ตอนที่ 5 กล้ามาหยามฉัน
ผ่านมา 1 ปี ผมไม่สามารถลืมเรื่องราววันนั้นได้เลย วันที่ผมกำลังมีความสุขแต่แล้วมัจจุราชก็มาพรากเอาความสุขนั้นของผมไป ผมจมอยู่กับความทุกข์มาตลอด 1 ปีเต็ม ผมเหมือนคนที่มีชีวิตแต่ไร้ซึ่งวิญญาณ มันทรมานมากนะครับ ทรมานเกินจะบรรยายให้ใครรู้ได้จริงๆ
“นายครับ คุณท่านถามหานายครับ”คิม บอดี้การ์ดส่วนตัวของผมเดินเข้ามาบอกในขณะที่ผมกำลังผูกเนกไทน์อยู่
“อืม บอกท่านว่า เดี๋ยวฉันลงไป”
“ครับนาย”
ผมกับพ่อจะกินข้าวด้วยกันอาทิตย์ละครั้ง เรียกได้ว่าพ่อขอเจอหน้าสมาชิกในบ้านอาทิตย์ละครั้งก็แล้วกันนะครับ เพราะปกติก็ต่างคนต่างไป
ผมค่อยๆเดินมายืนตรงหน้ารูปแต่งงานของผมกับนุดี ผมค่อยๆใช้มือนั้นลูบไปที่ใบหน้าที่ใสสะอาดนั้นอย่างเบามือที่สุด
“สบายดีมั้ยครับนุดี คิดถึงผมมั้ย คุณอยู่กับลูกคงสนุกกันทั้งคู่เลยซินะ แต่ผมไม่มีควาสุขเลย ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ”
เจ็บปวดใจจนอธิบายมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยจริงๆนะ เพราะการจากลาของผมกับนุดี มันมาแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วที่จริงทั้งผมทั้งนุดีเราควรจะมีควาสุขกันมากกว่านี้ ที่จริงเรื่องวันนั้นตำรวจก็สรุปว่าเป็นอุบัติเหตที่เกิดจากความประมาท เพราะต้นตอของเพลิงไหม้มันคือเทียนที่นุดีจุดไว้ มันอาจจะเป็นเทียนที่นุดีตั้งใจจุดเพื่อเซอร์ไพร์ผมก็ได้
แล้วพอจัดการกับอารมณ์ตัวเองเสร็จผมก็เดินลงมาข้างล่างที่ตอนนี้มี พ่อ แม่รอง แม่เล็กแล้วก็น้องสาวของผมอยู่ ผมลืมบอกว่าพ่อผมมีเมีย 3 คน ผมเป็นคนโตที่เกิดกับเมียหลวง ส่วนแม่รองก็มีลูกชายเหมือนกัน แล้วแม่เล็กก็ให้กำเนิดน้องสาวคนเดียวของบ้าน ทุกคนต่างอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ไม่เคยทะเลาะกันเลยเรื่องตำแหน่งเมีย มีแต่ผมนี่แหละที่ขาดแม่เพราะแม่ป่วยตายไปตั้งแต่ผมยังเล็ก
“สวัสดีครับพ่อ”
ผมนั่งลงพร้อมกับเอ่ยทักทายพ่อตามมารยาท
“วันนี้จะมีแขกของฉันมาจากอเมริกา แกช่วยพาแขกของฉันไปกินข้าวหน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไม”
“เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบของนุดี ผมจะไปหานุดีครับ”
ทุกอย่างเงียบลง รวมไปถึงพ่อของผมด้วย
“เมื่อไหร่จะลืมได้ซักที ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแล้วนะเมฆา”
ผมรู้ว่าพ่ออยากให้ผมลืมนุดีและเริ่มต้นใหม่ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นนะครับ
“แกไม่ควรไปจมปักกับอะไรพวกนี้นะ”
“ผมยอมทำตามที่พ่อขอทุกเรื่องนะครับ แต่สำหรับเรื่องนุดี ผมคงยอมพ่อไม่ได้จริงๆ”
“เมฆา”
“คุณคะ”
แม่รองพูดขึ้นขัดพ่อทันที ทำให้พ่อชะงักลง
“อย่ากดดันลูกเลยค่ะ”
“คุณหยุดไปเลยนะคุณนิพา ผมจะสั่งสอนลูกของผม และถ้าคุณมีเวลามายุ่งไม่เข้าเรื่องมากนักคุณก็ไปสั่งสอนลูกชายตัวดีของคุณที่มันไม่เอาอะไรเอาแต่ใช้ชีวิตเหลวแหลกไปวันๆนั่นให้กลับมาช่วยงานที่บ้านได้แล้ว”
คำพูดของพ่อทำให้แม่รองต้องเงียบลงอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย
“ส่วนแกยายเกล อย่าเอาแต่แต่งตัวไปอ่อยผู้ชายไปวันๆหันมาทำงานบ้างถ้าไม่อยากให้ฉันด่าแม่ของแกไปด้วยอีกคน”
“ค่ะพ่อ”เกลตอบพ่อเสียงอ่อยเลย
ตอนนี้บนโต๊ะอาหามันไม่ได้มีควาสุขเลยครับ เพราะคำพูดของพ่อมันได้ทำร้ายใจของทุกคนไปหมดแล้ว
“พี่เมฆา”
เสียงรียกชื่อผมดังมาจากด้านหลังแล้วคนที่เรียกก็คือเกลน้องสาวของผมนั่นเอง
“มีอะไรเหรอ”
“คือว่า คือ…”
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ จะเอาอะไร”
“คือว่าเกล เกลขอยืมเงินพี่ก่อนได้มั้ยอ่ะ พอดี เกลจะไปลงทุนร้านอาหารกับเพื่อนอ่ะ แต่เกลไม่กล้ายืมคุณพ่อ”
ผมนิ่งไปพักนึง เลยที่จริงเกลจะได้เงินเดือนใช้อยู่แล้ว คือเดือนละ 5 หมื่นจากการโอนเข้าของบัญชีกลางของครอบครัว
“เงินหมดแล้วเหรอ”
“”มันไม่พอหรอกพี่เมฆา แค่ 5 หมื่นเอง”
“แล้วจะเอาเท่าไหร่”
“3 แสนค่ะ เกลขอแค่ 3 แสน นะคะพี่เมฆา ให้เกลนะ”
“อืม เดี๋ยวพี่ให้คนโอนไปให้แล้วกัน”
“จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะ เกลรักพี่เมฆาที่สุดเลย”
เกลเข้ามากอดผมพร้อมกับรีบวิ่งเข้าบ้านด้วยความดีใจ ส่วนผมก็เดินมาขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวไปหานุดีที่สุสานที่ผมทำไว้เธอ
“คิม แกไปสืบมาว่าไอ้ผู้ชายที่มันกำลังมาเกาะยายเกลมันเป็นใคร”
“ครับนาย”
ที่จริงผมรู้มาซักพักแล้วว่ายายเกลติดผู้ชายแล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังสูบเลือดสูบเนื้ออยายเกลด้วย
“อีกอย่างวันนี้ฉันจะไปตรวจบัญชีที่บริษัทนะ ”
“ครับนาย”
แล้วรถก็แล่นออกจากบ้านตรงไปที่สุสาน ผมในชุดสูทสีขาวค่อยๆวางดอกไม้ตรงหน้าหลุมศพของนุดีพร้อมกับวางชาดอกไม้ที่นุดีชอบไว้ด้วย
“ครบ 1 ปีแล้วนะที่คุณหนีผมไป”
ผมมองรูปที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำก่อนจะมองไปยังอีกหลุมที่ผมทำเตรียมไว้
“หลุมนี้มันคือหลุมของผมนะนุดี รอผมหน่อย รอให้ผมเคลียร์อะไรเรียบร้อย ผมอาจจะไปอยู่กับคุณเร็วขึ้นก็ได้”
บางคนอาจจะคิดว่าผมบ้าที่ผมเตรียมหลุมไว้ฝังตัวเอง แต่เพราะผมรักนุดีมาก บางทีผมก็อยากจะตามเธอไปเร็วๆนี้เลยให้จบๆไป
จนเวลาผ่านไปถึงช่วงบ่ายผมก็เข้าไปที่บริษัท แต่หัวหน้าแผนกบัญชีการเงินกลับหายตัวไป ผมจึงให้คนมาเข้าระบบและตรวจสอบการเงินทั้งหมด มันเลยทำให้ผมรู้ว่าเงินได้หายไป 10 ล้านบาท
“ตามตัวไอ้อานนท์มันมาให้ได้ แล้วถ้าเจอเมื่อไหร่ก็อย่าพึ่งฆ่ามันทิ้งละ รอให้ฉันไปจัดการมันเอง โทษฐานที่มันกล้ามาหยามฉันถึงที่แบบนี้”
“ครับนาย”