Chapter I ไม่เคยอยู่ในสายตา
ผมรีบโค้งศีรษะให้อาจารย์ยุพิน เธอขยับแว่นสายตาพลางก็มองมาที่ผมด้วยแววตาแปลกใจ เธอคงคิดว่าทำไมวันนี้ผมเข้าห้องเรียนช้า แต่ไม่ได้สายนะครับเพียงแต่ปกติผมจะมาถึงก่อนเพื่อน ผมส่งยิ้มแห้ง ๆ แล้วย่อเข่าหนึ่งที ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องเรียนมาก่อน มองหาเอิงเอยเพื่อนสนิทที่บอกว่าจะมาจองที่นั่งแถวหน้าระหว่างที่ผมแวะเข้าห้องน้ำ
“ทางนี้หยิน”
ยัยสาวผมเปียหน้าม้าตาโตผูกโบสีกรมท่าลุกขึ้นมายืนกวักมือเรียกผม พอผมก้าวขายาว ๆ เข้าไปหา เธอก็รีบกระซิบถามแววตาตำหนิ
“ทำไมช้าจัง อาจารย์มาแล้วนั่น”
“ห้องน้ำคนเยอะน่ะ” ผมบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะหากบอกเอิงเอยว่าผมเสียเวลาไปกับรุ่นน้องคนนั้นอีกแล้ว เอิงเอยจะต้องลุกขึ้นมาถกกระโปรงทำท่าขึงขัง แล้วบอกว่าจะไปสั่งสอน
ผมรีบนั่งลงเพราะอาจารย์ยุพินตามมาติด ๆ แถมถือไม้เรียวมาด้วย แต่เธอไม่เคยใช้มันตีนักเรียนหรอกนะครับ แค่เอาไว้ตีโต๊ะขู่เท่านั้น
ผมยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่รู้สึกว่ามันผุดขึ้นมาตรงไรผม พลางก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อให้หัวใจมันเต้นให้เป็นปกติ รวมถึงอาการร้อนวูบวาบที่หน้าของผมด้วย
“แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าแดงอะ”
โอ๊ย อีเพื่อนก็ช่างสังเกตจริง ผมรีบส่ายหน้า แล้วควักเอาสมุดขึ้นมาเตรียมจดสิ่งที่อาจารย์กำลังจะเริ่มสอน
“เจอเฌอมาเหรอ?”
แต่อาการของผมมันคงฟ้อง จนเอิงเอยมันดูออก
“อือ”
ผมจือปากอย่างยอมรับกับเพื่อน ในขณะที่สายตาจดจ้องไปบนกระดานดำ แต่ฟังอาจารย์ยุพินพูดได้ยังไม่ทันจะจบประโยค ผมก็ต้องหูผึ่ง รีบหันไปหาเอิงเอย
“แกว่าไงนะ?”
เอิงเอยรีบขยับเข้ามาส่งเสียงกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ฉันบอกว่าวันศุกร์นี้เฌอเขาจัดงานวันเกิดที่บ้านน่ะ แกอยากไปเปล่า”
“ไปได้เหรอ? เขาไม่ได้เชิญอะ” ปากถามแต่ใจผมบินไปถึงห้างแล้วครับ กำลังคิดว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้เขาดี
“เขาประกาศเชิญในไอจี”
“เชิญใครบ้าง?”
“ทุกคนที่ตามไอจีเขาอะ หรือแกไม่ได้ตาม?”
ผมรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเข้าไอจีทันที “จริงด้วย” แต่พอเหลือบตาไปเห็นยอดคนติดตามก็ได้แต่สงสัย “คนตามไอจีเฌอตั้งเยอะ เขาเชิญทุกคนจริงเหรอ ถ้าไปกันหมดนี่ บ้านคงแตก”
“อ่านหนังสือไม่แตกฉานอีกละเพื่อนฉัน อ่านสิอ่าน เขาบอกว่าเฉพาะเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน อยู่ชั้นเดียวกัน”
“จริงด้วยแฮะ” ผมยิ้มกว้าง ใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งเหมือนว่าตอนนี้ผมไปยืนอยู่หน้าบ้านเขาแล้ว
“อรอินทร์! ยศัสวิน!” แล้วเสียงอาจารย์ยุพินก็ดังแว้ดขึ้นมาจนผมกับเอิงเอยสะดุ้งโหยง “จะเรียนมั้ย ถ้าไม่เรียนก็ออกจากห้องไป”
“ขอโทษครับ/ขอโทษค่ะ อาจารย์”
พออาจารย์ขยับแว่นสายตาแล้วหันกลับไปเขียนกระดานดำ ผมกับเอิงเอยก็เอาหัวมาสุมกันอีกครั้ง
“เย็นนี้ไปซื้อของขวัญที่ห้างกันนะ”
“จัดไป”
ปกติหลังคาบสุดท้ายของวันผมจะต้องมานั่งตรงม้าหินอ่อนข้างเสาธง เพราะตรงนี้มันจะเห็นนักเรียนทุกคนตอนเดินออกประตู 2 ทำไมผมต้องมานั่งตรงนี้น่ะเหรอครับ เพราะผมมารอส่งคนสวยของผม
“ปวดฉี่ว่ะ”
ผมรอจนปวดฉี่ แต่วันนี้คนสวยก็ยังไม่ลงมาจากอาคารเรียน จะว่าผมคลาดสายตาก็ไม่น่าจะใช่เพราะผมยังเห็นลุงสมหมายจอดรถรออยู่หน้ารั้วโรงเรียน
“มึงไปฉี่ก่อนไป เดี๋ยวกูเฝ้าให้” ไอ้ตี๋เสนอ เพราะมันคงทนดูผมนั่งบิดกระมิดกระเมี้ยนไม่ได้
“เออ ดูไว้นะ ถ้าหยินออกมาพวกมึงต้องถ่วงเวลาไว้ก่อนนะ กูวิ่งไปฉี่แป๊บเดียว” ผมสั่งทั้งไอ้ตี๋ทั้งไอ้เมิงที่นั่งอยู่ด้วยกัน ก่อนจะวิ่งแน่บมาทางห้องน้ำ ระหว่างที่วิ่งมาก็มั่นใจนะว่าหยินยังไม่ออกมาจากอาคารอย่างแน่นอน ผมปลดปล่อยจนสบายท้อง แต่ระหว่างที่กำลังจะรูดซิปกางเกง เสียงไอ้เมิงก็ดังมาแต่ไกล
“นายท่าน นายท่าน นายท่าน”
“อะไรของมึง?”
“พี่หยินไปแล้ว”
“ฮะ! กูบอกให้ถ่วงเวลาไว้ไง”
ไอ้เมิงกำลังจะอธิบายอะไรก็ไม่รู้ครับ แต่ผมไม่อยู่ฟังมันแล้ว ผมรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำทันที มาทันเห็นหลังหยินไว ๆ ที่เพิ่งก้าวขึ้นรถที่ลุงสมหมายจอดรออยู่ ผมเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งผลัดสี่คูณร้อยไม้สุดท้ายเลยครับ หวังว่าจะไปถึงเส้นชัยให้ทัน ผมเห็นหน้าอาจารย์ที่ยืนส่งนักเรียนอยู่หน้าประตู 2 มองผมหน้าเหวอ ผมก็เลยยกมือไหว้ลวก ๆ โดยไม่หยุด แต่ผมก็ไปไม่ทันจนได้ ลุงสมหมายออกรถไปแล้วครับ
ผมหอบแฮกอยู่ข้างถนนหน้าโรงเรียน สองมือของผมต้องเท้าเข่าทั้งสองข้างเอาไว้ ปล่อยลิ้นให้ห้อยลงมาเพื่อให้หายใจได้สะดวก พอไอ้ตี๋กับไอ้เมิงวิ่งตามมาถึง ผมก็มีแรงด่ามันพอดี
“ไอ้เหี้ยตี๋ กูบอกให้มึงถ่วงเวลาไว้ไง”
“กูทำแล้ว แต่พี่หยินบอกว่ารีบ กูจะโดนพี่เอิงเอยถีบด้วยซ้ำ แม่งผู้หญิงอะไรวะ สวยแต่โหดฉิบหาย”
“ไม่ได้เรื่อง!” ผมอยากจะด่ามันมากกว่านั้น แต่ผมยังไม่หายเหนื่อย ขอหอบอีกแป๊บแล้วค่อยด่าต่อ
“ได้เรื่องโว้ย” แต่แล้วไอ้ตี๋ก็ยิ้มขึ้นมาแบบมีเลศนัย ไอ้รอยยิ้มเห็นเหล็กดัดฟันแบบนั้น ทำให้ผมยกลำตัวขึ้นมาตั้งตรงอย่างสนใจ “กูรู้ว่าพี่หยินไปไหน”
“ไปไหนวะ ไม่ได้กลับบ้าน?”
