บทที่ 5
@คอนโด
กดกริ่งแล้วฉันก็ยืนรออยู่หน้าห้อง พร้อมกับกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับรอยยิ้มหล่อ ๆ ของคนที่เป็นเจ้าของห้อง
“มาเร็วนี่”
“ก็พี่ต้องการแบบนั้นไม่ใช่เหรอ”
“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวพี่ถือให้” เขายื่นมือมา ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่างจากเมื่อคืนลิบลับ
“ไม่เป็นไรค่ะหนูถือเองได้ แล้วจะให้หนูเข้าไปได้ยัง”
“อ้อ! โทษทีเข้ามา ๆ”
ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะคนรวยอย่างเขา มาถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าพี่คินคนนี้ทำอาชีพอะไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้
ห้องนี้อยู่ชั้นเกือบจะบนสุดของตึก ทำให้สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา คนเป็นเจ้าของห้องอาจจะชินกับภาพที่เห็นแต่สำหรับฉันแล้วมันเหมือนสวรรค์เลยทีเดียว
“อ่ะน้ำส้มคั้นสด ๆ” เขาเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำส้ม ขณะที่ฉันกำลังนั่งรับลมเย็น ๆ รออยู่โซฟาตรงระเบียง
“ขอบคุณค่ะ”
เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นล็อกใบหน้าจ้องมองมาที่ฉันเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
“พี่มองหนูอย่างนี้หมายความว่าไง” ฉันเอ่ยถามหลังจากจิบน้ำส้มคั้นแล้ว
“ตอนเราไม่แต่งหน้าจัด ๆ ก็น่ารักดีนะ แต่งตัวชิว ๆ อย่างนี้เหมาะกับเรามากกว่า”
“หนูรู้ตัวอยู่แล้วน่า ไม่ต้องมาแนะนำหรอก” ฉันเบะปากทำเป็นไม่สนใจ รู้สึกแปลก ๆ จะยิ้มก็ไม่กล้ายิ้ม มีคนชมต่อหน้าอย่างนี้ไม่เขินก็ไม่รู้จะว่ายังไง
“อ้อ ลืมถามไปเลย ย้ายมาอยู่กับพี่อย่างนี้พ่อแม่เราไม่ว่าเหรอ”
“หนูอยู่ตัวคนเดียวค่ะ พ่อแม่ตายหมดแล้ว”
“พี่ขอโทษด้วยนะไม่นึกว่าเราจะ...” เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้ความจริง
“ขอโทษทำไมคะพี่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย หนูเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปทำไมจะต้องไปนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ให้มันเศร้าด้วยล่ะ” ฉันเอ่ยหน้านิ่งเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เขาถาม แต่ทว่าความจริงแล้วฉันเก็บมันไว้ในใจต่างหาก ไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันเองก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกัน
“โห! สุดยอดอ่ะน้อง ถ้าพี่คิดได้อย่างน้องบ้างคงจะดี”
“พี่ก็คิดสิคะ ว่าแต่เมียพี่จะมาตอนไหนล่ะ”
“อีกสักพักนี่ล่ะ เราเตรียมตัวได้เลย”
“ถ้าเมียพี่ทำอะไรหนู หนูคิดค่าเจ็บตัวด้วยนะบอกไว้ก่อนเลย”
“โคตรงกเลยอ่ะ พี่ไม่ให้มันเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นหรอกน่า”
“ว่าแต่...พี่มั่นใจเหรอว่าเมียพี่จะกลับมา พาเมียน้อยมานอนในห้องแบบนี้ เมียหลวงที่ไหนจะยอมคืนดีคะ”
“พี่รู้จักนิสัยเมียพี่ดี แอลเป็นคนชอบเอาชนะ แล้วที่ไปมีผู้ชายคนใหม่ก็เพราะพี่ไม่มีเวลาให้ เลยประชดด้วยการมีชู้นั่นล่ะ” น้ำเสียงที่เคยร่าเริงกลับเบาลงเมื่อกล่าวถึงเรื่องเมีย
“ดูท่าทางพี่จะรักเมียมากเลยนะ”
“ใช่…รักมากที่สุดเลยล่ะ เราคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัยจมาจนถึงตอนนี้ แต่ช่วงหลังงานที่บริษัทเยอะพี่เลยไม่ค่อยมีเวลาพาไปเที่ยวเหมือนช่วงแรก ๆ แอลเลยเหงาจน...”
