3
3
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความพึงพอใจ โดยเฉพาะคุณอรอุมาที่ยิ้มจนหน้าบาน เมื่อเห็นบุตรชายมีสีหน้าตะลึงตะลานและพึงพอใจคนในอ้อมแขนไม่น้อย
อภินันท์ค่อยๆ ได้สติ ดันร่างบอบบางออกห่างเพื่อรักษาฟอร์ม เขากระแอมเบาๆ เมื่อเห็นสายตาทุกคน ก่อนร่งรีบให้เจ้าสาวขึ้นรถโดยเร็ว
เมื่อรถแล่นมาได้ระยะหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองหน้าภรรยาสาว เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ที่เธอเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา ทำท่าทีเหมือนเขาเป็นคนโหดร้ายน่ากลัว บังคับให้เธอต้องตามมาด้วย
“นี่ยัยจืด ทำท่าทางแบบนั้นเป็นอะไรของเธอห๊ะ!”
อภินันท์หันมาถามเจ้าสาวที่นั่งมาในรถ เขาอารมณ์เสียเมื่อเห็นเธอนั่งเงียบ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออยากชวนคุย แต่คนเถื่อนแบบเขาต้องรักษาฟอร์ม ชวนคุยไม่เป็น ชวนทะเลาะเสียเลย
นิรดาสะดุ้งตกใจเสียงทรงอำนาจของสามีหมาดๆ
เสียงเบรกรถสนั่นพร้อมทั้งเลี้ยวเข้าข้างทาง หัวของนิรดาคะมำไปด้านหน้าอีกรอบ ดีที่หญิงสาวคาดเข็มขัดนิรภัย
อภินันท์หงุดหงิดที่ถามอะไรออกไป เธอไม่ตอบเขาสักคำ เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเงียบกริบ เหมือนเขาพูดอยู่คนเดียว
นี่เขาได้เมียเป็นใบ้ว่างั้น!
“อยากแต่งงานกับฉันมากไม่ใช่เหรอ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย ทำหน้ายังกับโดนบังคับ ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ เธอก็รู้ดี”
อภินันท์ดึงรั้งร่างบอบบางเข้ามาหา มองเธอไม่วางตา
“พี่ใหญ่ปล่อยน้องหนู น้องหนูเจ็บ”
นิรดาอุทรเสียงสั่นน่าสงสาร เริ่มตกใจมากขึ้นในความป่าเถื่อนไร้ความอ่อนโยนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเจ้าอารมณ์เช่นนี้ หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกตัวสั่นไปหมด ตอนอยู่บ้านเธอยังมีความมั่นใจจะขัดขืนและเถียงเขาได้บ้าง ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม แต่ขณะนี้เธอกำลังจะไปอยู่ในถิ่นของเขา ซึ่งไม่มีแม้แต่บิดามารดาให้คอยปกป้องคุ้มครองได้ นั่นทำให้เธอเคว้งคว้างหวาดหวั่นอย่างที่สุด
“อยากเป็นเมียฉันมากหรือว่าอยากได้เงินมากกว่า”
นิรดาก้มหน้าหลบแววตาที่แฝงไปด้วยเปลวเพลิง ความหวาดหวั่นปรากฏในดวงตากลมโต น้ำตาพานจะไหลอยู่ร่ำไป เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้
“น้องหนูไม่อยาก..” นิรดาพูดยังไม่ทันจบประโยค เขาโต้ตอบกลับมาอย่างเผ็ดร้อน
“เธอนะหรือไม่อยากแต่งงานกับฉัน ครอบครัวของเธออยากได้เงินไม่ใช่หรือไง คุณแม่หน้ามืดตามัว ไม่รู้หรือยังไงว่าครอบครัวของเธอกำลังติดหนี้มหาศาล”
อภินันท์พูดเน้นย้ำว่าเขารู้เรื่องราวของครอบครัวเธอดี
