2
“วันนี้ฝนสอบเสร็จตอนบ่ายสองนะคะคุณแม่ เสร็จแล้วฝนจะนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ”
เด็กน้อยดวงหน้าขาวใสและสวยสมวัย จ้องมองแม่ผ่านกระจกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าผู้แม่กลับครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบลูกออกไปด้วยท่าทีเป็นกังวลไม่น้อย
“ไม่เอาดีกว่าลูก เดี๋ยวแม่จะโทรบอกบ้านคุณน้าพงษ์ว่าให้ฝนกลับพร้อมยัยพลอยแล้วส่งลงที่บ้าน เพราะยังไงๆ ก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว เลี้ยวเข้ามาหน่อยเดียวเอง”
คนฟังทำหน้างอเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าจะขัดคำสั่ง พัณนิดารู้ดีว่าลูกลำบากใจที่จะทำตาม แต่ก็อยากจะฝึกให้ลูกมีความอดทนอดกลั้นกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพื่อจะได้มีภูมิต้านทานไว้สู้กับสิ่งไม่คาดฝันในวันข้างหน้า
“ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว ยัยพลอยเป็นน้องนะลูก มีอะไรฝนก็ต้องอดทน ต้องไม่โกรธน้องเด็ดขาด เหมือนพี่พีทที่ไม่เคยโกรธฝนเลย ถึงฝนจะเกเรกับพี่ยังไงก็ตาม” พัณนิดามักจะสอนลูกไว้แบบนี้เสมอๆ เมื่อมีโอกาส
“แต่ฝนไม่เคยว่าพี่พีทเป็นกาฝาก เป็นเด็กที่คุณแม่เก็บมาจากกองขยะนี่คะ พลอยนิสัยไม่ดี ชอบว่าฝน ชอบอิจฉาฝนด้วย เวลาฝนสอบได้ที่หนึ่งแล้วครูให้รางวัล พลอยกับเพื่อนชอบจะว่าฝนแบบนี้ตลอด ฝนไม่อยากนั่งรถมาพร้อมพลอยเลยค่ะคุณแม่”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พัณนิดาได้ยินจากปากลูก แม้ในใจจะเจ็บแปลบๆ เพราะสงสารลูกสักแค่ไหน แต่ความเป็นแม่ก็จำจะต้องสั่งสอนให้ลูกคิดในทางบวกมากกว่าทางลบ เพราะพัณนิดาประสงค์จะให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก น่าเอ็นดู ใครเห็นต้องรักและสงสาร ไม่ใช่ก๋ากั๋น เอาแต่ใจตัวเอง และรังแกคนอื่นไปทั่ว
“ฝนก็ไม่ต้องไปโกรธน้องนะจ้ะ ไม่ว่าใครจะคิดหรือพูดยังไง แต่ฝนก็คือลูกสาวของแม่ และเป็นลูกที่แม่รักมาก พี่พีทกับป้าสุด้วย ทุกคนในบ้านรักฝน เพราะฝนของแม่เป็นเด็กดี น่ารัก เรียนเก่ง ว่านอนสอนง่าย รู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ฝนไม่ต้องไปสนใจคำของคนอื่นนะ เอางี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวแม่จะโทรให้พี่พีทไปรับดีกว่า เห็นพี่พีทบอกว่าช่วงเช้าจะเข้าไปช่วยแม่ที่ออฟฟิศ แล้วจะออกมาซื้อของเตรียมไปเมืองนอก เสร็จแล้วก็พากันไปเดินห้างทั้งสองพี่น้อง เย็นๆ เราก็ไปฉลองที่ลูกสาวแม่จบประถม ดีมั้ยจ้ะ”
“ฝนรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ” เด็กน้อยแทบจะโผลเข้าไปกอดทันทีเมื่อแม่มัดผมเปียให้เสร็จ
“แม่ก็รักลูกจ้ะ งั้นเราไปกันดีกว่านะ”
“คอยนานหรือยังเพชร ขอโทษทีนะพี่ประชุมเพิ่งเสร็จ ไปกันเถอะ”