“ทำไมพี่ต้องเครียดขนาดนั้นด้วยคะ เรื่องแค่นี้เองยิ้มเข้าไว้สิ ยิ้มกว้าง ๆ เหมือนที่หนูยิ้ม” ฉันเกลียดเรื่องดราม่ามาก ไม่อยากให้ชีวิตต้องมาเจอกับสถานการณ์อย่างนี้
เขายิ้มอย่างที่ฉันบอกแต่เป็นยิ้มที่มองออกว่าฝืนทำ แต่นั่นเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการเริ่มต้นสร้างภูมิคุ้มกันให้กับปัญหาในครั้งนี้
ฉันอยากทำให้ผู้ชายคนนี้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม คนที่หล่อครบเครื่องอย่างนี้ไม่ควรมาทุกข์ใจเพราะผู้หญิงคนเดียว คนอย่างเขาควรจะเป็นฝ่ายเลือกมากกว่า ฉันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงมีความคิดอย่างนั้น ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน
“ขอบใจนะที่ทำให้พี่ยิ้มได้”
“ไม่เป็นไรค่ะมันคืออาชีพของหนูอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าหนูเป็นเด็กนั่งดริ้ง” ฉันยิ้มให้เขา
“แล้วทำไมไม่ไปทำงานอย่างอื่นล่ะ ในเมื่อเลือกที่จะไม่ขายตัวแล้ว ไม่กลัวว่าจะพลาดหรือไง”
“ก็มันได้เงินดีนี่คะพี่ หนูอยากได้เงินเยอะ ๆ ไปซื้อบ้าน” ฉันเล่าความฝันให้เขาฟังอย่างไม่อาย
“ซื้อบ้าน? แล้วที่อยู่ตอนนี้ไม่ใช่บ้านเหรอ”
“ก็ใช่ค่ะ แต่บ้านหนูอยู่ในสลัม หนูอยากย้ายออกมาจากที่นั่น”
“พี่ซื้อให้ก่อนไหมล่ะ วาค่อยผ่อนจ่ายทีหลัง”
“ไม่เอาหรอกค่ะมันไม่น่าภูมิใจ หนูรู้ว่าพี่รวย พี่อยากช่วย แต่หนูไม่อยากให้คนมองว่าหนูเป็นเด็กเสี่ย”
“ก็ไม่ต้องให้ใครรู้”
“แต่หนูรู้อยู่แก่ใจ พี่ไม่ต้องทำหน้าสงสารหนูอย่างนั้นหรอกค่ะ หนูชิว ๆ”
“เรานี่มองโลกในแง่ดีมากเลยนะ ถ้าได้อยู่ด้วยกันทุกวันพี่คงจะมองโลกในแง่ดีตามไปด้วยแน่ ๆ”
“ก็แล้วแต่พี่ อยากจะเครียดไปตลอดก็แล้วแต่”
“ว่าแต่...วามีแฟนหรือยังล่ะ”
“ยังไม่มีค่ะ ตอนนี้โฟกัสแค่เรื่องเรียนกับเรื่องบ้านก่อน”
“ดีแล้วล่ะอย่าเพิ่งมีเลย เดี๋ยวจะเครียดเหมือนพี่”
“แล้วพี่มีรูปเมียพี่ป่ะคะ อยากเห็นจังว่าจะสวยเท่าหนูหรือเปล่า” ว่าแล้วก็ขำเบา ๆ