นิรดาส่ายหน้า อยากบอกว่าเธอไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากเป็นเจ้าสาวของเขาสักนิด และที่สำคัญเธอไม่เคยคิดอยากจะได้เงินของเขา แต่เขาคงไม่เชื่อเธอ
มือหนารั้งร่างบอบบางเข้ามาแนบอกพร้อมกับจุมพิตอย่างรุนแรงป่าเถื่อน
นิรดารัวกำปั้นเล็กๆ ใส่เขาอย่างตกใจในกิริยาจาบจ้วงนั้น ริมฝีปากหยักหนาขบเม้มไปทั่วลำคอระหง เธอสะอื้นหวาดกลัวเมื่อไม่สามารถต้านทานอารมณ์เร่าร้อนของเขาได้
อภินันท์ชะงัก เงยหน้ามองใบหน้านวลใสแดงก่ำที่สะอื้นด้วยความขัดใจ
“นึกว่าฉันอยากแตะต้องเธอนักหรือไง แต่อย่าลืมว่าเธอต้องทำหน้าที่เมีย ฉันไม่เคยคิดว่าจะเอาเธอไปนอนดูเฉยๆ หรอกนะ”
อภินันท์ปล่อยร่างบอบบางออกจากอ้อมแขนอย่างไม่ไยดี ร่างบอบางชนกับขอบประตูแม้จะไม่ได้แรงมากนักแต่ทำให้คนที่หวาดกลัวสะดุ้งตกใจไปทั้งร่าง
เขากระชากรถออกอีกครั้ง ไม่สนใจร่างน้อยที่สั่นเทาด้วยความกลัว
หญิงสาวแทบเบียดไปกับประตูรถ ไม่กล้าแม้แต่จะมองคนขับ เขาขับรถเร็วมากจนเธอใจสั่น
เธอยังทำใจไม่ได้กับความโหดร้ายและป่าเถื่อนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
เวลาเกือบตีสามกว่าจะถึงบ้านไร่ เมื่อถึงบ้าน เขาเดินเข้าบ้านทันที ไม่แม้จะหันมาสนใจเจ้าสาวที่เปิดประตูรถลงมาอย่างเกรงๆ
นิรดามองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่ด้วยความเหนื่อยอ่อน มือเรียวจัดการลากกระเป๋าด้วยความทุลักทุเลเพราะชุดเจ้าสาวที่ยังไม่ได้เปลี่ยน
สายตาสวยหวานมองบันไดของบ้านหลังใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า หัวใจดวงน้อยรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ดวงตากลมโตมองกระเป๋าและบันไดที่สูงขึ้นไปด้านบนสลับกันไปมาอ่อนแรง เธอหันไปมองร่างสูงของเจ้าบ่าวที่เดินขึ้นไปด้านบน หัวใจดวงน้อยกระตุกสั่นไหวด้วยความน้อยใจที่เขาไม่ไยดีหรือสนใจเธอเลย
นิรดาบอกตัวเองว่าให้อดทน ในใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบอบบางเริ่มลากกระเป๋าใบใหญ่ค่อยๆ ยกขึ้นบันไดไปทีละขั้น ปาดเหงื่อที่ไหลทั่วใบหน้า เริ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นลม มือหนาของใครบางคนเอื้อมมารับร่างอรชรเอาไว้ได้ทันที่เธอจะกลิ้งตกลงไปจากขั้นบันได
“คุณ!” อภิรักษ์ โอบรอบร่างของพี่สะใภ้อย่างตกใจ เขาไปงานแต่งพี่ชายได้ไม่ทันไร ที่ไร่เกิดไฟไหม้กะทันหัน จึงต้องปลีกตัวจากงานแต่งของพี่ชายเพื่อมาดูแลไร่ แต่ดีที่เขากลับมาได้ทัน จึงให้คนงานช่วยดับไฟที่กำลังลุกลามไปทั่ว ซึ่งเสียหายแค่นิดหน่อยเท่านั้น เขาลุกขึ้นมาดื่มน้ำเพราะกระหาย เนื่องจากอากาศคืนนี้ร้อนมากจึงทันได้เข้ามาช่วยพี่สะใภ้ที่ทำท่าจะตกบันไดพอดี
“ขอบคุณค่ะ” นิรดากล่าวขอบคุณเบาๆ
