ตอนที่ 13 ข่าวคราวของคนรักเก่า
กีรติทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ทั้งชงเหล้าที่ผับ 'ท่านเกริกพล' ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกจังหวัดคนปัจจุบัน และมีศักดิ์เป็นพ่อของ 'ก้องภพ' สหายคนสนิทของเขา
ด้วยความหวังดีก้องภพจึงขอบิดาให้รับกีรติเข้ามาทำงานในผับเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน เพื่อนคนนี้คบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว ทั้งคอยช่วยเหลือเขาตลอดในยามตกทุกข์ได้ยาก และไม่เคยดูถูกดูแคลน หรือแบ่งชนชั้นแม้ทางบ้านเรามีฐานะต่างกันราวฟ้ากับเหว
หลังร้านปิดกีรติที่มีหน้าที่ปิดร้านกลับไม่ยอมขยับตัวไปไหน ยังเอาแต่นั่งเฝ้าเคาท์เตอร์บาร์ในมือถือแก้วเหล้าสีอำพันกระดกดื่มลงคอจนพร่องไปหลายต่อหลายอึก หวังใช้น้ำเมาลบความทรงจำในหัว แม้มันจะทำให้ลืมได้แค่ชั่วคราวพอสร่างเมาเรื่องราวทุกอย่างยังชัดเจนเหมือนเดิม กระดกเหล้าลงคอหวังเอารสชาติขมปร่าชำระล้างความเจ็บปวดที่เกราะกุมหัวใจข้างใน
หลายวันมาแล้วที่กีรติทำตัวเหลวไหล บ้านช่องไม่ยอมกลับ เอาแต่ขลุกตัวที่ผับจนถึงเช้า อ้างกับมารดาให้หายห่วงว่าติดงาน ติดกิจกรรมที่มหา'ลัยบ้างล่ะ บางทีก็ค้างแรมที่ห้องของก้องภพแทนเพราะกลับเองไม่ไหว จากผู้ชายมาดแมนสุภาพบุรุษก็เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน กีรติมีนิสัยตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา ก้องภพทราบว่ามันเป็นแบบนี้เพราะใคร ยืนมองท่าทีไม่ไหวสภาพน่าเวทนาของมันอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ได้พักใหญ่จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อพูดคุย
"ดื่มให้ตับแข็งตายซะเปล่า ๆ พิมพิกาไม่กลับมาหรอก" คำพูดจากเพื่อนสนิทเปรียบเสมือนหอกแหลมเสียบแทงใจ สะกิดต่อมความรู้สึกกีรติให้ว้าวุ่นขุ่นมัว เหลือบหางตามองก้องภพด้วยความเคืองครั้นเอ่ยถึงผู้หญิงหลายใจที่เขาไม่อยากได้ยินชื่อเธออีก แล้วยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มอีกอึก
"กูแค่เจ็บใจที่โดนหลอกให้เสียเวลากับเธอตั้งนาน"
"กูก็คิดไม่ถึง หน้าใส ๆ แบบนั้นร้ายลึกฉิบหายเลยว่ะ" ก้องภพรู้เรื่องราวเพื่อนตนโดนแฟนสาวบอกเลิกหลังผ่านมาแล้วเกือบอาทิตย์ กว่ากีรติจะยอมเปิดปากบอกเขาต้องซักไซ้อยู่หลายครั้งหลายครา ก้องภพตกใจไม่น้อยเมื่อทราบข่าวเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าความสัมพันธ์ทั้งสองจะจบลงง่ายดาย ไม่มีสัญญาณบอกเหตุแต่อย่างใด ทั้งที่ตลอดการคบหาเห็นพวกเขาคลั่งรักปานจะกลืนกิน
แต่ดันเป็นคู่ที่แยกทางกันก่อนคู่เพื่อนคนอื่นเสียอีก หนำซ้ำอดีตแฟนสาวของกีรติกำลังเข้าวิวาห์กับผู้ชายคนอื่น ซึ่งไม่รู้เอาเวลาไหนไปคบกัน หรือซุ้มคบเงียบ ๆ แล้วปิดบังกีรติกันแน่ เขาตีความหมายได้ว่าเขาเป็นแค่คนคั่นเวลา และกลายเป็นชู้กับแฟนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นแค่ส่วนเกินถึงเวลาต้องหอบหัวใจไร้ค่าช้ำเลือดช้ำหนองออกมาเอง
"ที่แท้ก็แค่หลอกกูไปวัน ๆ เล่นกับความรู้สึกกูได้หน้าตาเฉย หลอกให้กูเชื่ออย่างสนิทใจ ผู้หญิงสองใจ!" ก่นด่าอดีตคนรักเสร็จแก้วเหล้าสีอำพันก็ถูกยกกระดกดื่ม สาดเหล้ารสเข้มข้นลงคอราวกับดื่มน้ำเปล่า ฝ่ามือหนากำแก้วกระเบื้องแน่นด้วยแรงเคียดแค้นจนแทบจะแตกคามือ
วันนั้นที่พิมพิกาบอกเลิก นอกจากหัวใจที่อกหักอย่างแสนสาหัส ยังต้องอับอายต่อหน้าผู้อื่น และสายตาคนนับสิบคนที่มองมายังเขาอย่างติฉินนินทาเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นชู้ที่ไม่ยอมเลิกรา ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายตัวจริง
กีรติย้อนคิดไม่ลืมสักเสี้ยวเดียว อนาคตที่เคยวางแผนเอาไว้กับเธอหลังเรียนจบนั้นพังทลาย เขาแทบไม่มีแรงก้าวต่อเสียหลักในชีวิตเลยก็ว่าได้
เดิมทีมีแต่ความหวังดีมอบให้เธอ ส่วนยามนี้มากไปด้วยความโกรธเกลียด เพียงแค่ไม่มีปัญญาเอาคืนเธอเจ็บได้ครึ่งที่ตนรู้สึก จึงใช้เหล้าย้อมใจประชดชีวิตอันบัดซบไปให้พ้นวัน
"ผู้ชายที่พิมพิกาแต่งงานด้วยรวย เพียบพร้อมเป็นผู้หญิงคนไหนก็เลือกทั้งนั้น" อาจจี้จุดกีรติไปหน่อยแต่ล้วนเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธบนโลกเหลี่ยมยิ่งกว่าเพชร และสังคมที่ตัดสินคนอื่นจากฐานะ หน้าที่การงาน อื่น ๆ
เนื่องด้วยต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน โชคร้ายที่ครอบครัวกีรติมีความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบากต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำมากกว่าชาวบ้านเขา ความสัมพันธ์รักกับสาวคนรักคนล่าสุดจึงไม่ยืดยาวเพราะเธอเป็นลูกผู้ดีมีเป้าหมายอนาคตอีกไกล ไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันขั้นสุดเป็นอีกส่วนหนึ่งทำให้รักหนึ่งปีต้องปิดฉากลง
"หน้าเงินน่ะสิไม่ว่า!"