“ไปห้าง…”
แล้วจะรออะไรล่ะครับ พวกผมก็ต้องตามไปสิ แต่ว่า…
“ธิปติพัศ!” อาจารย์ฝ่ายปกครองยืนจังก้ามองมาที่ผม ผมรู้สึกว่าเขามีลมออกที่หูพุ่งปู๊ด ๆ ออกมาด้วย
“ครับจารย์?”
“ทำไมไม่รูดซิปกางเกง ฮะ?”
ผมถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองเรียกเข้าห้องเย็น ให้ยืนร้องเพลงมาร์ชของโรงเรียน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกันตรงไหนกับที่ผมลืมรูดซิปกางเกง ผมต้องร้องเพลงมาร์ชสามรอบ ก่อนอาจารย์จะปล่อยให้ออกมาหาไอ้ตี๋กับไอ้เมิงที่นั่งรออยู่หน้าห้องฝ่ายปกครอง
“ป่านนี้พี่หยินกลับบ้านแล้วมั้ง” ไอ้เมิงออกความเห็น เพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว หยินออกไปจากโรงเรียนตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ป่านนี้อาจจะซื้อของเสร็จแล้วกลับบ้านไปแล้วจริง ๆ
“เอาไงมึง” ไอ้ตี๋ถาม
ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตามไปดูหน่อยดีกว่า” ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเป็นห่วงแล้วก็แปลกใจ เพราะปกติวันอังคารกับวันศุกร์หลังเลิกเรียนแล้วหยินจะตรงกลับบ้าน ส่วนวันจันทร์ พุธ พฤหัส เขาจะมีเรียนพิเศษ การที่หยินไปเดินห้างมันต้องมีอะไร หรือว่าจะมีนัดกับใคร?
ไม่นานพวกเราสามคนก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่อยู่ห่างจากโรงเรียนไม่มากนัก
“แล้วจะไปตามหาพี่หยินที่ไหนเนี่ย เขามาทำอะไรก็ไม่รู้” ไอ้เมิงบ่นอุบ แต่มันก็พยายามมองหา
“กูว่า…” แล้วไอ้ตี๋ผู้มีความเฉลียวฉลาดมากกว่าใครในกลุ่มก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มันกดยุกยิก ๆ อยู่สักพักแล้วมันก็ยิ้มเหมือนตอนอยู่หน้าโรงเรียนเป๊ะ “กูรู้และ”
ไอจีพี่เอิงเอยของมันถ่ายรูปลงล่าสุดเมื่อสิบห้านาทีก่อน สองคนนั่นอยู่หน้าร้านกิฟต์ช็อปที่ชั้นสาม
คนสวยขาของผมอยู่ที่นี่จริง ๆ ครับ ผมรีบเดินเร็ว ๆ เข้าไป แต่ไม่ได้ทักนะครับ แค่มองอยู่ห่าง ๆ ในระยะสายตา
“น่ารักเชี่ย ๆ เลยว่ะ” ผมมองหยินผ่านชั้นวางตุ๊กตา ตอนที่เอิงเอยเอาที่คาดผมมีหูสีขาวไปครอบกรอบหน้ารูปไข่นั่น
“ไม่อาว…” ท่าปัดที่คาดผมออกตอนที่ปฏิเสธเพื่อนยิ่งกว่าน่ารัก คนเหี้ยอะไรวะใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองฉิบหาย
ผมแอบมองหยินเลือกของในร้านกิฟต์ช็อปอยู่นานเลย หยินดูลังเลระหว่างตุ๊กตาหมีไขลานพูดได้กับกระเป๋าสตางค์แฟชั่น แล้วเขาก็วางทุกอย่างลง
“เราว่ามันไม่เหมาะกับเฌอเลยอะ” ผมได้ยินหยินบอกกับเอิงเอย
ว่าแต่… “เฌอนี่ใครวะ?” ผมกระซิบถามไอ้เมิงที่มันยืนอยู่ข้าง ๆ คอยเอาของขึ้นมาบังพวกเราสองคนตอนที่หยินกับเอิงเอยเผลอมองมาทางนี้
“เฌอ เฌอ เฌอ” ไอ้เมิงท่องชื่อระคายหูนั่น แล้วมันก็ทำหน้าครุ่นคิด
“นี่ไง” แต่เป็นไอ้ตี๋ที่ยื่นโทรศัพท์มือถือของมันมาตรงหน้าผม
ผมหลุบตาลงมองก็เจอไอจีของรุ่นพี่มอหกคนหนึ่ง หน้าคุ้นมาก และที่สำคัญ “งานวันเกิด?”