“พี่ใหญ่หายไปไหนครับนี่ ทำไมให้คุณแบกกระเป๋าขึ้นมาคนเดียว” อภิรักษ์เลิกคิ้วถามถึงพี่ชายอย่างสงสัย มองไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่ายเลย
“เอ่อ...” นิรดาอึกอัก ไม่กล้าบอกว่าเขาทิ้งเธอระหว่างทางให้เธอแบกกระเป๋าขึ้นมาเอง
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะช่วยหิ้วกระเป๋าขึ้นไปบนห้องให้นะครับ” อภิรักษ์พูดอย่างคนมีน้ำใจ
“ว่าทำไมเธอถึงได้ชักช้า มายืนสำออยให้น้องชายฉันโอบกอดอยู่นี่เอง” เสียงทรงอำนาจพูดมาด้วยความไม่พอใจ ความหวงเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว นิรดาสะดุ้งตกใจเมื่อหันไปสบตาวาวโรจน์นั้น อภิรักษ์หันไปพูดแก้ตัวแทนพี่สะใภ้ทันที
“พี่ใหญ่ครับ กระเป๋ามันหนักนะครับ ทำไมพี่ใหญ่ไม่ช่วยพี่สะใภ้ล่ะครับ” อภิรักษ์ถามอย่างกังขา
“แกอย่ายุ่ง จะไปไหนก็ไป เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อภินันท์ไล่น้องชายตรงๆ ทำให้อภิรักษ์ต้องคลายอ้อมแขนออกจากร่างบอบบาง ตัดใจผละไปหาน้ำดื่มด้วยความงุนงงในอารมณ์ของพี่ชาย
“เป็นยังไง ออดอ้อนน้องชายฉันให้เขาสงสาร แต่อย่าหวังเลยว่าฉันจะสงสาร กระเป๋าใบแค่นี้ หิ้วเองน่าจะได้ ทำไมต้องไปขอความช่วยจากเหลือจากคนอื่นด้วย หรืออยากจะสำออยออดอ้อนผู้ชาย”
อภินันท์เดินลงมาหา รวบร่างบอบบางเข้าไปหา เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์
“คะ.. คือ น้องหนู” นิรดาตกใจ บวกกับความเหนื่อยล้าที่กำลังสุมเข้ามา สติสัมปชัญญะดับวูบลงไปในที่สุด
อภินันท์ตกใจเมื่อร่างบอบบางทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น หัวใจดวงโตกระตุกวูบรีบช้อนอุ้มน้อยขึ้นแนบอกเพื่อพาเข้าห้อง
เขาวางร่างงามที่หน้าซีดลงบนเตียงกว้าง รีบออกมาจากห้องนอนเพื่อหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ของหญิงสาวที่วางอยู่ตรงบันไดขึ้นไปไว้ในห้องอย่างรวดเร็ว
“โธ่โว้ย! อย่ามาทำสำออยนะนิรดา”
อภินันท์เขย่าร่างบอบบางไม่สบอารมณ์ เขาตบแก้มเธอเบาๆ เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แต่ร่างเล็กไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา
ร่างสูงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า นำผ้าขนหนูบิดน้ำหมาดๆ เช็ดไปตามใบหน้าหวาน มือหนาเริ่มปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวของเธอออกให้คลายความอึดอัด
ลมหายใจของเขาติดขัดในทันทีเมื่อได้มองร่างบอบบางขาวเนียน ผิวเนียนละเอียดนุ่มอมชมพู่ระเรื่อราวผิวเด็กอม ริมฝีปากอิ่มสวยสีชมพูจัดน่าปรารถนา ดวงตากลมโตที่ชอบมองเขาด้วยความหวาดหวั่นแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย
เธอหลับแบบนี้ทำให้เขามองเห็นแพขนตาเรียงกันสวยงามเป็นระเบียบ ใบหน้าเล็กน่ารักสวยหวาน ร่างที่เห็นภายนอกว่าดูบอบบางนั้นเมื่อได้มองเห็นชัดเจนกลับอวบอิ่มเต็มตึง