พชรเดินหน้าตื่นออกมาหาน้องที่นั่งจิบกาแฟรออยู่ห้องรับแขกด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไรนัก เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล ในวัยสิบแปดย่างสิบเก้าปีลุกขึ้นยกมือไหว้พี่ชายตามปกติ ก่อนจะก้มลงไปยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วทั้งคู่ก็วิ่งลงไปตามบันไดตึกจากชั้นสาม โดยไม่ต้องพึ่งพาลิฟท์ให้เสียพลังงานของชาติ เพราะต่างมีร่างกายแข็งแรง พละกำลังเหลือเฟืออยู่แล้ว
“อ้าว! จะไปห้างไหนกันแน่เหรอพี่พีท หรือว่าเลี้ยวผิด” เพชรกล้าเอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายเลี้ยวไปคนละเส้นทาง
“เปล่าหรอก! แต่ต้องไปรับยัยฝนที่โรงเรียนก่อน คุณแม่เพิ่งบอกพี่ตอนอยู่ในห้องประชุม สอบวันสุดท้ายเด็กๆ จะสอบไม่ตรงกัน จะกลับกับรถก็ต้องรอเด็กอีกชั้นสอบเสร็จหลายชั่วโมง คุณแม่ก็เลยไม่อยากให้ยัยฝนนั่งเหงาน่ะ คงไม่ว่านะถ้าจะต้องหอบน้องเข้าห้างด้วย หรือจะไปส่งที่บ้านก่อนดีล่ะ”
เพชรกล้ากรอกตาไปมาด้วยท่าทีไม่พอใจนัก เพราะไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องมีคนอื่นร่วมทางไปด้วย แม้พ่อมักจะสอนประจำว่าเด็กหญิงพิรุณญาคือบุคคลในครอบครัวของป้า ที่เขาต้องรักและเอ็นดูด้วยสักแค่ไหน แต่สำหรับเขาแล้วไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลย ข่าวคราวที่ไม่ค่อยจะดีนักของเด็กคนนี้ เขามักจะได้ยินพลอยไพรินผู้เป็นน้องสาวนำไปบอกเล่าให้ฟังที่บ้านเป็นประจำ
“ทำเป็นหน้าใหญ่เลี้ยงไอติมเพื่อนบ้างล่ะ เลี้ยงขนมบ้างล่ะ เจอหน้าพลอยในโรงเรียนก็ไม่คิดจะหันมามองมาพูดด้วย ทำเป็นหยิ่ง เห็นว่าป้านิรักและเอาใจเลยไม่มองพลอย แล้วเค้าก็จะคบแต่เพื่อนรวยๆ ด้วยนะพี่เพชร”
รวมทั้งอาพริ้มพราวด้วย ที่มักจะคอยไปเล่าให้ทุกคนในบ้านเขาฟังถึงความใจปั้มของ ‘ป้านิ’ ที่ทุ่มเทเงินให้ลูกเลี้ยงไม่อั้น เงินครึ่งค่อนล้านก็ถูกทุ่มให้กับโรงเรียนนี้ เพื่อให้แม่ลูกกาฝากได้เข้ามาเรียน ได้เชิดหน้าชูตาเหมือนเด็กคนอื่นๆ
“อุ๊ย! อย่าได้ริไปเตือนเชียวนะคะพี่ภา พี่พงษ์ เพราะพี่พัณไม่ฟังหรอกค่ะ ไม่รู้จะรักมันอะไรกันนักกันหนา แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง ไม่เห็นต้องให้เรียนที่เอกชนที่ค่าแป๊ะเจี๊ยะแพงหูดับอย่างนี้เลย เสื้อผ้าของมันก็มีแต่ของดีๆ ของแบรนด์เนมทั้งนั้น อีกหน่อยถ้ามันโตมาแล้วเนรคุณพริ้มจะสมน้ำหน้าให้เข็ด เผลอๆ พอมันเป็นสาวขึ้นมาหน่อย ตาพีทนั่นล่ะจะลำบาก เห็นรักใคร่กลมเกลียวกันเหลือเกิน พี่ให้ของก็ดีใจวิ่งไปกอดบ้าง หอมแก้มบ้าง อีกหน่อยก็ได้เป็นพี่น้องหน้าท้องชนกันให้พี่พัณได้อกแตกตายแน่ๆ ไม่ชื่อคำพริ้มก็คอยดูไปเถอะ”
เขาเห็นพ่อกับแม่และน้องนั่งฟังคำอาพริ้มพราวพูดเป็นต่อยหอยจนหน้าเหรอๆ ไปตามๆ กัน ทั้งที่เขาก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับข้อสันนิฐานนี้ แต่ก็ไม่คิดจะออกความคิดเห็นใดๆ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ถ้าไม่ชอบมากๆ เขาก็จะพาตัวไปอยู่ห่างๆ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเด็กเหลือขอก็แค่นั้น แต่วันนี้เขาจำต้องฝืนใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ฝนอยากได้อะไรก็มองๆ ไว้นะ ผลสอบออกคุณแม่จะมาซื้อให้”