บท
ตั้งค่า

ชีวิตของเรยา

03.30 น.

กริ๊งงงงง! กริ๊งงงงง! เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นสนั่นในยามวิกาล เวลานี้อาจจะเป็นเวลานอนของใครหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่กับฉันอย่างแน่นอน เพราะฉันมีหน้าที่ที่จะต้องทำคือตื่นขึ้นมาเตรียมของที่จะไปขายในยามเช้าตรู่

ฉันงัวเงียค่อย ๆ ตื่นลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เพิ่งจะนอนหลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นจากที่นอนในขณะที่ยังไม่ทันได้ลืมตาเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เกิดมาชีวิตของฉันยังไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าสบายเลยสักครั้ง

ฉันกับน้องชายลืมตาขึ้นมาดูโลกได้แค่ไม่กี่ปี พ่อแม่ก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครอยากจะรับไปเลี้ยงดู เพราะกลัวว่าฉันกับน้องจะไปเป็นภาระ จะมีก็แต่มูลนิธิที่รับเราสองพี่น้องไปเลี้ยงจนเติบโต พอฉันอายุได้สิบแปดปี ก็เลยพาน้องออกจากมูลนิธิเพื่อมาใช้ชีวิตของตัวเองคือทำงานเก็บเงิน อย่าถามเรื่องการเรียน เพราะฉันเรียนจบแค่ ม.3 ส่วนริวตอนนี้เรียนอยู่ม.5 แล้ว แถมยังสอบได้ที่หนึ่งของห้องตลอด

“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำงานหนัก” ฉันรีบวิ่งไปหาริวทันทีเมื่อเดินออกมาจากห้องแล้วเห็นว่าริวกำลังยกของหนัก ‘ริว’ คือน้องชายฉันเองเราสองคนอายุห่างกันห้าปี ฉันอายุ22 ส่วนริวอายุ 17

“ริวแค่อยากแบ่งเบาภาระพี่บ้าง”

“แต่ริวไม่สบายอยู่ ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ” ฉันบอกน้องด้วยความเป็นห่วง

เพราะริวมีโรคประจำตัวตั้งแต่กำเนิด ซึ่งโรคนี้จะหายได้ก็ต่อเมื่อเรามีเงินผ่าตัด ซึ่งค่ารักษามันก็ไม่ใช่น้อย ซึ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือรักษาประคับประครองอาการไม่ให้กำเริบขึ้นมา

“ริวแค่ไม่อยากเห็นพี่เรยาต้องทำงานหนัก”

“พี่ทำได้ ริวไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกนะ”

“......” ริวมองหน้าฉัน แววตาของน้องมันช่างเศร้าเหลือเกิน ฉันรู้ว่าริวคงรู้สึกแย่ที่ช่วยฉันทำอะไรได้ไม่มาก แต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมที่เคยพูดเสมอมา ว่าฉันทำเพื่อน้องได้ทุกอย่าง ตอนนี้ฉันพยายามเก็บเงินเพื่อให้พอกับค่าผ่าตัดของริว ซึ่งมันก็ได้มาแล้วส่วนนึงแต่ก็ยังคงขาดอีกเยอะอยู่ดี

“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน” ฉันยิ้มกว้างให้น้อง เพื่อให้ริวไม่ต้องคิดมาก เพราะถึงยังไงอนาคตของน้องก็สำคัญที่สุด ฉันจึงยอมหยุดเรียนเพื่อออกมาทำงานหาเงินให้น้องได้เรียนต่อ

“ริวสัญญา ถ้าริวเรียนจบ ริวจะเลี้ยงพี่เอง พี่จะได้ไม่ต้องลำบาก” ริวพูดด้วยสายตามุ่งมั่น แค่ได้ยินคำพูดของริว มันก็ทำให้ฉันมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่มีวันทิ้งริว

“......”

หลังจากที่ฉันจัดการเตรียมของจนเสร็จ ฟ้าก็เริ่มจะสว่างพอดี ฉันยกข้าวของทุกอย่างเพื่อนำไปใส่รถเข็น แล้วเข็นไปขายที่ตลาดหน้าปากซอย บางวันก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง อันนี้ก็แล้วแต่ดวง

“เอาข้าวสองกล่อง”

“ได้แล้วจ้ะเจ๊ จะไปเที่ยวไหนแต่เช้า” ฉันยื่นข้าวกล่องให้เจ๊ออยเหมือนทุกครั้ง เจ๊ออยคือลูกค้าประจำที่อยู่ในซอย เขามักจะมาอุดหนุนฉันเป็นประจำ เกือบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ วันนี้เจ๊แต่งตัวสวยซะด้วย ว่าแต่ว่าจะไปไหนแต่เช้า

“ไปเที่ยวบ้านป้าแกสิ ฉันเพิ่งจะกลับจากทำงาน”

“เมื่อคืนแขกเยอะหรอเจ๊” ฉันถามกลับด้วยความสนิทสนม เพราะฉันรู้ว่าเจ๊ออยทำงานในผับ เป็นพวกเด็กนั่งดริ้งค์ บางทีก็ออกไปต่อกับแขกประมาณนี้ เพราะเจ๊เคยชวนฉันให้ไปทำงานด้วยหลายครั้ง แต่ฉันก็ปฏิเสธทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเงินมันจะดีก็ตามเถอะ

“เออ! ช่วงนี้แขกเยอะ พนักงานก็ไม่ค่อยมี ฉันก็เลยทำงานหลายอย่าง ตัวเป็นเกลียวอยู่เนี่ย”

“......” ฉันได้แต่ยิ้มตอบกลับไป ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิดที่แขกจะติดเจ๊ออยเพราะเจ๊ทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันยังชอบเลย

“ฉันฝากให้ไอ้ริวเอาไว้กินขนม” เจ๊ออยยื่นเงินแบงก์พันให้ฉันสองใบ เจ๊มักจะให้แบบนี้ประจำเพราะสงสารและเอ็นดูริวเสมือนน้องชายแท้ๆ คนนึง ซึ่งบางทีฉันก็รับบ้างไม่รับบ้างเพราะเกรงใจ

“ไม่เอาหรอกเจ๊มันเยอะเกินไป” ฉันบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับเงินนั่นเพราะเกรง ใจ

“เอาไปเถอะน่า เมื่อคืนได้ทิปมาเยอะ แกไม่ต้องเป็นห่วง” สุดท้ายเจ๊ก็เอาเงินนั้นยัดใส่มือฉันอยู่ดี ฉันเลยต้องยอมจำใจรับมาอย่างห้ามไม่ได้

“......”

“ถ้าแกเปลี่ยนใจอยากไปทำงานกับฉันก็บอกนะ จะได้ฝากให้”

“ไม่เป็นไรหรอกเจ๊” ฉันพยายามคิดตามที่เจ๊ออยพูด อาจจะมีบางครั้งที่ฉันหวั่นไหวเคยคิดจะเดินตามทางของเจ๊ออย เพราะอยากให้ริวสบายแต่ก็ดึงสติตัวเองให้กลับมาได้ทุกครั้ง

“สวย ๆ อย่างแก รับรองลูกค้าเพียบ”

“ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ๊ ขอบคุณเจ๊มากนะ” ฉันยังยืนยันคำเดิม เพราะถึงยังไงฉันก็ขอเลือกที่จะทำอาชีพสุจริตต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะได้เงินไม่มากเท่าเจ๊ออย แต่ฉันก็คิดมีความสุขมากพอแล้วในสิ่งที่ทำ

“คิดดูดี ๆ แล้วกัน ถ้าแกไปทำงานกับฉัน ชีวิตของแกกับน้องจะได้ดีขึ้น ไม่ต้องทำงานงก ๆ ลำบากอยู่แบบนี้!”

“......”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel