ตอนที่ 5 ประชดชีวิต
จากนั้นวิภาก็ปิดประตูล็อคประตูด้านหน้าเมื่ออยู่บ้านคนเดียวเพราะบุตรชายเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ไม่อยากห่วงหน้าภวงค์หลัง แม้นางจะเคยชินตั้งแต่สามีจากโลกนี้ไปแล้วเมื่อสิบปีก่อนด้วนโรคมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วก็ตาม
ส่วนบุตรชายแยกทางกับทรงยศเพื่อไปตามหาพิมพิกาในคืนฝนโปรยปราย โชคดีที่ปริมาณน้ำในเริ่มลดน้อยลงกว่าช่วงหกโมงเย็น ไม่อย่างนั้นคงเป็นอุปสรรคต่อการตามหาแน่
"ไปไหนของเธอนะพิมพ์" กีรติวิ่งออกมาไม่ไกลจากบ้านนัก พลางสาดส่องสายตามองไปรอบทิศเผื่อจะเจอตัวหญิงสาวคนรัก ในมืออีกข้างถือร่มบดบังเม็ดฝน หัวใจวายวุ่นโหวงเหวงยามคิดถึงเธอ
ก่นด่าโบ้ยโทษตนที่เป็นสาเหตุทำให้สองพ่อลูกต้องมีปากเสียงกัน เขามันน่าสมเพชนักไม่ผิดที่บิดาของเธอจะดูถูกดูแคลน เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่ริเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างปากว่าเลยสักอย่าง
จนกระทั่งวิ่งหาตัวเธอมาถึงหน้าร้านปาท่องโก๋เก่าแก่เจ้าดังที่กีรติมักจะพาเธอมานั่งกินด้วยกันหลังเลิกคลาสเรียน สถานที่เดทแรกหลังเขากับเธอเป็นแฟนกัน ตอนนี้ร้านปิดแล้วมีเพียงรถเข็นว่างเปล่าจอดทิ้งร้างเอาไว้ มองผ่าน ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่กีรติเป็นคนช่างสังเกตเขาถึงเห็นความผิดปกติบริเวณนั้น
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังลอดออกมา เห็นหญิงสาวร่างเล็กในชุดนอนสายเดี่ยวผ้าซาตินสีดำนั่งยอง ๆ ใบหน้าลงหัวเข่าซุกเข้าหาความอบอุ่นหลบซ่อนใต้รถที่เป็นช่องเก็บของรถเข็น
กีรติรู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก สีหน้าเป็นกังวลบวกกับหัวคิ้วเข้มที่เคยขมวดค่อย ๆ คลายลง...เขาเจอเธอแล้ว
"พิมพ์!" กีรติยอบตัวนั่งลงด้านข้างกายเธอ ทิ้งร่มในมือไปให้พ้นทาง เอ่ยเรียกพิมพิกาเสียงแหบพร่าก่อนจะดึงร่างบอบบางมาประชิดแล้วกอดปลอบ
คราแรกอีกฝ่ายตกใจสะดุ้งโหยงจนตัวโยน แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นหน้าเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นว่าเป็นใคร เจ้าหล่อนถึงได้รีบสวมกอดเขากลับอย่างแนบแน่น
"พี่ติของพิมพ์! อึก ฮื่ออ" ร้องไห้น้ำตานองอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรแล้วนะ ไปกับพี่นะ" มือใหญ่หนาลูบศีรษะทุยเล็กเบา ๆ ปลอบเธอที่ร้องไห้จนไหล่สองข้างสั่นเท่าน่าหดหู่ กีรติเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจ คนรักไม่มีความสุขคิดว่าเขาจะมีความสุขได้ลงหรือ?
"อย่าทิ้งพิมพ์นะคะพิมพ์กลัว" ก่อนกีรติจะมาเจอ เธอต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางสายฝน มีพวกชายชกรรจ์ขับรถปาดหน้าผ่านหลายครั้งจนเธอตื่นกลัวเข้ามาหลบใต้รถเข็นเล็ก ๆ นี่ เธอหวังว่ากีรติจะเป็นฝ่ายพบเธอก่อนใคร และใช่...เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาเป็นอีกเสี้ยวหนึ่งในชีวิตเธอก็ว่าได้
"พี่จะทิ้งพิมพ์ได้ยังไง เธอเป็นแฟนพี่นะ"
กีรติให้คำมั่น เรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเริ่มตระหนักคิด สมควรลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตเราสองคน เขาอยากจับมือเติบโตไปพร้อมเธอ เธอเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน...เจ้าสาวของเขาจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพิมพิกา
"รอก่อนนะหนูพิมพ์ คงหนาวมากใช่ไหม โธ่...เรื่องมันเป็นไปเป็นมายังไงกันหนูพิมพ์" กีรติพาคนรักกลับมาตั้งหลักที่บ้านของตน ระหว่างที่เขาวิ่งกลับไปเอาผ้าขนหนูบนบ้านมาให้พิมพิกา วิภามารดาของเขาจึงใช้เวลาประจวบเหมาะถามเธอ สภาพหญิงสาวอายุน้อยกว่าแทบดูไม่ได้ สะบักสะบอมและสั่นงก ๆ ทั้งน่าสงสารในสายตาวิภา
"เรื่องเดิม ๆ ค่ะคุณแม่ พิมพ์พยายามอธิบายหวังให้คุณพ่อยอมเปิดใจไม่อคติกับพี่ติ..." พิมพิกาตั้งสติได้มากจึงหยุดร้องไห้ไปพักใหญ่ แต่พอครุ่นคิดถึงเรื่องบิดาที่เพิ่งผ่านมาไม่เจือจาง เคล้าอารมณ์เหลือใจตัดพ้อต่าง ๆ นานาตีขึ้นจุกอกอีกหน
"หนูพิมพ์ต้องให้เวลาท่านหน่อยนะ ท่านเองก็คงหวังดีกับหนู ผู้ชายก็แบบนี้แหละปากหนักชอบข่มเหงแต่แท้จริงในใจลึก ๆ ทั้งรักและมีแต่ความหวังดีให้ทั้งนั้น"
พิมพิกาไม่อาจแย้ง ส่วนนี้เธอเห็นด้วยกับมารดาของคนรัก บิดาเป็นห่วงเธอเรื่องการโดนหลอก กลัวว่ากีรติจะเข้ามาเพียงหวังผล แต่เธอโกรธที่ท่านชอบทับถมดูถูกคนอื่น
"ต้องใช้เวลาอีกนานไหมคะ เมื่อไหร่ละคะคุณแม่ พิมพ์ใจเย็นมามากพอแล้วนะคะ"
วิภาได้แต่ทอดถอนลมหายใจ...นี่แหละหนาวัยรุ่นความรักทำให้คนตาบอด ใครบอกใครเตือนไม่ฟัง ยังคิดว่าทุกอย่างที่ตนทำถูกต้องที่สุด พอดีกับกีรติถือผ้าขนหนูผืนใหญ่ลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะคลุมผ้าบนลาดไหล่เล็ก
"ขอบคุณค่ะพี่ติ" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณด้วยความปลื้มปิติ คนบ้านนี้ช่างใจดีมีเมตตาต่อเธอนัก
"พี่โทร.บอกลุงเดชแล้วนะว่าเจอตัวเธอแล้ว คืนนี้คงต้องอยู่บ้านพี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านไปปรับความเข้าใจกับท่าน" กีรติย่อมรู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับพิมพิกา คืนนี้เธอไม่ยอมกลับบ้านหรอก เลยบอกลุงทรงเดชให้มารับเธอในวันพรุ่งนี้เผื่ออารมณ์เย็นลงจะทำให้เธอมีสติควบคุมตัวเอง และคิดอะไรได้มากขึ้น
"พี่ติจะให้พิมค้างที่บ้านพี่เหรอคะ"
"ใช่ มันก็ต้องเป็นแบบนั้น" คำตอบจากปากกีรติทำเอาพิมพิกาตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ในที่สุดจิตใจเคยทุกข์ระทมก็ถูกเยียวยาด้วยความปรารถนา เพราะเธออยากค้างแรมที่บ้านคนรักตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่คบหาดูใจกันมาเธอไม่เคยมีโอกาสค้างแรมกับเขาสองต่อสอง ฝ่ายชายกลับปฏิเสธ อ้างว่ามันไม่เหมาะสม มีเพียงการนัดเจอในที่สาธารณะ ให้เกียรติเธอมากจนบ้างทีพิมพิกาก็อยากทิ้งเกียรติแล้วฉุดเขาเสียเอง
"แล้วอย่างนี้ให้หนูพิมพ์นอนห้องเดียวกับแม่ หรือกับลูก" บ้านไม้ทั้งหลังมีสองชั้นเล็ก ๆ มีเพียงแค่สองห้องที่สองแม่ลูกแบ่งแยกกันอยู่คนละห้องพอดี จึงไม่มีห้องรับรองสำหรับแขก
"พิมพ์นอนกับพี่ติได้ค่ะ พิมพ์ไม่ถือหรอก"