองเป็นคนที่มีระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะทำงานให้เสร็จไปวันๆ เหมือนแม่บ้านบางคน
“น้องกิตกวนหรือเปล่าครับ”
“ไม่กวนหรอกค่ะ ตอนนี้อยากฟังนิทานน่ะค่ะ”
“ผมทำงานเสร็จจะรีบกลับนะครับ” เขาบอกเธอก่อนจะกดวางสาย หนึ่งฤทัยจึงหันไปสนใจกับเด็กน้อยต่อและเธอก็เริ่มเล่านิทานให้อีกฝ่ายได้ฟังตามที่ขอ
ภีมพัฒน์ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนยอมเสียสละตัวเองเพื่อลูกชายตัวน้อยของเขา เขากลับมาก็เจอเข้ากับหนึ่งฤทัยที่นอนหลับไปพร้อมๆ กับกิต
กิตซุกหน้าเข้าหาอกอุ่น และหนึ่งฤทัยก็กอดร่างลูกชายตัวน้อยของเขาเอาไว้ ภาพนั้นทำให้เขายิ้มออกมาในทันที ด้วยว่าเขานั้นรู้สึกมีความสุขกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ายิ่งนัก
เขาถือวิสาสะบันทึกภาพคนทั้งสองเอาไว้แล้วอมยิ้ม มือหนาเลื่อนไปปัดปอยผมที่ปรกระใบหน้าของเธอออกไปเบาๆ เขาทำท่าจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเธอ แต่ปรากฏว่าเธอกะพริบตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน นั่นทำให้ภีมพัฒน์เสียหลักล้มลงบนร่างของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