บทที่ 6 Étoile Blossom
หลังจากจัดช่อดอกกุหลาบเก้าสิบเก้าดอกอย่างประณีตจนเสร็จเรียบร้อย ฝนก็รีบขับรถออกไปส่งดอกไม้ให้ลูกค้า เหลือเพียงแพรไหมและดาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเล็กข้างเคาน์เตอร์ บนโต๊ะมีพิซซ่าถาดใหญ่สองคนที่เหลือหลายชิ้น แพรไหมหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นกัดเบา ๆ เป็นพิซซ่าฮาวายเอี้ยน รสหวานและเค็มกำลังดี เธอยิ้มให้ดาวที่กำลังตักพิซซ่าลงจานตัวเอง
“เออ… วันนี้พูดถึงเรื่องความรักหน่อยสิ” แพรไหมเอ่ยพลางมองดาวและน้ำฝนในความคิด “อีกไม่นานน้ำฝนก็จะแต่งงานแล้วนะ ท้องก็เพิ่งสองเดือนเอง รีบแต่งก่อนท้องใหญ่เกินไปอีกหน่อยเลย” แพรไหมพูดออกมาเช่นนี้ ดาวพยักหน้าเห็นด้วย
“แฟนฝนก็ดีจริง ๆ นะ ฉันเห็นเขามารับมาส่งทุกวัน แล้วทำงานด้วยทั้งในบริษัทและขับแท็กซี่หาเงินเลี้ยงลูกในอนาคตอีกด้วย” ดาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แพรไหมหัวเราะเบาๆ
“ใช่ พี่เห็นว่าวาโยเป็นผู้ชายดีมากเลย ขยันอีกต่างหาก แต่พี่… เอาจริงๆ คงไม่คิดมีใครตอนนี้หรอก อยู่คนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่อยากหาเหาใส่หัวตัวเองด้วย” แพรไหมฝนหัวเราะเสียงใส
“เอ้า! พี่ไหม ไม่คิดจะมีใครจริง ๆ เลยเหรอคะ?” ฝนถามด้วยความสงสัย แพรไหมยักไหล่อย่างไม่ถือตัว พลางตักพิซซ่าขึ้นอีกชิ้น
“ไม่หรอก ขืนมีแฟน คงโดนบ่นเรื่องงานตลอด เอาเวลาไปจัดดอกไม้กับพวกแกดีกว่า” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงติดตลก พร้อมกับเสียงหัวเราะ ดาวหัวเราะตาม
“เจ้านายยังคงเป็นเจ้านายที่น่ารักที่สุดเลยล่ะค่ะ” ดาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แพรไหมยิ้มให้สองสาว เธอรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าของร้าน แต่กับฝนและดาว เธอไม่เคยถือท่าทีเหนือกว่า เหมือนเพื่อนสาวตัวจริงที่สามารถพูดคุยและหัวเราะกันได้ทุกเรื่อง
“เอาล่ะ” แพรไหมลุกขึ้นยืดตัวเล็กน้อย พลางมองรอบร้านที่ยังเต็มไปด้วยดอกไม้สด “เรามาเตรียมจัดช่อใหม่กันต่อเถอะ งานยังรออยู่เยอะเลยนะพวกเธอ”
ฝนและดาวพยักหน้า ก่อนทั้งสามจะหัวเราะไปพร้อมกันอีกครั้ง ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้และความอบอุ่นของเพื่อนสาวที่ทำให้ Étoile Blossom กลายเป็นทั้งร้านดอกไม้และพื้นที่หัวใจสำหรับพวกเธอ
แพรไหมขับรถสปอร์ตสีเทาหรูมาจอดตรงลานจอดรถด้านหน้าร้าน Black Fang Tattoo Studio หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก แม้วันนี้เธอจะมากับบทบาทของลูกค้า แต่สายตาและความทรงจำยังพาเธอกลับไปในวันวานเมื่อเธอและภีมยังเป็นแฟนกัน
เธอจับกุญแจแน่น ก่อนลงจากรถก้าวเข้ามาที่ประตูร้าน พนักงานชายคนหนึ่งรีบออกมาต้อนรับทันที
“สวัสดีครับ คุณลูกค้า” เขาทักด้วยน้ำเสียงสุภาพ แพรไหมยิ้มเล็กๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันนัดกับเจ้าของร้านเอาไว้ค่ะ ชื่อแพรไหม” แพรไหมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ พนักงานชายพยักหน้า ก่อนเดินไปเช็คข้อมูลในไอแพดหลังเคาน์เตอร์ เขาเลื่อนหน้าจอแล้วพบข้อมูลนัด มีลูกค้าจองไว้เรียบร้อย แต่เจ้านายของเขาเขียนเบอร์ลูกค้าไว้ไม่ครบ
“ขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณลูกค้าหน่อยครับ” พนักงานถาม แพรไหมยื่นเบอร์ใหม่ที่ใช้โทรหาเขา
“นี่ค่ะ เบอร์ฉัน”
พนักงานพยักหน้า แล้วเชิญแพรไหมให้เข้าไปนั่งบนโซฟาหนังสีดำด้านในร้าน
“รอสักครู่ครับ ผมจะไปเรียกคุณภีมมาพบคุณ” พนักงานเอ่ยบอกเธอหันมองรอบร้านด้วยความตื่นตา ร้าน Black Fang Tattoo Studio หรูหรากว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้ พื้นไม้เงางาม ผนังสีเข้มตัดกับไฟสลัวที่ส่องลงมาเป็นจุด ๆ ให้ความรู้สึกหรูหราแต่ผ่อนคลาย
ร้านถูกแบ่งเป็น สามห้องสักส่วนตัว แต่ละห้องมีประตูไม้บานใหญ่และผนังกระจกฝ้า ทำให้ลูกค้าแต่ละคนมีความเป็นส่วนตัวสูง ภายในแต่ละห้องสะอาดเรียบร้อย ไม่มีคราบหมึกหรือกลิ่นฉุน กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดผสมกับกลิ่นน้ำหมึกอ่อนๆ กลายเป็นกลิ่นที่สะอาดและสบายตา แพรไหมพยักหน้าชื่นชมในความละเอียดของร้าน
“ไม่เคยเห็นร้านสักไหนสะอาดและหรูแบบนี้เลย” เธอพูดเบาๆ กับตัวเอง
ไม่นาน ประตูด้านในเปิดออก ภีมก้าวออกมาในเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูป กางเกงสแล็คสีเข้ม ร่างสูงกำยำ สายตาคมจับจ้องมาที่แพรไหม พอเห็นเธอนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าเขาแสดงความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคย
